อันหลินกับหลิวต้าเป่าเปิดฉากโจมตีแทบจะพร้อมกัน
พวกเขาเคลื่อนไหวปานสายลม พุ่งใส่กันอย่างรวดเร็ว
จุดเร้าใจของการต่อสู้ปะทุในพริบตา ทั้งคู่ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่เปิดศึก!
ตึกๆ…เพี๊ยะๆ…ปึกปัก…ฟึ่บฟั่บ….
หลังประมืออย่างดุเดือดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็หอบหายใจแยกจากกัน ต่างหยั่งเชิงด้วยความตึงเครียด
“เจ้าไม่เลว!”
“หึ…เจ้าก็ใช้ได้!”
“งั้นก็ ลุยต่อเถอะ!”
“ได้เลย!”
ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่จึงพุ่งเข้าหากัน รัวหมัดใส่กัน…
ตึกๆ…เพี๊ยะๆ…ปึกปัก…ฟึ่บฟั่บ….
นักเรียนอัจฉริยะหลายร้อยคนจากทั่วทุกมุมของแคว้นจิ่วโจว ต่างก็มองฉากที่ทั้งสองโรมรันกันอย่างตะลึงงันอยู่นาน ไม่อาจหลุดจากภวังค์ได้
“สวรรค์ ข้าทำอะไรผิด ทำไมต้องให้ข้ามาเห็นสิ่งนี้ด้วย” มีนักเรียนใหม่พูดอย่างสิ้นหวัง
“ความสามารถแบบนี้อยู่ห้องหนึ่งจริงหรือ”
“ที่แท้ข่าวลือทั้งหลายของอันหลินเป็นความจริง เขาเป็นคนที่เส้นใหญ่ที่สุดจริงๆ…”
ผู้หญิงน่ารักคนหนึ่งมีน้ำตารื้นชื้น เมื่อเห็นอันหลินผู้งามสง่า กลับใช้ท่วงท่าที่ป่าเถื่อนแบบนี้ รู้สึกเหมือนความฝันถูกทำลาย
สวีเสี่ยวหลานนึกเสียดาย นางมองอันหลินที่กำลังต่อสู้อยู่ รู้สึกแค่ว่าตาบอดไปแล้ว พึมพำอย่างอดไม่ได้ว่า “ข้าบ้าไปแล้วจริงๆ ถึงได้ตกลงว่าจะมาให้กำลังใจเจ้าที่นี่”
ปฏิกิริยาของผู้คนรอบข้างรุนแรงขึ้นทุกที สวีเสี่ยวหลานดีใจที่ตัวเองไม่ตะโกนประโยคนั้นออกมา
นางเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงหน้าผาก มองอันหลินที่ตกอยู่ในสภาวะลำบาก พร้อมกับพูดเสียงเบาว่า “ขอโทษนะ คำว่า ‘อันหลินสู้เขา’ ข้าไม่มีความกล้าจะตะโกนต่อหน้าฝูงชนจริงๆ…”
ขณะที่อันหลินกับหลิวต้าเป่าสู้รบโรมรัน สวีเสี่ยวหลานก็พบเงาชายในฝันของนาง
เซวียนหยวนเฉิง! ไม่คิดว่าเขาจะมาชมศึกด้วยเหมือนกัน สวีเสี่ยวหลานนึกดีใจ
นางกำลังคิดจะเข้าไปทักทาย ทว่ากลับเห็นเซวียนหยวนเฉิงขมวดคิ้วเดินออกไปจากฝูงชน
อากัปกิริยาที่เหมือนดวงตาแปดเปื้อนของเซวียนหยวนเฉิง ทำให้สวีเสี่ยวหลานหยุดฝีก้าวลง
นางมองเซวียนหยวนเฉิงอย่างเห็นใจแวบหนึ่ง พูดในใจว่า ‘ช่างเถอะ ปล่อยให้เขาสงบสติอารมณ์หน่อย…’
อันหลินกับหลิวต้าเป่าแยกจากกันอีกครั้ง ครั้งนี้ทั้งคู่ต่างก็บาดเจ็บ
ใบหน้าหล่อเหลาของอันหลินบวมเป่ง ส่วนดวงตาคู่นั้นของหลิวต้าเป่าก็ถูกชกจนเป็นตาหมีแพนด้า
“ความแข็งแกร่งของเจ้าเหนือความคาดหมายของข้า สมกับเป็นหนึ่งในสามบุคคลโด่งดังในหมู่นักเรียนใหม่”
“บีบคั้นข้าถึงขั้นนี้ได้ เจ้าควรจะภูมิใจ ตอนนี้ ข้าจะใช้ท่าไม้ตายที่น่ากลัวที่สุดแล้ว!”
หลิวต้าเป่าถูกชกจนเป็นแบบนี้ ใบหน้าโกรธขึงอย่างเห็นได้ชัด ตะโกนใส่อันหลินเสียงดัง
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อเหล่าศิษย์ใหม่ที่มุงดูได้ยินประโยคนี้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ค่อยๆ เบาลง เห็นได้ชัดว่าเกิดความคาดหวังกับท่าไม้ตายที่หลิวต้าเป่าพูดขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง
อันหลินใจสั่น ไม่คิดเลยว่าหลิวต้าเป่าจะมีท่าต่อไปอีก ทำให้เขาระแวงอย่างยิ่ง
“ฝ่ามือดูดดึง วิชาเซียน!” หลิวต้าเป่ายื่นฝ่ามือไปทางอันหลิน จากนั้นตะโกนเสียงดัง แสงสีขาวทะลักออกจากมือสองคู่นั้นของเขา
จู่ๆ อันหลินก็รู้สึกถึงแรงดูด จากนั้น ตัวเขาก็ลอยไปทางหลิวต้าเป่าอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“รู้วิชาเซียนด้วยหรือ!” อันหลินตกใจจนหน้าถอดสี พูดด้วยความตื่นเต้น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสอานุภาพของวิชาเซียนด้วยตัวเอง รู้สึกถึงความกล้าภายในใจที่ท่วมท้น
นี่ต่างหากการต่อสู้ระหว่างผู้บำเพ็ญเซียน!
เมื่อร่างของอันหลินลอยเข้าไปใกล้หลิวต้าเป่า อาศัยตอนที่สองมือของหลิวต้าเป่าขยับไม่ได้ ปล่อยหมัดออกไปกระแทกหน้าของหลิวต้าเป่าสุดกำลัง
“ปัก!” ใบหน้าของหลิวต้าเป่าถูกหมัดของอันหลินกระแทกเข้าอย่างจังโดยไม่ทันตั้งตัว ฟันซี่หนึ่งกระเด็นออกมา…
หลิวต้าเป่าล้มลงกับพื้น พ่นเลือดออกมา ใบหน้าแสดงอาการตกใจ
“ช่างเป็นความสามารถในการตอบสนองที่น่ากลัวนัก เจ้าเป็นศัตรูตัวฉกาจของข้าจริงๆ ด้วย!
แต่ยิ่งเจ้าแข็งแกร่ง ข้าก็ยิ่งฮึกเหิม เพราะแบบนี้ ถึงจะเรียกว่าต่อสู้ได้!”
หลังหลิวต้าเป่าลั่นวาจาอันห้าวหาญแล้ว ก็โรมรันพันตูกับอันหลินอีกครั้ง…
ตึกๆ…เพี๊ยะๆ…ปึกปัก…ฟึ่บฟั่บ….
คนที่มุงดูต่างก็ตะลึงงัน ตกอยู่ในความเงียบอันชอบกล
…
“ข้าอยากพุ่งเข้าไปชกพวกเขาสองคนสักตั้ง” นักเรียนใหม่คนหนึ่งพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ข้าด้วย ข้าก็ทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน…” นักเรียนใหม่อีกคนคล้อยตาม เขาชักกระบี่ข้างเอวออกมาแล้ว
“ข้าเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เพื่อการต่อสู้ของพวกเจ้า ข้ายอมทิ้งของหวานที่ใครไปก่อนได้ก่อนของโรงอาหาร! หากพวกเจ้าเข้าไป ข้าจะไปด้วย” ผู้หญิงคนหนึ่งก็ชักกริชออกมาแล้วเช่นกัน พูดอย่างดุดัน
“บวกหนึ่ง”
“บวกหนึ่ง”
“บวกหนึ่ง”
ด้วยเหตุนี้ ศิษย์ใหม่หลายร้อยคนที่กำลังมองดูการแข่งขันของคนทั้งสอง ต่างก็แผ่รังสีอำมหิต และชักอาวุธออกมาอย่างพร้อมเพรียง
สวีเสี่ยวหลานแค่นยิ้ม นางก้าวถอยหลังเงียบๆ แอบอธิษฐานให้อันหลินในใจ “อันหลิน อย่าถูกตีตายล่ะ พิการสักหน่อยก็พอแล้ว…”
อันหลินกับหลิวต้าเป่าที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่รู้เลยว่าพวกเขามีอันตรายถึงชีวิตแล้ว…
“พวกเจ้าใจเย็นกันหน่อย ข้าแจ้งทางการแล้ว!” ชายคนหนึ่งโกรธจนควันออกหู พูดอย่างเคียดแค้น
คนอื่นต่างก็คิดว่าเขาพูดเล่น จึงไม่ใส่ใจ เตรียมจะลงไม้ลงมือแล้ว
แต่เพียงไม่นาน ชายสวมชุดสีน้ำเงิน เท้าเหยียบกระบี่บินสามคนคนลอยลงมาจากฟ้า กระโดดลงมากลางสนามรบระหว่างอันหลินกับหลิวต้าเป่า
กระบี่สวรรค์เล่มหนึ่งตกลงบนบริเวณที่ทั้งสองประมือกัน จากนั้นความดันของแรงลมอันน่ากลัวก็กระจายออกมาจากกระบี่ พัดอันหลินกับหลิวต้าเป่าที่กำลังต่อสู้อยู่ออกไป
มีคนแทรกแซงกะทันหัน ทำให้สองคนที่กำลังสู้กันตกตะลึง พากันหยุดต่อสู้
ขณะนั้นเอง ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าสุดเผยป้ายอาญาสิทธิ์ออกมา พร้อมพูดกับอันหลินและหลิวต้าเป่าว่า “พวกเราเป็นสมาชิกหน่วยบังคับใช้กฎหมายของสำนัก พวกเจ้าสองคนใช้กำลังในรั้วโรงเรียนโดยพลการ สถานการณ์เลวร้ายยิ่งนัก”
“ตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนแล้ว พวกเจ้าต้องถูกจับกุมตอนนี้ ส่งไปที่ห้องควบคุมตัว ถูกกักตัวเป็นเวลาสามวัน!”
อันหลินชะงัก มองหลิวต้าเป่าด้วยใบหน้าที่ฉายความสงสัย
อะไรกัน ที่จริงแล้วการท้ารบระหว่างคนสองคนผิดกฎสำนักงั้นหรือ
หลิวต้าเป่าไม่สนใจอันหลิน กลับกันเขาแสดงท่าทางยอมพลีชีพ ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “เพื่อเกียรติของห้องหนึ่งร้อย ศึกนี้ข้าไม่เสียใจ!
เพียงแต่น่าเสียดาย ระหว่างเรายังไม่รู้ผลแพ้ชนะ” หลิวต้าเป่ามองอันหลินด้วยความเสียดาย
บัดซบ ถูกหลอกหรือนี่! อันหลินคำรามในใจ เขาเพิ่งรู้ตอนนี้ว่าสำนักมีกฎระเบียบข้อนี้อยู่ด้วย!
เพิ่งเข้าสำนักได้ไม่กี่วัน ก็ถูกกักตัวถึงสามวันแล้ว
นี่มันเพราะอะไร ทำไมผลลัพธ์ถึงได้เป็นแบบนี้
อันหลินกับหลิวต้าเป่าถูกใส่กุญแจมือทั้งคู่ ไม่อาจขัดขืนได้ ถูกสมาชิกสามคนของหน่วยบังคับใช้กฎหมายพาตัวไปเสียแล้ว
ตอนที่พวกเขาจากไป มีเสียงปรบมือของนักเรียนใหม่หลายร้อยคนดังตามหลัง
เสียงปรบมือชื่นชมยินดียิ่งนัก ดังอยู่นานไม่ยอมหยุด มีคนถึงขั้นน้ำตารื้นขอบตา
“ได้ยินเสียงปรบมือของพวกเขาไหม พวกเราพิสูจน์ตัวเองด้วยการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว” หลิวต้าเป่าพูดกับอันหลินที่อยู่ข้างๆ
ความโกรธในดวงตาเขาหายไปแล้ว มองอันหลินด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าแสดงออกมาว่า ‘ระหว่างวีรบุรุษ ควรเห็นอกเห็นใจกัน’
อันหลินยิ้มบางๆ พูดอย่างโล่งใจว่า “นั่นสิ ได้รับการยอมรับจากพวกเขา บอกตามตรง ถูกจับไปกักตัวสามวัน ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย”
เหล่านักเรียนใหม่หลายร้อยคนมีความรู้สึกร้อยแปดพันเก้า พวกเขาได้เห็นการต่อสู้ที่ไม่มีสิ่งใดเทียบ ศึกนี้จะทิ้งร่องรอยอันเด่นชัดลงในชีวิตของพวกเขา
“ยังดีที่หน่วยบังคับกฎหมายมา ไม่อย่างนั้นข้าคงจะลงมือแล้วจริงๆ”
“พวกเขาหยุดยั้งการต่อสู้ที่น่ากลัวได้สำเร็จ”
“ประสิทธิภาพการทำงานของหน่วยบังคับใช้กฎหมายดียิ่งนัก ข้าถูกใจ!”
สองคนผู้น่าสงสาร พวกเขาไม่รู้เลยว่า เสียงปรบมือชื่นชมยินดีของนักเรียนใหม่หลายร้อยคนนั้น มอบให้สมาชิกหน่วยผู้บังคับใช้กฎหมายที่มาทันเวลาต่างหาก…
…………………………….
Related