เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างจางหยู, ซุนเมิ่งและซุนวู ทุกคนในสำนักคังเฉียงก็พอเข้าใจได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ทุกคนพากันมองไปที่ซุนวูและซุนเมิ่งด้วยสายตาอิจฉา นั่นคือกึ่งจ้าวโกลาหล ตัวตนที่เหนือกว่าราชา !
ตอนนี้ซุนเมิ่งและซูนวูมีโอกาสที่จะกลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว
จางหยูรับรู้ได้ถึงสายตาของผู้คนโดยรอบจึงพูดขึ้นมาว่า “ พวกเจ้าไม่ต้องอิจฉาไป หากพวกเจ้าขึ้นเป็นราชาได้และอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ข้าจะช่วยให้พวกเจ้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล! ทุกคนในสำนักคังเฉียงมีโอกาสจะได้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหล สำหรับว่าพวกเจ้าจะคว้าโอกาสนั้นได้รึไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ทุกคนก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
เพื่อปลุกขวัญกำลังคนในสำนักคังเฉียงจางหยูได้พาซุนวูไปยังโลกการผันแปรของดวงดาว ส่วนผู้ควบคุมคนอื่นๆและกุยหยวนนั้นจางหยูไม่ได้ใส่ใจ เขาไม่ได้มีหน้าที่ช่วยพวกนี้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหล นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีความสามารถเลย แม้ว่าเขาจะทำได้แต่เขาก็ไม่ทำ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่ของคนพวกนี้ เขาจะช่วยคนพวกนี้ไปทำไมกัน ?
ที่บรรพกาลของโลกการผันแปรของดวงดาว
จางหยูและซุนวูได้ยืนนิ่งอยู่ในบรรพกาล
“ ข้าต้องทำอะไรรึไม่ ?” ซุนวูถามขึ้นมา
จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าไม่ต้องทำอะไร เจ้าแค่รอ”
จางหยูหันไปมองยังบรรพกาลที่กำเนิดขึ้นใหม่ แม้ว่าบรรพกาลแห่งนี้จะเพิ่งกำเนิดขึ้นมาแต่ก็มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของบรรพกาลโลกผนึกเทพ มันไม่อาจจะเทียบกับบรรพกาลของโลกบรรพกาลได้แต่มันคือบรรพกาลที่สมบูรณ์ มันสามารถทนรับร่างบรรพกาลได้ จางหยูควบคุมบรรพกาลรอบตัวและอัดแน่นมันเพื่อสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมา
ร่างบรรพกาลนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนกับซุนวูราวกับเป็นร่างแยกของอีกฝ่าย
ไม่นานร่างบรรพกาลก็ถูกสร้างจนเสร็จ นอกจากไม่มีจิตแล้ว ร่างนี้ก็เหมือนกับซุนวูจนแยกกันไม่ออก
“ ต่อไปเจ้าก็ตรงเข้าไปในร่างใหม่” จางหยูพูดขึ้น “ นี่คือร่างบรรพกาลรึร่างโกลาหล เมื่อเจ้าหลอมรวมกับมันแล้ว เจ้าจะควบคุมมันได้และขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล”
ซุนวูมองไปที่ร่างตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาได้ทำการควบคุมจิตและวิญญาณเข้าไปในร่างตรงหน้า
ตอนที่จิตและวิญญาณของซุนวูกำลังจะเข้าไปในร่างใหม่ จิตและวิญญาณของเขากลับโดนกลืนโดยร่างบรรพกาล ร่างบรรพกาลเหมือนจะทำงาน มันมีคลื่นพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาและกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันถึงกับทำให้บรรพกาลสั่นไหว “ แข็งแกร่งจริงๆ !” ซุนวูเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาล เขาตะลึงอย่างมาก เขาคิดว่าราชานั้นแข็งแกร่งแล้ว แม้ว่าจะอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่อย่างมากก็แค่แกร่งกว่าเล็กน้อย จนถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าความคิดของเขาน่าตลกแค่ไหน กึ่งจ้าวโกลาหลรึขอบเขตการสร้างไร้จำกัดล้วนแกร่งกว่าราชาอย่างมาก มันต่างกันราวกับสวรรค์และโลก
ซุนวูไม่สงสัยว่าถึงจะมีราชา 10 คนตรงหน้าเขา แต่เขาก็สามารถกำจัดพวกนั้นได้ง่ายๆ
นี่คือความแข็งแกร่งที่บดขยี้อีกฝ่ายได้ !
“นี่คือกึ่งจ้าวโกลาหลรึ?” ซุนวูปรับตัวกับร่างใหม่ เขาแผ่การรับรู้ออกไปและรับรู้ได้ถึงบรรพกาลโดยรอบ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงโลกการผันแปรของดวงดาว ราวกับว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เพียงแค่คิดเขาก็สามารถควบคุมพลังบรรพกาลได้ ซุนวูได้สติกลับมาและมองไปที่จางหยู “ ขอบคุณมากเจ้าสำนัก !”
จางหยูโบกมือ “ ไม่ต้องขอบคุณ ข้าช่วยเจ้าไม่ใช่เพราะอยากช่วย ข้าช่วยเจ้าเพราะอยากให้เจ้าช่วยข้า”
ซุนวูไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู เขาแค่คิดว่าจางหยูช่วยเขาเพื่อที่เขาจะได้ช่วยจัดการกับไห่อู่เซิงด้วยกัน
“ ต้นไม้บรรพกาลกำเนิดขึ้นมาแล้ว เจ้าจำไว้ว่าต้องปกป้องมันเอาไว้ เพราะมันจะเร่งความเร็วให้กับการเติบโตของบรรพกาล มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าพัฒนาได้เร็วขึ้น หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับต้นไม้บรรพกาล มันจะส่งผลถึงความแข็งแกร่งของเจ้าด้วย” จางหยูย้ำแล้วพูดขึ้น “ เจ้าปรับตัวกับพลังไปก่อน”
เขาจำเป็นต้องไปดูแลโลกป่า เขาไม่กล้าจะจากไปนานเพื่อไม่ให้ไห่อู่เซิงลอบโจมตี
ไม่นานจางหยูก็ได้กลับไปที่โลกป่า เขานั่งอยู่บนลานและรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา
การกำเนิดบรรพกาลแห่งใหม่และการที่ซุนวูได้เป็นจ้าวบรรพกาลนั้น ทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูยกระดับขึ้นอีก วิญญาณ, จิตผู้สร้างหรือแม้แต่พลังสร้างของเขาก็พัฒนาขึ้นมาอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากว่า 3 ใน 10
จางหยูถึงกับสงสัยว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอกว่าไห่อู่เซิงเลย
“ อาจารย์” ไม่รู้ว่าซุนเมิ่งปรากฏตัวขึ้นตอนไหน
จางหยูค่อยๆลืมตาขึ้นมาและมองไปที่ซุนเมิ่ง
ซุนเมิ่งถามขึ้นมา “ เราจะไปจัดการกับเขาเมื่อไหร่?”
ตอนนี้สำนักคังเฉียงมีกึ่งจ้าวโกลาหล 4 คน ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด 1 คน ห้าคนร่วมมือกัน แม้แต่ในโกลาหลนภาไห่อู่เซิงก็คงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ ! “รอให้น้องชายของเจ้าทำความคุ้นเคยกับร่างบรรพกาล และสามารถควบคุมพลังทั้งหมดได้ เมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยไปจัดการกับไห่อู่เซิง” จางหยูยังคงใจเย็น เขาไม่เคยกลัวไห่อู่เซิง ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าไห่อู่เซิงจะกลืนกินโกลาหลและโลกป่าจะถูกทำลาย งั้นเขาคงซ่อนตัวอยู่ในโลกตันเถียน จากนั้นไห่อู่เซิงก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ “ มันคงกินเวลาไม่กี่วัน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ”
ซุนเมิ่งใจชื้นขึ้นมา ในที่สุดก็จะเริ่มกันแล้ว !
นางจะได้แก้แค้นให้กับปู่ของนาง !
“ ไม่ ไม่ใช่แค่ท่านปู่..” ซุนเมิ่งนึกถึงพ่อนางที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย “ บางทีพ่ออาจจะตายเพราะเขาด้วย !”
ไม่รู้ว่าตระกูลซุนโดนไห่อู่เซิงกลืนกินไปแล้วกี่คนกัน!
เลือดต้องล้างด้วยเลือด!
ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอกลาน “ ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย !”
จางหยูขมวดคิ้วและมองไปที่เนี่ยเวิ่น “ เกิดอะไรขึ้น ?”
“ ไห่อู่เซิง !” เนี่ยเวิ่นร้อนใจเป็นอย่างมาก “ เขาเข้าไปในเขตหวงห้ามและลอบโจมตีต้นไม้โกลาหล ร่างหลักบาดเจ็บหนักและไม่อาจจะทนไหว !”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของต้นไม้โกลาหลนั้นยังต่างชั้นกับไห่อู่เซิง
จางหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่ลังเลที่จะไปยังเขตหวงห้ามทันที
ซุนเมิ่งรีบตามไป ต้นไม้โกลาหลเกี่ยวข้องกับทั้งโกลาหล หากต้นไม้โกลาหลตายไป ทั้งโกลาหลก็จะล่มสลายไปด้วย หากไม่มีต้นไม้โกลาหล เดาว่าไห่อู่เซิงก็จะทำลายโกลาหลได้ง่าย
ต้นไม้โกลาหลไม่อาจจะตายได้ !
ในอีกด้าน จางลู่ก็ได้รับข้อความจากจางหยู เขาได้แจ้งกับซุนเหยียน, เสี่ยวเสียรวมถึงซุนวูที่กำลังปรับตัวกับร่างใหม่อยู่
ทั้งสามไม่ลังเลที่จะออกจากบรรพกาลและมุ่งหน้าไปยังโลกป่า จากนั้นก็เดินทางไปที่เขตหวงห้ามทันที
ที่เขตหวงห้าม
“ ยังไม่ตายอีกรึ” ไห่อู่เซิงมองไปที่ต้นไม้โกลาหลพลางย่นคิ้ว “ ข้าดูถูกเจ้าไปจริงๆ”
ตอนนี้ต้นไม้โกลาหลเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ที่ลำต้นมีรูอยู่เป็นจำนวนมาก พลังของมันปกคลุมบาดแผลและค่อยๆฟื้นฟูบาดแผลขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ เขตหวงห้ามคือดินแดนของข้า” เสียงของต้นไม้โกลาหลนั้นอ่อนแรง แต่ไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “ นอกซะจากว่าเจ้าจะทำลายเขตหวงห้าม ไม่งั้นต่อให้เจ้าโจมตีข้าแค่ไหนก็ไม่อาจจะฆ่าข้าได้ !”
“ คิดว่ายากนักเหรอถ้าจะทำลายเขตหวงห้าม ?” ไห่อู่เซิงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะควบคุมพลังโกลาหลเข้าโจมตีเขตหวงห้าม ตอนนั้นเขตหวงห้ามสั่นไหวอย่างรุนแรง พายุก่อตัวขึ้นและกระจายไปทั่ว ไม่นานเขตหวงห้ามก็เกิดรูขึ้นมาจำนวนมาก คลื่นพลังของต้นไม้โกลาหลเองก็อ่อนแอลงไปอย่างมากเช่นกัน
เมื่อเห็นแบบนั้นไห่อู่เซิงก็หัวเราะออกมา “ ตายซะเถอะ !”
“ ใครกันแน่ที่จะตาย ?” เสียงของจางหยูก็ดังขึ้น
ตอนนี้ซุนเมิ่งและซูนวูมีโอกาสที่จะกลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว
จางหยูรับรู้ได้ถึงสายตาของผู้คนโดยรอบจึงพูดขึ้นมาว่า “ พวกเจ้าไม่ต้องอิจฉาไป หากพวกเจ้าขึ้นเป็นราชาได้และอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด ข้าจะช่วยให้พวกเจ้าเป็นกึ่งจ้าวโกลาหล! ทุกคนในสำนักคังเฉียงมีโอกาสจะได้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหล สำหรับว่าพวกเจ้าจะคว้าโอกาสนั้นได้รึไม่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ทุกคนก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
เพื่อปลุกขวัญกำลังคนในสำนักคังเฉียงจางหยูได้พาซุนวูไปยังโลกการผันแปรของดวงดาว ส่วนผู้ควบคุมคนอื่นๆและกุยหยวนนั้นจางหยูไม่ได้ใส่ใจ เขาไม่ได้มีหน้าที่ช่วยพวกนี้เป็นกึ่งจ้าวโกลาหล นี่ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่มีความสามารถเลย แม้ว่าเขาจะทำได้แต่เขาก็ไม่ทำ ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่พ่อแม่ของคนพวกนี้ เขาจะช่วยคนพวกนี้ไปทำไมกัน ?
ที่บรรพกาลของโลกการผันแปรของดวงดาว
จางหยูและซุนวูได้ยืนนิ่งอยู่ในบรรพกาล
“ ข้าต้องทำอะไรรึไม่ ?” ซุนวูถามขึ้นมา
จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าไม่ต้องทำอะไร เจ้าแค่รอ”
จางหยูหันไปมองยังบรรพกาลที่กำเนิดขึ้นใหม่ แม้ว่าบรรพกาลแห่งนี้จะเพิ่งกำเนิดขึ้นมาแต่ก็มีขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของบรรพกาลโลกผนึกเทพ มันไม่อาจจะเทียบกับบรรพกาลของโลกบรรพกาลได้แต่มันคือบรรพกาลที่สมบูรณ์ มันสามารถทนรับร่างบรรพกาลได้ จางหยูควบคุมบรรพกาลรอบตัวและอัดแน่นมันเพื่อสร้างร่างบรรพกาลขึ้นมา
ร่างบรรพกาลนี้รูปร่างหน้าตาเหมือนกับซุนวูราวกับเป็นร่างแยกของอีกฝ่าย
ไม่นานร่างบรรพกาลก็ถูกสร้างจนเสร็จ นอกจากไม่มีจิตแล้ว ร่างนี้ก็เหมือนกับซุนวูจนแยกกันไม่ออก
“ ต่อไปเจ้าก็ตรงเข้าไปในร่างใหม่” จางหยูพูดขึ้น “ นี่คือร่างบรรพกาลรึร่างโกลาหล เมื่อเจ้าหลอมรวมกับมันแล้ว เจ้าจะควบคุมมันได้และขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล”
ซุนวูมองไปที่ร่างตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ เขาได้ทำการควบคุมจิตและวิญญาณเข้าไปในร่างตรงหน้า
ตอนที่จิตและวิญญาณของซุนวูกำลังจะเข้าไปในร่างใหม่ จิตและวิญญาณของเขากลับโดนกลืนโดยร่างบรรพกาล ร่างบรรพกาลเหมือนจะทำงาน มันมีคลื่นพลังอันน่ากลัวแผ่ออกมาและกระจายไปทั่วทุกทิศทาง มันถึงกับทำให้บรรพกาลสั่นไหว “ แข็งแกร่งจริงๆ !” ซุนวูเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของร่างบรรพกาล เขาตะลึงอย่างมาก เขาคิดว่าราชานั้นแข็งแกร่งแล้ว แม้ว่าจะอยู่ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด แต่อย่างมากก็แค่แกร่งกว่าเล็กน้อย จนถึงตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าความคิดของเขาน่าตลกแค่ไหน กึ่งจ้าวโกลาหลรึขอบเขตการสร้างไร้จำกัดล้วนแกร่งกว่าราชาอย่างมาก มันต่างกันราวกับสวรรค์และโลก
ซุนวูไม่สงสัยว่าถึงจะมีราชา 10 คนตรงหน้าเขา แต่เขาก็สามารถกำจัดพวกนั้นได้ง่ายๆ
นี่คือความแข็งแกร่งที่บดขยี้อีกฝ่ายได้ !
“นี่คือกึ่งจ้าวโกลาหลรึ?” ซุนวูปรับตัวกับร่างใหม่ เขาแผ่การรับรู้ออกไปและรับรู้ได้ถึงบรรพกาลโดยรอบ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงโลกการผันแปรของดวงดาว ราวกับว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขา มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายเขา เพียงแค่คิดเขาก็สามารถควบคุมพลังบรรพกาลได้ ซุนวูได้สติกลับมาและมองไปที่จางหยู “ ขอบคุณมากเจ้าสำนัก !”
จางหยูโบกมือ “ ไม่ต้องขอบคุณ ข้าช่วยเจ้าไม่ใช่เพราะอยากช่วย ข้าช่วยเจ้าเพราะอยากให้เจ้าช่วยข้า”
ซุนวูไม่เข้าใจคำพูดของจางหยู เขาแค่คิดว่าจางหยูช่วยเขาเพื่อที่เขาจะได้ช่วยจัดการกับไห่อู่เซิงด้วยกัน
“ ต้นไม้บรรพกาลกำเนิดขึ้นมาแล้ว เจ้าจำไว้ว่าต้องปกป้องมันเอาไว้ เพราะมันจะเร่งความเร็วให้กับการเติบโตของบรรพกาล มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของเจ้าพัฒนาได้เร็วขึ้น หากมีอะไรไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับต้นไม้บรรพกาล มันจะส่งผลถึงความแข็งแกร่งของเจ้าด้วย” จางหยูย้ำแล้วพูดขึ้น “ เจ้าปรับตัวกับพลังไปก่อน”
เขาจำเป็นต้องไปดูแลโลกป่า เขาไม่กล้าจะจากไปนานเพื่อไม่ให้ไห่อู่เซิงลอบโจมตี
ไม่นานจางหยูก็ได้กลับไปที่โลกป่า เขานั่งอยู่บนลานและรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา
การกำเนิดบรรพกาลแห่งใหม่และการที่ซุนวูได้เป็นจ้าวบรรพกาลนั้น ทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูยกระดับขึ้นอีก วิญญาณ, จิตผู้สร้างหรือแม้แต่พลังสร้างของเขาก็พัฒนาขึ้นมาอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากว่า 3 ใน 10
จางหยูถึงกับสงสัยว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่ได้อ่อนแอกว่าไห่อู่เซิงเลย
“ อาจารย์” ไม่รู้ว่าซุนเมิ่งปรากฏตัวขึ้นตอนไหน
จางหยูค่อยๆลืมตาขึ้นมาและมองไปที่ซุนเมิ่ง
ซุนเมิ่งถามขึ้นมา “ เราจะไปจัดการกับเขาเมื่อไหร่?”
ตอนนี้สำนักคังเฉียงมีกึ่งจ้าวโกลาหล 4 คน ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด 1 คน ห้าคนร่วมมือกัน แม้แต่ในโกลาหลนภาไห่อู่เซิงก็คงรับมือกับพวกเขาไม่ได้ ! “รอให้น้องชายของเจ้าทำความคุ้นเคยกับร่างบรรพกาล และสามารถควบคุมพลังทั้งหมดได้ เมื่อถึงตอนนั้นเราค่อยไปจัดการกับไห่อู่เซิง” จางหยูยังคงใจเย็น เขาไม่เคยกลัวไห่อู่เซิง ถ้าไม่ใช่เพราะกังวลว่าไห่อู่เซิงจะกลืนกินโกลาหลและโลกป่าจะถูกทำลาย งั้นเขาคงซ่อนตัวอยู่ในโลกตันเถียน จากนั้นไห่อู่เซิงก็ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ “ มันคงกินเวลาไม่กี่วัน เจ้าเตรียมตัวให้พร้อมทุกเมื่อ”
ซุนเมิ่งใจชื้นขึ้นมา ในที่สุดก็จะเริ่มกันแล้ว !
นางจะได้แก้แค้นให้กับปู่ของนาง !
“ ไม่ ไม่ใช่แค่ท่านปู่..” ซุนเมิ่งนึกถึงพ่อนางที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย “ บางทีพ่ออาจจะตายเพราะเขาด้วย !”
ไม่รู้ว่าตระกูลซุนโดนไห่อู่เซิงกลืนกินไปแล้วกี่คนกัน!
เลือดต้องล้างด้วยเลือด!
ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านนอกลาน “ ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย !”
จางหยูขมวดคิ้วและมองไปที่เนี่ยเวิ่น “ เกิดอะไรขึ้น ?”
“ ไห่อู่เซิง !” เนี่ยเวิ่นร้อนใจเป็นอย่างมาก “ เขาเข้าไปในเขตหวงห้ามและลอบโจมตีต้นไม้โกลาหล ร่างหลักบาดเจ็บหนักและไม่อาจจะทนไหว !”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความแข็งแกร่งของต้นไม้โกลาหลนั้นยังต่างชั้นกับไห่อู่เซิง
จางหยูสีหน้าเปลี่ยนไป เขาไม่ลังเลที่จะไปยังเขตหวงห้ามทันที
ซุนเมิ่งรีบตามไป ต้นไม้โกลาหลเกี่ยวข้องกับทั้งโกลาหล หากต้นไม้โกลาหลตายไป ทั้งโกลาหลก็จะล่มสลายไปด้วย หากไม่มีต้นไม้โกลาหล เดาว่าไห่อู่เซิงก็จะทำลายโกลาหลได้ง่าย
ต้นไม้โกลาหลไม่อาจจะตายได้ !
ในอีกด้าน จางลู่ก็ได้รับข้อความจากจางหยู เขาได้แจ้งกับซุนเหยียน, เสี่ยวเสียรวมถึงซุนวูที่กำลังปรับตัวกับร่างใหม่อยู่
ทั้งสามไม่ลังเลที่จะออกจากบรรพกาลและมุ่งหน้าไปยังโลกป่า จากนั้นก็เดินทางไปที่เขตหวงห้ามทันที
ที่เขตหวงห้าม
“ ยังไม่ตายอีกรึ” ไห่อู่เซิงมองไปที่ต้นไม้โกลาหลพลางย่นคิ้ว “ ข้าดูถูกเจ้าไปจริงๆ”
ตอนนี้ต้นไม้โกลาหลเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ที่ลำต้นมีรูอยู่เป็นจำนวนมาก พลังของมันปกคลุมบาดแผลและค่อยๆฟื้นฟูบาดแผลขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ เขตหวงห้ามคือดินแดนของข้า” เสียงของต้นไม้โกลาหลนั้นอ่อนแรง แต่ไม่ได้เกรงกลัวอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย “ นอกซะจากว่าเจ้าจะทำลายเขตหวงห้าม ไม่งั้นต่อให้เจ้าโจมตีข้าแค่ไหนก็ไม่อาจจะฆ่าข้าได้ !”
“ คิดว่ายากนักเหรอถ้าจะทำลายเขตหวงห้าม ?” ไห่อู่เซิงฮึดฮัดออกมา ก่อนจะควบคุมพลังโกลาหลเข้าโจมตีเขตหวงห้าม ตอนนั้นเขตหวงห้ามสั่นไหวอย่างรุนแรง พายุก่อตัวขึ้นและกระจายไปทั่ว ไม่นานเขตหวงห้ามก็เกิดรูขึ้นมาจำนวนมาก คลื่นพลังของต้นไม้โกลาหลเองก็อ่อนแอลงไปอย่างมากเช่นกัน
เมื่อเห็นแบบนั้นไห่อู่เซิงก็หัวเราะออกมา “ ตายซะเถอะ !”
“ ใครกันแน่ที่จะตาย ?” เสียงของจางหยูก็ดังขึ้น