ความเร็วของจางหยูนั้นช่างน่าทึ่ง ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายของซุนเมิ่งและซุนวู
เมื่อได้ยินเสียงของจางหยู ไห่อู่เซิงก็ไม่ได้แปลกใจ อันที่จริงตอนที่จางหยูเข้ามาใกล้ เขาก็รับรู้ถึงการมาของจางหยูแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจางหยูจะเร็วแบบนี้
“ คนตายอีกคน” หากเทียบกับการโจมตีต้นไม้โกลาหลก่อนนี้แล้ว ความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่กลัวใคร แม้ว่าจางหยูและคนอื่นๆจะร่วมมือกันก็ตาม
“ อาจารย์ ” เมื่อซุนเมิ่งเห็นจางหยูมาถึงแล้วก็อดโล่งอกไม่ได้
ซุนวูพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “ เจ้าสำนัก ในที่สุดท่านก็มา”
เสี่ยวเสียตัวสั่น ขณะเดียวกันก็มีเลือดไหลออกมาจากปากมัน มันจ้องเขม็งไปที่ไห่อู่เซิงด้วยสีหน้าเคียดแค้น
“ ข้าด้วย !” ตอนนั้นเองเสียงของซุนเหยียน ก็ดังขึ้นพร้อมกับลำแสงที่พุ่งเข้ามา จากนั้นซุนเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายจางหยู
จางหยู, เสี่ยวเสีย, ซุนเหยียน, ซุนเมิ่งและซุนวูทั้งห้าคนได้มารวมตัวกันเป็นครั้งแรก !
ไห่อู่เซิงหรี่ตาลงและกวาดตามองทั้งห้าคน “ กึ่งจ้าวโกลาหล 4 คน ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด 1 คน พวกเจ้าให้ช่างเกียรติข้าจริงๆ”
“ ยอมแพ้ซะไห่อู่เซิง“ จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าไม่อาจจะรับมือกับพวกเราได้ จุดเชื่อมระหว่างโกลาหลและโกลาหลนภานั้นข้าพบมันแล้”
ไห่อู่เซิงดึงพลังกลับมาแล้วแสยะยิ้ม “ พบแล้วยังไง ? หากเป็นเมื่อ 23- เดือนก่อน ข้าอาจจะกลัวเจ้า แต่ตอนนี้…เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ?” “ อย่าลืมว่าโกลาหลแห่งนี้ไม่ใช่ของเจ้า” ซุนเหยียนฮึดฮัดออกมา “ในโกลาหลนภาเราอาจจะสู้เจ้าไม่ได้ แต่ในโกลาหลนี้เจ้าไม่อาจเป็นคู่มือของเราได้”
“ เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงหายตัวไปนานนัก ?” ไห่อู่เซิงเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
ซุนเหยียนขมวดคิ้ว “เลิกแต่งผีหลอกคนได้แล้ว!”
“ มันมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่รู้ แม้ว่าตลอดหลายปีมานี้สุสานจะโดนเจ้าควบคุม แต่อันที่จริงแล้วเจ้าของสุสานจริงๆนั้นคือข้า ที่เจ้าควบคุมปราณสุสานได้ก็เพราะข้าให้สิทธิ์เจ้า ”
“ หลังจากที่สู้กับเจ้าไป นอกจากฟื้นฟูตัวเองแล้ว ข้ายังได้ทำการผูกจิตกับสุสานอีกครั้งและสูบปราณสุสานเข้ามาในตัว แม้ว่าจะรวมตัวกันได้ไม่สมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก” ไห่อู่เซิงยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ “ ตอนนี้ข้าไม่ใช่แค่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแต่ยังได้รับพลังเพิ่มเติมจากโกลาหลนภาและปราณสุสาน ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เจ้าจะเป็นคู่มือข้าได้รึ?” เมื่อพูดถึงจุดนี้ไห่อู่เซิงก็เงียบไปชั่วครู่ “ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัย ปราณสุสานจำนวนมากหายไปได้ยังไง ? หากข้าไม่ได้กลืนกินผู้คนและเชื่อมต่อกับสุสานใหม่ งั้นข้าคงไม่กล้าจะมาเผชิญหน้ากับพวกเจ้า”
เสี่ยวเสียที่อยู่ด้านหลังจางหยูก็ฉีกยิ้มออกมา “ ปราณสุสานพวกนั้นท่านเสี่ยวเสียผู้นี้กินไปเอง ! น่าเสียดายที่ข้ารีบไปหน่อย จึงเหลือไว้ให้เจ้าเล็กน้อย…”
“ เจ้าเองรึ ? ” ไห่อู่เซิงยักคิ้วและมองไปที่เสี่ยวเสีย “ ขยะเช่นเจ้าทำได้ยังไงกัน ?”
“ เจ้าเฒ่า เจ้าดูถูกข้างั้นรึ ?” เสี่ยวเสียกัดฟันแน่น
จางหยู, ซุนเหยียนและคนอื่นๆมองไปที่ไห่อู่เซิง ซุนวูและซุนเมิ่งได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงแล้ว เป็นธรรมดาที่จะรู้ดีกว่าไห่อู่เซิงแข็งแกร่งแค่ไหน แม้ว่าจางหยูและซุนเหยียนจะยังไม่ปะทะกับไห่อู่เซิง แต่หากลองคิดดีๆแล้วก็พอเดาออกว่าพลังจากโกลาหลนภาและสุสานนั้นน่ากลัวแค่ไหน
การที่ควบคุมได้ทั้งสุสานและโกลาหลนภานั้นต้องไม่ใช่กึ่งจ้าวโกลาหลทั่วไป
“ ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะไม่กลัว” จางหยูพูดขึ้น “ ด้วยพลังจากโกลาหลนภาและปราณสุสาน มันไม่อาจจะประมาทเจ้าได้จริงๆ”
“ งั้นก็เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ต้องยอมแพ้ เลิกดิ้นรนแล้วมาเป็นอาหารของข้าซะ” ไห่อู่เซิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จางหยูพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “ แต่ว่าความแข็งแกร่งของข้าเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะเหนือกว่าเจ้ารึไม่ หากเจ้าคิดว่าเจ้าแกร่งพอแล้ว งั้น…ก็มาลองดูกัน”
โลกตันเถียนมีโลกกำเนิดขึ้นมามากมาย ดังนั้นความแข็งแกร่งของจางหยูจึงเพิ่มขึ้นไปอีก โลกการผันแปรของดวงดาวได้กลายเป็นโลกขั้นที่ 9 รวมถึงให้กำเนิดบรรพกาลขึ้นมา มันทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้น การได้สู้กับไห่อู่เซิงจะเป็นการยืนยันความก้าวหน้าของเขา “ งั้นรึ ?” ไห่อู่เซิงไม่เชื่อคำพูดของจางหยู เขาคิดว่าจางหยูแค่พูดโกหก ยังไงซะสำหรับกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว การจะพัฒนาตัวเองขึ้นมานั้นต้องใช้เวลานานอย่างมาก ที่เขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้มากแบบนี้เพราะสุสานรวมถึงการหลืนกินผู้คนนับไม่ถ้วน “ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้หลอกตัวเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าคงอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก”
“ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ มาสู้กันเถอะ ” จางหยูแผ่พลังสร้างออกมาก่อนจะต่อยเข้าใส่ไห่อู่เซิง
หมัดง่ายๆแต่หนักแน่น !
พลังสร้างมหาศาลได้พุ่งเข้าใส่ไห่อู่เซิง
ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียก็ลงมือเช่นกัน หมาตัวหนึ่งกับคนอีกสามคนได้โจมตีออกมาอย่างเต็มกำลัง
แม้ว่าจะไม่เชื่อคำพูดของจางหยู แต่ไห่อู่เซิงก็ยังระวังตัว เขาเองก็โจมตีออกมาโดยไม่ยั้งมือ โกลาหลโดยรอบบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย พลังโกลาหลและปราณสุสานรวมตัวกันก่อนจะพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา
ตูม….
พลังของจางหยูและไห่อู่เซิงปะทะกันพร้อมกับระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ในพริบตาก็มีพายุก่อตัวขึ้นมาส่งผลต่อโกลาหลและโลกหลายร้อยใบโดยรอบ ทั้งเขตตะวันออกตอนบนต่างก็รับรู้ถึงคลื่นพลังมหาศาลนี้
จางหยูและไห่อู่เซิงถอยกลับไปคนละก้าวโดยกินระยะทางกว่าครึ่งเขตย่อยจากแรงปะทะนี้ โล่พลังของทั้งสองพังลง ที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา
ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียกระเด็นออกไปด้วย โล่พลังของพวกนั้นพังลงไปทันทีพร้อมกับพลังที่เหลือที่กระแทกใส่ร่าง สภาพพวกเขาดูน่าอนาถอย่างมาก
ไห่อู่เซิงมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เป็นไปได้ยังไง ความแข็งแกร่งของเจ้า…” การปะทะกันเมื่อครู่กลับเสมอกับจางหยู จางหยูได้แสดงความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยกว่าเขาออกมา ไม่งั้นแล้วซุนเหยียนและคนอื่นๆคงไม่บาดเจ็บน้อยแบบนี้แน่
ซุนเหยียนและคนอื่นๆพากันมองจางหยูด้วยความแปลกใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้ ซุนเมิ่งและซุนวูอาจจะอึ้ง แต่ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียนั้นตะลึงยิ่งกว่า พวกเขาเคยสู้กับไห่อู่เซิง และได้เห็นความแข็งแกร่งของจางหยูมาแล้ว ผ่านไปไม่นานความแข็งแกร่งของจางหยูก็เพิ่มขึ้นจนทัดเทียมกับไห่อู่เซิงได้
“ เจ้ามีวิธีของเจ้า ข้าก็มีวิธีของข้า” จางหยูเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพูดขึ้นมา “ กลับเป็นว่าความแข็งแกร่งของข้าไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าเลย”
ไห่อู่เซิงต้องกินผู้คนไปมากเท่าไหร่และพยายามมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แล้วจางหยูล่ะ ทำอะไร ? เขาไม่เห็นว่าจางหยูจะทำอะไรเลยแต่กลับไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี !
“ ไห่อู่เซิง เจ้าจบสิ้นแน่” ความกังวลของซุนเหยียนหายไปทันที
ซุนเมิ่งและซุนวูต่างก็พากันมั่นใจขึ้นมา
เสี่ยวเสียก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ เจ้าเฒ่า เจ้าไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนายท่าน ไม่งั้นแล้วเจ้าจะตะลึงกว่านี้อีก เจ้าน่าจะยินดี หากพลังของนายท่านไม่ถูกจำกัดเอาไว้ ทำให้ใช้พลังออกมาได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ไม่งั้นเจ้าคงโดนบดขยี้จนตาย “ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เสี่ยวเสียก็แสดงสีหน้าภูมิใจออกมา “ นายท่านในสภาพสมบูรณ์นั้น แม้แต่ข้าก็ยังต้องหลีกเลี่ยง ”
จางหยูหงุดหงิดขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการเสี่ยวเสียในการต่อสู้อยู่ จางหยูคงตบอีกฝ่ายไปแล้ว
“ ลงมือ อย่าให้เขาหนีไปได้” ทันทีที่จางหยูพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าหาไห่อู่เซิงทันที
ซุนเหยียนและคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะรีบตามไปทันที
แต่งผีหลอกคน หมายถึง โกหกหลอกลวง
เมื่อได้ยินเสียงของจางหยู ไห่อู่เซิงก็ไม่ได้แปลกใจ อันที่จริงตอนที่จางหยูเข้ามาใกล้ เขาก็รับรู้ถึงการมาของจางหยูแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจางหยูจะเร็วแบบนี้
“ คนตายอีกคน” หากเทียบกับการโจมตีต้นไม้โกลาหลก่อนนี้แล้ว ความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงเพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่กลัวใคร แม้ว่าจางหยูและคนอื่นๆจะร่วมมือกันก็ตาม
“ อาจารย์ ” เมื่อซุนเมิ่งเห็นจางหยูมาถึงแล้วก็อดโล่งอกไม่ได้
ซุนวูพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ “ เจ้าสำนัก ในที่สุดท่านก็มา”
เสี่ยวเสียตัวสั่น ขณะเดียวกันก็มีเลือดไหลออกมาจากปากมัน มันจ้องเขม็งไปที่ไห่อู่เซิงด้วยสีหน้าเคียดแค้น
“ ข้าด้วย !” ตอนนั้นเองเสียงของซุนเหยียน ก็ดังขึ้นพร้อมกับลำแสงที่พุ่งเข้ามา จากนั้นซุนเหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างกายจางหยู
จางหยู, เสี่ยวเสีย, ซุนเหยียน, ซุนเมิ่งและซุนวูทั้งห้าคนได้มารวมตัวกันเป็นครั้งแรก !
ไห่อู่เซิงหรี่ตาลงและกวาดตามองทั้งห้าคน “ กึ่งจ้าวโกลาหล 4 คน ขอบเขตการสร้างไร้จำกัด 1 คน พวกเจ้าให้ช่างเกียรติข้าจริงๆ”
“ ยอมแพ้ซะไห่อู่เซิง“ จางหยูพูดขึ้น “ เจ้าไม่อาจจะรับมือกับพวกเราได้ จุดเชื่อมระหว่างโกลาหลและโกลาหลนภานั้นข้าพบมันแล้”
ไห่อู่เซิงดึงพลังกลับมาแล้วแสยะยิ้ม “ พบแล้วยังไง ? หากเป็นเมื่อ 23- เดือนก่อน ข้าอาจจะกลัวเจ้า แต่ตอนนี้…เจ้าจะทำอะไรข้าได้ ?” “ อย่าลืมว่าโกลาหลแห่งนี้ไม่ใช่ของเจ้า” ซุนเหยียนฮึดฮัดออกมา “ในโกลาหลนภาเราอาจจะสู้เจ้าไม่ได้ แต่ในโกลาหลนี้เจ้าไม่อาจเป็นคู่มือของเราได้”
“ เจ้ารู้มั้ยว่าทำไมข้าถึงหายตัวไปนานนัก ?” ไห่อู่เซิงเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา
ซุนเหยียนขมวดคิ้ว “เลิกแต่งผีหลอกคนได้แล้ว!”
“ มันมีสิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่รู้ แม้ว่าตลอดหลายปีมานี้สุสานจะโดนเจ้าควบคุม แต่อันที่จริงแล้วเจ้าของสุสานจริงๆนั้นคือข้า ที่เจ้าควบคุมปราณสุสานได้ก็เพราะข้าให้สิทธิ์เจ้า ”
“ หลังจากที่สู้กับเจ้าไป นอกจากฟื้นฟูตัวเองแล้ว ข้ายังได้ทำการผูกจิตกับสุสานอีกครั้งและสูบปราณสุสานเข้ามาในตัว แม้ว่าจะรวมตัวกันได้ไม่สมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก” ไห่อู่เซิงยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ “ ตอนนี้ข้าไม่ใช่แค่ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บแต่ยังได้รับพลังเพิ่มเติมจากโกลาหลนภาและปราณสุสาน ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก เจ้าจะเป็นคู่มือข้าได้รึ?” เมื่อพูดถึงจุดนี้ไห่อู่เซิงก็เงียบไปชั่วครู่ “ มีสิ่งหนึ่งที่ข้าสงสัย ปราณสุสานจำนวนมากหายไปได้ยังไง ? หากข้าไม่ได้กลืนกินผู้คนและเชื่อมต่อกับสุสานใหม่ งั้นข้าคงไม่กล้าจะมาเผชิญหน้ากับพวกเจ้า”
เสี่ยวเสียที่อยู่ด้านหลังจางหยูก็ฉีกยิ้มออกมา “ ปราณสุสานพวกนั้นท่านเสี่ยวเสียผู้นี้กินไปเอง ! น่าเสียดายที่ข้ารีบไปหน่อย จึงเหลือไว้ให้เจ้าเล็กน้อย…”
“ เจ้าเองรึ ? ” ไห่อู่เซิงยักคิ้วและมองไปที่เสี่ยวเสีย “ ขยะเช่นเจ้าทำได้ยังไงกัน ?”
“ เจ้าเฒ่า เจ้าดูถูกข้างั้นรึ ?” เสี่ยวเสียกัดฟันแน่น
จางหยู, ซุนเหยียนและคนอื่นๆมองไปที่ไห่อู่เซิง ซุนวูและซุนเมิ่งได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของไห่อู่เซิงแล้ว เป็นธรรมดาที่จะรู้ดีกว่าไห่อู่เซิงแข็งแกร่งแค่ไหน แม้ว่าจางหยูและซุนเหยียนจะยังไม่ปะทะกับไห่อู่เซิง แต่หากลองคิดดีๆแล้วก็พอเดาออกว่าพลังจากโกลาหลนภาและสุสานนั้นน่ากลัวแค่ไหน
การที่ควบคุมได้ทั้งสุสานและโกลาหลนภานั้นต้องไม่ใช่กึ่งจ้าวโกลาหลทั่วไป
“ ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะไม่กลัว” จางหยูพูดขึ้น “ ด้วยพลังจากโกลาหลนภาและปราณสุสาน มันไม่อาจจะประมาทเจ้าได้จริงๆ”
“ งั้นก็เป็นพวกเจ้าต่างหากที่ต้องยอมแพ้ เลิกดิ้นรนแล้วมาเป็นอาหารของข้าซะ” ไห่อู่เซิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
จางหยูพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยเมย “ แต่ว่าความแข็งแกร่งของข้าเองก็เพิ่มขึ้นมาอย่างมากเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะเหนือกว่าเจ้ารึไม่ หากเจ้าคิดว่าเจ้าแกร่งพอแล้ว งั้น…ก็มาลองดูกัน”
โลกตันเถียนมีโลกกำเนิดขึ้นมามากมาย ดังนั้นความแข็งแกร่งของจางหยูจึงเพิ่มขึ้นไปอีก โลกการผันแปรของดวงดาวได้กลายเป็นโลกขั้นที่ 9 รวมถึงให้กำเนิดบรรพกาลขึ้นมา มันทำให้ความแข็งแกร่งของจางหยูเพิ่มขึ้น การได้สู้กับไห่อู่เซิงจะเป็นการยืนยันความก้าวหน้าของเขา “ งั้นรึ ?” ไห่อู่เซิงไม่เชื่อคำพูดของจางหยู เขาคิดว่าจางหยูแค่พูดโกหก ยังไงซะสำหรับกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว การจะพัฒนาตัวเองขึ้นมานั้นต้องใช้เวลานานอย่างมาก ที่เขาสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้มากแบบนี้เพราะสุสานรวมถึงการหลืนกินผู้คนนับไม่ถ้วน “ ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้หลอกตัวเอง ไม่อย่างนั้นเจ้าคงอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างมาก”
“ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ มาสู้กันเถอะ ” จางหยูแผ่พลังสร้างออกมาก่อนจะต่อยเข้าใส่ไห่อู่เซิง
หมัดง่ายๆแต่หนักแน่น !
พลังสร้างมหาศาลได้พุ่งเข้าใส่ไห่อู่เซิง
ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียก็ลงมือเช่นกัน หมาตัวหนึ่งกับคนอีกสามคนได้โจมตีออกมาอย่างเต็มกำลัง
แม้ว่าจะไม่เชื่อคำพูดของจางหยู แต่ไห่อู่เซิงก็ยังระวังตัว เขาเองก็โจมตีออกมาโดยไม่ยั้งมือ โกลาหลโดยรอบบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย พลังโกลาหลและปราณสุสานรวมตัวกันก่อนจะพุ่งออกมาจากปลายนิ้วของเขา
ตูม….
พลังของจางหยูและไห่อู่เซิงปะทะกันพร้อมกับระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง พลังกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ในพริบตาก็มีพายุก่อตัวขึ้นมาส่งผลต่อโกลาหลและโลกหลายร้อยใบโดยรอบ ทั้งเขตตะวันออกตอนบนต่างก็รับรู้ถึงคลื่นพลังมหาศาลนี้
จางหยูและไห่อู่เซิงถอยกลับไปคนละก้าวโดยกินระยะทางกว่าครึ่งเขตย่อยจากแรงปะทะนี้ โล่พลังของทั้งสองพังลง ที่มุมปากก็มีเลือดไหลออกมา
ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง, ซุนวูและเสี่ยวเสียกระเด็นออกไปด้วย โล่พลังของพวกนั้นพังลงไปทันทีพร้อมกับพลังที่เหลือที่กระแทกใส่ร่าง สภาพพวกเขาดูน่าอนาถอย่างมาก
ไห่อู่เซิงมองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ เป็นไปได้ยังไง ความแข็งแกร่งของเจ้า…” การปะทะกันเมื่อครู่กลับเสมอกับจางหยู จางหยูได้แสดงความแข็งแกร่งที่ไม่ด้อยกว่าเขาออกมา ไม่งั้นแล้วซุนเหยียนและคนอื่นๆคงไม่บาดเจ็บน้อยแบบนี้แน่
ซุนเหยียนและคนอื่นๆพากันมองจางหยูด้วยความแปลกใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้ ซุนเมิ่งและซุนวูอาจจะอึ้ง แต่ซุนเหยียนและเสี่ยวเสียนั้นตะลึงยิ่งกว่า พวกเขาเคยสู้กับไห่อู่เซิง และได้เห็นความแข็งแกร่งของจางหยูมาแล้ว ผ่านไปไม่นานความแข็งแกร่งของจางหยูก็เพิ่มขึ้นจนทัดเทียมกับไห่อู่เซิงได้
“ เจ้ามีวิธีของเจ้า ข้าก็มีวิธีของข้า” จางหยูเช็ดเลือดที่มุมปากแล้วพูดขึ้นมา “ กลับเป็นว่าความแข็งแกร่งของข้าไม่ได้ด้อยกว่าเจ้าเลย”
ไห่อู่เซิงต้องกินผู้คนไปมากเท่าไหร่และพยายามมากแค่ไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แล้วจางหยูล่ะ ทำอะไร ? เขาไม่เห็นว่าจางหยูจะทำอะไรเลยแต่กลับไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลย นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี !
“ ไห่อู่เซิง เจ้าจบสิ้นแน่” ความกังวลของซุนเหยียนหายไปทันที
ซุนเมิ่งและซุนวูต่างก็พากันมั่นใจขึ้นมา
เสี่ยวเสียก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ เจ้าเฒ่า เจ้าไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนายท่าน ไม่งั้นแล้วเจ้าจะตะลึงกว่านี้อีก เจ้าน่าจะยินดี หากพลังของนายท่านไม่ถูกจำกัดเอาไว้ ทำให้ใช้พลังออกมาได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ไม่งั้นเจ้าคงโดนบดขยี้จนตาย “ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เสี่ยวเสียก็แสดงสีหน้าภูมิใจออกมา “ นายท่านในสภาพสมบูรณ์นั้น แม้แต่ข้าก็ยังต้องหลีกเลี่ยง ”
จางหยูหงุดหงิดขึ้นมา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการเสี่ยวเสียในการต่อสู้อยู่ จางหยูคงตบอีกฝ่ายไปแล้ว
“ ลงมือ อย่าให้เขาหนีไปได้” ทันทีที่จางหยูพูดจบ เขาก็พุ่งเข้าหาไห่อู่เซิงทันที
ซุนเหยียนและคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะรีบตามไปทันที
แต่งผีหลอกคน หมายถึง โกหกหลอกลวง