จางหยูแอบตามทีมลั่วชาและทีมคังเฉียงมา จนกระทั่งพวกนั้นออกมาจากอาณาเขตของเผ่าสวรรค์และหยุดอยู่ที่สนามรบแนวหน้า จึงได้ปรากฏตัวออกไป
ตอนนั้นเองก็มีกลุ่มแสงปรากฏต่อหน้าทั้งสองกลุ่ม
“ เจ้าสำนัก !”
“ อาจารย์ !”
ทีมคังเฉียงต่างก็พากันตะโกนออกมา
ลั่วชามองไปที่จางหยูด้วยแววตาสงสัย
น่าเสียดายที่ดูจากภายนอกแล้วจางหยูช่างดูธรรมดามาก นางไม่อาจจะมองอะไรออกเลยแม้แต่น้อย
“ อาจารย์ การที่แม่ทัพปล่อยเรามา ท่านคือคนที่อยู่เบื้องหลังรึ ?” หยวนเทียนจีถามขึ้นมา
ทุกคนพากันมองไปที่จางหยู แม้ว่าในใจจะคิดว่าจางหยูเป็นคนลงมือ แต่พวกเขาก็ยังอยากถามเพื่อยืนยันกับจางหยูอยู่ดี
ลั่วชาที่มองจางหยูไม่ออก ก็ตั้งใจฟังด้วยความจริงจัง
“ มันสำคัญด้วยหรือว่าข้าลงมือรึไม่ ?” จางหยูไม่ได้ยอมรับรึปฏิเสธ เขาเหลือบมองทีมคังเฉียงและพูดขึ้น “แต่การที่พวกเจ้ารับมือกับผู้บัญชาการใหญ่ของอีกฝ่ายไม่ได้นั้น เอาตามตรงแล้วข้าผิดหวังนิดๆ”
ต่อหน้าทหารทั่วไปนั้นทีมคังเฉียงได้แสดงความสามารถที่ล้นหลามออกมา แต่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งจริงๆแล้ว ทีมคังเฉียงกลับไม่กล้าที่จะต้านทานได้
นี่ขนาดผู้บัญชาการใหญ่ยังตึงมือขนาดนี้ แล้วหากเป็นแม่ทัพขึ้นมาจริงๆ พวกนี้คงไม่มีโอกาสรอด
เมื่อได้ยินคำตำหนิของจางหยู ทีมคังเฉียงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา ราวกับว่าการฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ไม่ได้นั้น เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าพวกเขาช่างไร้ความสามารถ
“ เราขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ทุกคนคิดว่านี่คือปัญหาของพวกเขา จางหยูได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการบ่มเพาะให้กับพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่อาจจะทำตามที่จางหยูคาดหวังได้
ฝั่งทีมลั่วชานั้นอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
พวกเขาได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ทีมคังเฉียงได้จัดการคนไปหลายหมื่นคน พวกนี้ได้ทำลายทีมย่อยต่างๆของกองทัพเผ่าสวรรค์ ทำให้กองทัพสวรรค์ปั่นป่วน แม้จะโดนทหารเผ่าสวรรค์หลายหมื่นคนล้อมเอาไว้ และทำได้แค่รับมือกับผู้บัญชาการใหญ่ แต่ก็น่าประทับใจมากแล้ว เพราะแม้แต่ทีมเทพปิศาจก็อาจจะทำแบบนี้ไม่ได้
และที่น่ากลัวที่สุดคือไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว
อาจจะพูดไม่ได้ว่าไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ยังไงซะก็มีไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีหลายคนที่บาดเจ็บหนัก แต่พวกเขาไม่ตาย แค่นี้ก็ทำให้พวกนี้น่ายกย่องแล้ว
หากทีมลั่วชาทำแบบนี้ได้ พวกเขาคงดีใจอย่างบ้าคลั่ง
แต่หัวหน้าทีมคังเฉียงกลับไม่พอใจ !
พระเจ้า นี่มันทีมแบบไหนกัน !
ความต้องการของหัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นสูงเกินไปแล้ว !
“ ครั้งนี้เก็บไว้เป็นบทเรียน ข้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” จางหยูมองไปรอบๆ “ อย่างน้อยผู้บัญชาการใหญ่ก็ไม่ควรจะเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเจ้า”
“ ขอรับ!” ทุกคนพากันตะโกนตอบรับ
“ เจ้าสำนัก เรารับปากว่าเมื่อเรากลับไป พวกเราจะบ่มเพาะกันอย่างหนัก หากได้พบกับผู้บัญชาการใหญ่อีก มันจะไม่เป็นเช่นนี้อีก ! “ เฉินกูพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เป้ยหลงและคนอื่นๆต่างก็พากันพยักหน้า “ เราจะไม่ทำให้สำนักต้องอับอาย !”
จางหยูพอใจอย่างมาก “ ดี !”
ความคาดหวังที่เขามีต่อทีมคังเฉียงนั้นค่อนข้างสูง เขาหวังว่าสักวันคนเหล่านี้จะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเขา แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่อาจรังแกพวกเขาได้ มันอาจจะยากสำหรับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับทีมคังเฉียง ยังไงซะจางหยูก็ได้สร้างสถานที่บ่มเพาะที่ดีสำหรับพวกนี้ขึ้นมา แม้แต่หมาก็ยังประสบความสำเร็จได้ นี่ไม่ต้องนับพวกนี้เลยไม่ใช่รึ ?
“ เอาล่ะ กลับได้แล้ว ” จางหยูโบกมือ “ หลังจากที่รับรางวัลแล้ว เราจะกลับไปบ่มเพาะกันต่อ”
ในตอนที่จางหยูกำลังจะกลับนั้น ลั่วชาก็ได้พูดขึ้น “ ข้าถามอะไรได้รึไม่?” จางหยูหันกลับมามองที่ลั่วชา “ เจ้าคือลั่วชารึ ? เจ้าเองก็ไม่เลว เจ้าซือหมิงนั่น แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ในบรรดาผู้บัญชาการใหญ่แล้ว มันก็นับว่าเก่งพอตัว การที่เจ้าสามารถสู้กับมันได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”
เมื่อได้ยินคำประเมินของจางหยูแล้ว คนในทีมลั่วชาต่างก็พากันไม่พอใจขึ้นมา
“ หุบปาก !”
“ เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้มาประเมินหัวหน้าของพวกเรา ?”
“ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแม่ทัพรึไง ?”
คนในทีมลั่วชาไม่พอใจกับคำประเมินของจางหยูที่มีต่อหัวหน้าของตน หากไม่กลัวความแข็งแกร่งที่จางหยูมีแล้ว พวกเขาอาจจะลงมือไปแล้วก็ได้
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาแค่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาเท่านั้น
ลั่วชาห้ามทุกคนและมองไปที่จางหยูก่อนจะพูขึ้น “ การที่แรนเดลปล่อยเรามา มันเป็นฝีมือของท่านรึ ?”
แทนที่จะตอบคำถาม แต่จางหยูกลับถามแทน “ เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ ?”
“ ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากขอบคุณ “ ลั่วชาแน่ใจแล้วว่าชายลึกลับคนนี้อาจจะอยู่ระดับแม่ทัพ “ หากไม่ใช่ฝีมือท่าน เกรงว่าทีมของเราคงโดนกำจัดในดินแดนเผ่าสวรรค์ไปแล้ว”
จางหยูพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ยังไงซะตอนที่ผู้บัญชาการใหญ่ลงมือ เจ้าเองก็ช่วยคนของข้าเอาไว้เช่นกัน”
หลังจากนั้นสักพัก จางหยูก็ถามขึ้นมา “ มีอะไรอีกรึไม่ ?”
เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของจางหยู ลั่วชาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นเราขอตัวก่อน” จางหยูไม่คิดจะอยู่ต่อ และได้พาทีมคังเฉียงจากไปทันที
ลั่วชาอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา นางได้แต่มองดูจางหยูและคนอื่นๆเดินออกไป
ทีมลั่วชามองหน้ากัน พวกเขาติดตามลั่วชามาหลายปี ได้เห็นจ้าวโกลาหลมามากมาย และถึงกับเคยพบเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปิศาจ แต่ทุกคนที่พวกเขาได้เห็นมานั้นไม่เคยมีใครเย็นชาเหมือนจางหยูเลย
แม้แต่เสียเทียนนั้นต่อหน้าลั่วชาที่เป็นสตรีผู้งดงามและแข็งแกร่งแบบนี้แล้ว เขาก็ยังให้ความเคารพและให้ความสนใจ
กล่าวได้ว่าจางหยูนั้นถึงกับเมินลั่วชา
ลั่วชามักทำตัวเย็นชามาโดยตลอด แต่ทว่าจางหยูนั้นเย็นชายิ่งกว่านางเสียอีก
“ เขาเย็นชาจริงๆรึว่าแค่เสแสร้งทำกันนะ?” คนในทีมลั่วชาต่างก็สับสน
แม้ว่าลั่วชาจะแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะในหัวนางตอนนี้ มีแค่ความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ถามระดับความแข็งแกร่งของจางหยู
นางได้แต่เดาจากเบาะแสต่างๆว่าจางหยูน่าจะอยู่ระดับแม่ทัพ แต่ตราบใดที่จางหยูไม่ยอมรับหรือมีหลักฐานเพิ่มแล้ว งั้นทุกอย่างก็เป็นไปได้
“ เอาล่ะ เราเองก็ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ต่อไม่ปลอดภัย” ลั่วชาพูดขึ้น
แม้ว่าจะไม่เข้าใจจางหยู แต่โดยทั่วไปแล้วการเดินทางมาครั้งนี้ของทีมลั่วชาก็ได้ประโยชน์อย่างมาก
พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียง นอกจากนี้แม้ว่าจะบุกเข้ามาในถิ่นของเผ่าสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดออกมาได้ นี่ยังไม่พูดถึงพวกทหารสวรรค์ที่พวกเขาสังหารไประหว่างทาง แค่สามารถหลบหนีมาได้ทั้งๆที่เจอกับแม่ทัพ มันก็เพียงพอที่จะภูมิใจกับผลงานนี้แล้ว
นี่คือสิ่งที่เสียเทียนไม่เคยทำได้มาก่อน แม้ว่าจะด้อยกว่าทีมคังเฉียงแต่พวกเขาก็ควรจะภูมิใจ
…
จางหยูได้พาทีมคังเฉียงผ่านเขตสงครามที่ 4 กลับไปยังค่ายทหารเขตที่ 6
ไม่นานเขาก็พบกับต้าฮวง
“ ผู้อาวุโส ” ต้าฮวงเคารพจางหยูอย่างมาก ในใจเขาสงสัยว่าทำไมทีมคังเฉียงถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้ พวกนี้ไม่ได้เข้าไปในดินแดนเผ่าสวรรค์รึ ?
พวกเขาดูเหมือนว่าไม่ได้ผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาเลย
“เจ้าส่งพวกเราไปที่หมู่บ้านฉิงเหยียนได้รึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
พวกเขาสามารถเดินทางในโกลาหลซื่อเซียวได้โดยตรง เพียงแต่ถ้าจะเดินทางจากหมู่บ้านฉิงเหยียน ไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันนั้นไกลอย่างมาก นอกซะจากว่าจางหยูจะเดินทางคนเดียวแล้ว ไม่งั้นด้วยความเร็วของทีมคังเฉียง แม้จะมีจางหยูคอยช่วย แต่ก็ยังใช้เวลานานอย่างมาก
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นต้าฮวงก็ได้ถามขึ้นมา “ แน่นอน เมื่อท่านต้องการกลับ ข้าจะส่งพวกท่านกลับไปทันที”
พวกที่มีตราหยกกับตัวนั้นมีพลังพิเศษที่จะส่งผู้คนไปที่ไหนก็ได้ในโกลาหลซื่อเซียว “ เจ้าคงไม่ต้องใช้ลูกปัดหรอกนะ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หากต้องใช้ลูกปัดแล้วเขาจะเดินทางไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน ยังไงซะผู้ดูแลที่นั่นก็ช่วยเขาได้
ต้าฮวงได้ตอบกลับ “ การได้ช่วยผู้อาวุโสถือว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว เหตุใดต้องใช้ลูกปัดด้วย ?”
ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของเขต 6 แล้ว เขามีอำนาจไม่ใช่น้อย เมื่อเทียบกับลั่วเกา ผู้ดูแลหมู่บ้านเสี่ยวอันแล้ว เขาน่ะเหนือกว่า
ตอนนั้นเองก็มีกลุ่มแสงปรากฏต่อหน้าทั้งสองกลุ่ม
“ เจ้าสำนัก !”
“ อาจารย์ !”
ทีมคังเฉียงต่างก็พากันตะโกนออกมา
ลั่วชามองไปที่จางหยูด้วยแววตาสงสัย
น่าเสียดายที่ดูจากภายนอกแล้วจางหยูช่างดูธรรมดามาก นางไม่อาจจะมองอะไรออกเลยแม้แต่น้อย
“ อาจารย์ การที่แม่ทัพปล่อยเรามา ท่านคือคนที่อยู่เบื้องหลังรึ ?” หยวนเทียนจีถามขึ้นมา
ทุกคนพากันมองไปที่จางหยู แม้ว่าในใจจะคิดว่าจางหยูเป็นคนลงมือ แต่พวกเขาก็ยังอยากถามเพื่อยืนยันกับจางหยูอยู่ดี
ลั่วชาที่มองจางหยูไม่ออก ก็ตั้งใจฟังด้วยความจริงจัง
“ มันสำคัญด้วยหรือว่าข้าลงมือรึไม่ ?” จางหยูไม่ได้ยอมรับรึปฏิเสธ เขาเหลือบมองทีมคังเฉียงและพูดขึ้น “แต่การที่พวกเจ้ารับมือกับผู้บัญชาการใหญ่ของอีกฝ่ายไม่ได้นั้น เอาตามตรงแล้วข้าผิดหวังนิดๆ”
ต่อหน้าทหารทั่วไปนั้นทีมคังเฉียงได้แสดงความสามารถที่ล้นหลามออกมา แต่ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งจริงๆแล้ว ทีมคังเฉียงกลับไม่กล้าที่จะต้านทานได้
นี่ขนาดผู้บัญชาการใหญ่ยังตึงมือขนาดนี้ แล้วหากเป็นแม่ทัพขึ้นมาจริงๆ พวกนี้คงไม่มีโอกาสรอด
เมื่อได้ยินคำตำหนิของจางหยู ทีมคังเฉียงก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา ราวกับว่าการฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ไม่ได้นั้น เป็นหลักฐานบ่งบอกว่าพวกเขาช่างไร้ความสามารถ
“ เราขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านผิดหวัง”
ทุกคนคิดว่านี่คือปัญหาของพวกเขา จางหยูได้สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการบ่มเพาะให้กับพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่อาจจะทำตามที่จางหยูคาดหวังได้
ฝั่งทีมลั่วชานั้นอดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
พวกเขาได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้ทีมคังเฉียงได้จัดการคนไปหลายหมื่นคน พวกนี้ได้ทำลายทีมย่อยต่างๆของกองทัพเผ่าสวรรค์ ทำให้กองทัพสวรรค์ปั่นป่วน แม้จะโดนทหารเผ่าสวรรค์หลายหมื่นคนล้อมเอาไว้ และทำได้แค่รับมือกับผู้บัญชาการใหญ่ แต่ก็น่าประทับใจมากแล้ว เพราะแม้แต่ทีมเทพปิศาจก็อาจจะทำแบบนี้ไม่ได้
และที่น่ากลัวที่สุดคือไม่มีใครตายเลยแม้แต่คนเดียว
อาจจะพูดไม่ได้ว่าไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ยังไงซะก็มีไม่น้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีหลายคนที่บาดเจ็บหนัก แต่พวกเขาไม่ตาย แค่นี้ก็ทำให้พวกนี้น่ายกย่องแล้ว
หากทีมลั่วชาทำแบบนี้ได้ พวกเขาคงดีใจอย่างบ้าคลั่ง
แต่หัวหน้าทีมคังเฉียงกลับไม่พอใจ !
พระเจ้า นี่มันทีมแบบไหนกัน !
ความต้องการของหัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นสูงเกินไปแล้ว !
“ ครั้งนี้เก็บไว้เป็นบทเรียน ข้าไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก” จางหยูมองไปรอบๆ “ อย่างน้อยผู้บัญชาการใหญ่ก็ไม่ควรจะเป็นอุปสรรคสำหรับพวกเจ้า”
“ ขอรับ!” ทุกคนพากันตะโกนตอบรับ
“ เจ้าสำนัก เรารับปากว่าเมื่อเรากลับไป พวกเราจะบ่มเพาะกันอย่างหนัก หากได้พบกับผู้บัญชาการใหญ่อีก มันจะไม่เป็นเช่นนี้อีก ! “ เฉินกูพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
เป้ยหลงและคนอื่นๆต่างก็พากันพยักหน้า “ เราจะไม่ทำให้สำนักต้องอับอาย !”
จางหยูพอใจอย่างมาก “ ดี !”
ความคาดหวังที่เขามีต่อทีมคังเฉียงนั้นค่อนข้างสูง เขาหวังว่าสักวันคนเหล่านี้จะอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งเขา แม้แต่จักรพรรดิก็ไม่อาจรังแกพวกเขาได้ มันอาจจะยากสำหรับคนอื่นๆ แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้สำหรับทีมคังเฉียง ยังไงซะจางหยูก็ได้สร้างสถานที่บ่มเพาะที่ดีสำหรับพวกนี้ขึ้นมา แม้แต่หมาก็ยังประสบความสำเร็จได้ นี่ไม่ต้องนับพวกนี้เลยไม่ใช่รึ ?
“ เอาล่ะ กลับได้แล้ว ” จางหยูโบกมือ “ หลังจากที่รับรางวัลแล้ว เราจะกลับไปบ่มเพาะกันต่อ”
ในตอนที่จางหยูกำลังจะกลับนั้น ลั่วชาก็ได้พูดขึ้น “ ข้าถามอะไรได้รึไม่?” จางหยูหันกลับมามองที่ลั่วชา “ เจ้าคือลั่วชารึ ? เจ้าเองก็ไม่เลว เจ้าซือหมิงนั่น แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก แต่ในบรรดาผู้บัญชาการใหญ่แล้ว มันก็นับว่าเก่งพอตัว การที่เจ้าสามารถสู้กับมันได้ ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว”
เมื่อได้ยินคำประเมินของจางหยูแล้ว คนในทีมลั่วชาต่างก็พากันไม่พอใจขึ้นมา
“ หุบปาก !”
“ เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้มาประเมินหัวหน้าของพวกเรา ?”
“ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแม่ทัพรึไง ?”
คนในทีมลั่วชาไม่พอใจกับคำประเมินของจางหยูที่มีต่อหัวหน้าของตน หากไม่กลัวความแข็งแกร่งที่จางหยูมีแล้ว พวกเขาอาจจะลงมือไปแล้วก็ได้
โชคดีที่พวกเขาไม่ได้โง่ พวกเขาแค่แสดงท่าทีไม่พอใจออกมาเท่านั้น
ลั่วชาห้ามทุกคนและมองไปที่จางหยูก่อนจะพูขึ้น “ การที่แรนเดลปล่อยเรามา มันเป็นฝีมือของท่านรึ ?”
แทนที่จะตอบคำถาม แต่จางหยูกลับถามแทน “ เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ ?”
“ ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากขอบคุณ “ ลั่วชาแน่ใจแล้วว่าชายลึกลับคนนี้อาจจะอยู่ระดับแม่ทัพ “ หากไม่ใช่ฝีมือท่าน เกรงว่าทีมของเราคงโดนกำจัดในดินแดนเผ่าสวรรค์ไปแล้ว”
จางหยูพูดขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ ยังไงซะตอนที่ผู้บัญชาการใหญ่ลงมือ เจ้าเองก็ช่วยคนของข้าเอาไว้เช่นกัน”
หลังจากนั้นสักพัก จางหยูก็ถามขึ้นมา “ มีอะไรอีกรึไม่ ?”
เมื่อเห็นท่าทีเย็นชาของจางหยู ลั่วชาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“ เมื่อไม่มีอะไรแล้ว งั้นเราขอตัวก่อน” จางหยูไม่คิดจะอยู่ต่อ และได้พาทีมคังเฉียงจากไปทันที
ลั่วชาอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา นางได้แต่มองดูจางหยูและคนอื่นๆเดินออกไป
ทีมลั่วชามองหน้ากัน พวกเขาติดตามลั่วชามาหลายปี ได้เห็นจ้าวโกลาหลมามากมาย และถึงกับเคยพบเสียเทียน หัวหน้าทีมเทพปิศาจ แต่ทุกคนที่พวกเขาได้เห็นมานั้นไม่เคยมีใครเย็นชาเหมือนจางหยูเลย
แม้แต่เสียเทียนนั้นต่อหน้าลั่วชาที่เป็นสตรีผู้งดงามและแข็งแกร่งแบบนี้แล้ว เขาก็ยังให้ความเคารพและให้ความสนใจ
กล่าวได้ว่าจางหยูนั้นถึงกับเมินลั่วชา
ลั่วชามักทำตัวเย็นชามาโดยตลอด แต่ทว่าจางหยูนั้นเย็นชายิ่งกว่านางเสียอีก
“ เขาเย็นชาจริงๆรึว่าแค่เสแสร้งทำกันนะ?” คนในทีมลั่วชาต่างก็สับสน
แม้ว่าลั่วชาจะแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะในหัวนางตอนนี้ มีแค่ความรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ถามระดับความแข็งแกร่งของจางหยู
นางได้แต่เดาจากเบาะแสต่างๆว่าจางหยูน่าจะอยู่ระดับแม่ทัพ แต่ตราบใดที่จางหยูไม่ยอมรับหรือมีหลักฐานเพิ่มแล้ว งั้นทุกอย่างก็เป็นไปได้
“ เอาล่ะ เราเองก็ไปกันเถอะ อยู่ที่นี่ต่อไม่ปลอดภัย” ลั่วชาพูดขึ้น
แม้ว่าจะไม่เข้าใจจางหยู แต่โดยทั่วไปแล้วการเดินทางมาครั้งนี้ของทีมลั่วชาก็ได้ประโยชน์อย่างมาก
พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียง นอกจากนี้แม้ว่าจะบุกเข้ามาในถิ่นของเผ่าสวรรค์ แต่พวกเขาก็ยังมีชีวิตรอดออกมาได้ นี่ยังไม่พูดถึงพวกทหารสวรรค์ที่พวกเขาสังหารไประหว่างทาง แค่สามารถหลบหนีมาได้ทั้งๆที่เจอกับแม่ทัพ มันก็เพียงพอที่จะภูมิใจกับผลงานนี้แล้ว
นี่คือสิ่งที่เสียเทียนไม่เคยทำได้มาก่อน แม้ว่าจะด้อยกว่าทีมคังเฉียงแต่พวกเขาก็ควรจะภูมิใจ
…
จางหยูได้พาทีมคังเฉียงผ่านเขตสงครามที่ 4 กลับไปยังค่ายทหารเขตที่ 6
ไม่นานเขาก็พบกับต้าฮวง
“ ผู้อาวุโส ” ต้าฮวงเคารพจางหยูอย่างมาก ในใจเขาสงสัยว่าทำไมทีมคังเฉียงถึงได้กลับมาเร็วเช่นนี้ พวกนี้ไม่ได้เข้าไปในดินแดนเผ่าสวรรค์รึ ?
พวกเขาดูเหมือนว่าไม่ได้ผ่านการต่อสู้ที่ยากลำบากมาเลย
“เจ้าส่งพวกเราไปที่หมู่บ้านฉิงเหยียนได้รึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมา
พวกเขาสามารถเดินทางในโกลาหลซื่อเซียวได้โดยตรง เพียงแต่ถ้าจะเดินทางจากหมู่บ้านฉิงเหยียน ไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันนั้นไกลอย่างมาก นอกซะจากว่าจางหยูจะเดินทางคนเดียวแล้ว ไม่งั้นด้วยความเร็วของทีมคังเฉียง แม้จะมีจางหยูคอยช่วย แต่ก็ยังใช้เวลานานอย่างมาก
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นต้าฮวงก็ได้ถามขึ้นมา “ แน่นอน เมื่อท่านต้องการกลับ ข้าจะส่งพวกท่านกลับไปทันที”
พวกที่มีตราหยกกับตัวนั้นมีพลังพิเศษที่จะส่งผู้คนไปที่ไหนก็ได้ในโกลาหลซื่อเซียว “ เจ้าคงไม่ต้องใช้ลูกปัดหรอกนะ ?” จางหยูถามขึ้นมา
หากต้องใช้ลูกปัดแล้วเขาจะเดินทางไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน ยังไงซะผู้ดูแลที่นั่นก็ช่วยเขาได้
ต้าฮวงได้ตอบกลับ “ การได้ช่วยผู้อาวุโสถือว่าเป็นเกียรติของข้าแล้ว เหตุใดต้องใช้ลูกปัดด้วย ?”
ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของเขต 6 แล้ว เขามีอำนาจไม่ใช่น้อย เมื่อเทียบกับลั่วเกา ผู้ดูแลหมู่บ้านเสี่ยวอันแล้ว เขาน่ะเหนือกว่า