ไม่ใช่ว่าจางหยูไม่อยากจะถ่อมตัว แต่ผลงานของทีมคังเฉียงในดินแดนเผ่าสวรรค์ก็ทำให้คนที่มีสมองมองออกแล้วว่า เขามีความแข็งแกร่งอย่างน้อยก็ระดับแม่ทัพ ไม่งั้นแล้วการกระทำของแรนเดลก็จะดูไร้เหตุผล
บางเรื่องก็ไม่อาจจะปิดบังได้ แม้ว่าทีมคังเฉียงจะยอมทิ้งค่าตอบแทนของภารกิจรบและทำลายหินบันทึกภาพเหล่านี้ แต่ก็ไม่อาจจะปิดบังได้อยู่ดี เพราะคนที่รู้เรื่องนี้นอกจากทีมคังเฉียงก็ยังมีคนของทีมลั่วชาด้วย
ดังนั้นจางหยูจึงไม่คิดจะปิดบัง เขาบอกระดับความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยเพื่อปกปิดตัวตน
หากทำไม่ได้จริงๆเขาก็จะไปซ่อนตัวในทะเลบรรพกาล แล้วใครจะมาทำอะไรเขาได้ ?
หากจักรพรรดิกล้าจะตามเข้าไปในทะเลบรรพกาล งั้นจางหยูก็ยิ่งพอใจ เมื่ออยู่ในทะเลบรรพกาล คนพวกนั้นก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่สูงส่งเช่นเดิม
เมื่อได้ยินว่าจางหยูยอมรับตามตรง อู๋ห่าวก็อึ้ง ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นสุภาพยิ่งกว่าเดิม “ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโส จึงเสียมารยาทไป ข้าขอให้ท่านยกโทษให้ข้าด้วย”
ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพสังเกตการณ์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวจางหยู แต่ก็ต้องเคารพจางหยู
หากเขาดูหมิ่นจางหยู ไม่จำเป็นที่จางหยูจะต้องลงมือเอง แม่ทัพของเขาคงลงโทษเขาเพื่อชดใช้ให้กับจางหยู
ไม่ต้องเดาเลยว่าพลังของแม่ทัพจะสูงส่งแค่ไหน !
คนระดับนี้ไม่อาจจะดูหมิ่นได้ !
“ จัดการเรื่องค่าตอบแทนก่อน” จางหยูโบกมือ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของอู๋ห่าวนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ เขาสนใจเรื่องค่าตอบแทนมากกว่า
อู๋ห่าวไม่กล้ารอช้า เขารีบคำนวณค่าตอบแทน ไม่นานก็ได้ผลลัพธ์ออกมา 111,603,690!
เมื่อรวมกับภารกิจสนับสนุนอีก 5 แสนแล้วก็เท่ากับ 112,103,690 !
จำนวนลูกปัดดั้งเดิมมหาศาลแบบนี้แม้แต่สามกองทัพก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าทึ่ง !
โชคดีที่ลูกปัดดั้งเดิมที่กองทัพทั้งสามได้มานั้นได้มาจากจักรพรรดิซื่อเซียว หากเป็นลูกปัดของสามกองทัพเองคงมีไม่มากพอ
อู๋ห่าวรีบเดินไปที่ชั้นวางก่อนจะเอาแหวนมิติออกมาแล้วส่งให้กับจางหยู “ ในนี้มี 112,103,690 ลูก ผู้อาวุโสตรวจสอบด้วย”
จางหยูรับแหวนมาตรวจสอบ “ ดี”
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าคนของทีมคังเฉียงพากันมองมาที่เขา ราวกับกลัวว่าเขาจะยึดมันไว้คนเดียว
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เด็กน้อยเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่ ในฐานะเจ้าสำนัก เขาจะยึดลูกปัดเหล่านี้มาเป็นของตัวเองได้รึ?
“ รับไว้” จางหยูส่ายหน้าและส่งแหวนให้กับหยวนเทียนจี “ เทียนจี เจ้าแจกจ่ายให้กับทุกคน ครั้งนี้แบ่งให้เท่าๆกัน หลังจากนี้หากพวกเจ้าทำภารกิจใดสำเร็จและได้ค่าตอบแทนมา พวกเจ้าก็แจกจ่ายตามผลงาน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
สุดท้ายพวกเขาก็ได้ลูกปัดดั้งเดิมมาครองแล้ว !
แต่หยวนเทียนจีไม่ได้ทำการแบ่งทันที เขาลังเล ก่อนจะเอ่ยถามจางหยูว่า “ อาจารย์ แล้วท่านล่ะ ?”
ทุกคนได้สติกลับมา แม้ว่าโดยผิวเผินแล้ว จางหยูดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่อันที่จริงแล้วหากไม่มีจางหยูอยู่ด้วย พวกเขาจะรอดกลับมาได้รึไม่นั้นก็ยังบอกยาก ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจางหยูได้สร้างผลงานขึ้นมามากที่สุด !
“ ข้ารึ ? ข้าไม่ต้องการ” จางหยูโบกมือ “ หากข้าต้องการมัน ก็มีเป็นหมื่นวิธีที่จะหามันมา”
คนระดับแม่ทัพจะขัดสนลูกปัดได้ยังไง ?
ตราบใดที่จางหยูเอ่ยปาก เดาว่าอู๋ห่าวและซีหยุนคงไม่ลังเลที่จะเอาทรัพย์สินทั้งตระกูลมาประเคนให้กับจางหยู
เมื่อเห็นหยวนเทียนจียังลังเล จางหยูก็พูดขึ้น “ งั้นเอาเช่นนี้ เจ้าเอาลูกปัด 3,690 ลูกมาให้ข้า ส่วนที่เหลือนั้นแบ่งกัน อย่างนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไรสินะ ?”
หยวนเทียนจีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบพยักหน้าและส่งลูกปัดให้กับจางหยู ก่อนจะแบ่งกับคนอื่นๆ แต่ละคนได้ไป 56,000 ลูก
ซีหยุนมองไปที่ทีมคังเฉียงด้วยสายตาอิจฉา “ ลูกปัดกว่า 56,000 ลูก ผู้บัญชาการใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจจะหามันมาได้ไม่มากเท่านี้ พวกนี้แค่ทำสองภารกิจก็ได้ลูกปัดจำนวนมากเช่นนี้ได้ น่าอิจฉาจริงๆ” หากเทียบกับทีมคังเฉียงแล้ว ซีหยุนน่ะคือคนจนดีๆนี่เอง เขาอาจจะเป็นแค่หมาด้วยซ้ำ !
แต่มันมีหมาอยู่ในทีมคังเฉียงด้วยไม่ใช่รึ ?
หมาตัวนั่นน่ะรวยกว่าเขาอีก !
ในทางกลับกันแล้วอู๋ห่าวก็ใจเย็นขึ้นมาบ้าง ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ระดับสูงแล้ว เงินทองที่เขามีนั้นไม่อาจจะเอาซีหยุนมาเทียบได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงลูกปัด 56,000 ลูกเลย แม้แต่ลูกปัดห้าแสนลูกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ตลอดหลายปีมานี้ลูกปัดที่เขาได้มาก็มีไม่น้อยกว่าสองล้านลูก เป็นธรรมดาที่มุมมองจะแตกต่างกันไป
หากเทียบกับลูกปัดดั้งเดิมแล้ว เขาสนใจทัศนคติที่จางหยูมีต่อเขามากกว่า เขาหวังว่าท่าทีหยิ่งทะนงของเขานั้นจะไม่ทำให้จางหยูไม่พอใจ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่เหลืออนาคตแน่
เขาตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องชดใช้เพื่อกู้ความสัมพันธ์กลับคืนมาและทดแทนความผิดกับทีมคังเฉียง
หากทำไม่ได้จริงๆเขาจะขอให้แม่ทัพออกตัว เขาจะยอมชดใช้เพื่อให้จางหยูยกโทษให้
เมื่อได้รับค่าตอบแทนแล้ว จางหยูก็สนใจอีกเรื่อง เขามองไปที่อู๋ห่าว ก่อนจะถามขึ้น “ ท่านอู๋ห่าว เจ้ารู้จักคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วรึไม่ ?”
“ มันคงดีหากท่านเรียกข้าแค่ชื่อ “ อู๋ห่าวรีบพูดขึ้นมา “สำหรับคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วแล้ว ข้ารู้จักแทบทุกคน ไม่ทราบว่าท่านหมายถึงคนไหนกัน ?”
จางหยูพูดขึ้น “ มีคนระดับสูงในกองทัพเทียนลั่วที่มีแซ่ว่าซุนรึไม่ ? ”
“ แซ่ซุนรึ ?” อู๋ห่าวนึกถึงทหารระดับสูงทั้งหมดที่เขารู้จักมา ก่อนจะส่ายหน้า “ ไม่เลย “ เขากลัวว่าจางหยูจะรู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถ จึงรีบพูดขึ้นว่า “ ผู้อาวุโส หลังจากนึกถึงทุกคนแล้ว ข้ามั่นใจอย่างมากว่าไม่มีคนระดับสูงคนไหนที่มีแซ่ว่าซุน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนเหยียนและซุนเมิ่งต่างก็พากันสลด
“ มีคนระดับสูงที่เคยไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันรึไม่ ?” จางหยูถามต่อ “หรือคนระดับสูงที่รู้จักเจ้าของโกลาหลหินที่ชื่อว่าซุนกวน ?”
“ นี่..” อู๋ห่าวส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ข้าไม่รู้”
เขาจะรู้เรื่องส่วนตัวของทหารระดับสูงในกองทัพเทียนลั่วได้ยังไง ?
หน้าที่ของกองทัพสังเกตการณ์คือจับตาดูทั่วทั้งโกลาหล แต่ไม่ใช่รู้ทุกอย่าง
“ แต่..” อู๋ห่าวคิดทบทวนแล้วพูดขึ้น “ หากท่านไม่รีบร้อน ข้าจะสอบถามให้ ข้าจะหาคนที่ท่านตามหาให้พบ” ตราบใดที่เขาผูกมิตรกับจางหยูได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของทั้งสามกองทัพ ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ใช้เวลาเท่านั้น ยังไงซะคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วก็ไม่ได้อยู่ที่ฐานทุกคน หากต้องการจะพบกับทุกคน เขาก็ต้องเดินทางไปหลายที่
จางหยูพยักหน้า “ งั้นก็ต้องรบกวนเจ้าด้วย”
“ นับว่าเป็นเกียรติที่ข้าได้ช่วยเหลือท่าน” อู๋ห่าวไม่อยากเป็นหมาคอยเลีย แต่เมื่อเห็นคนใหญ่โตเขาก็อดไม่ได้
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้วจางหยูก็ไม่สนใจจะอยู่ต่อ เขาได้บอกกับอู๋ห่าว “ หากมีข่าวอะไร เจ้าให้คนแจ้งผู้ดูแลหมู่บ้านเสี่ยวอันได้เลย หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทีมคังเฉียงจะออกจากโกลาหลซื่อเซียวไปก่อน หากกลับมาเราคงเดินทางไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน”
“ ขอรับ ผู้อาวุโส !” อู๋ห่าวรีบรับปาก
“ ซีหยุน” จางหยูมองไปที่ซีหยุน “ ครั้งนี้เรารบกวนเจ้ามามาก หากเจ้าเจอปัญหาใดๆ เจ้าไปหาเราที่หมู่บ้านเสี่ยวอันได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราจะจัดการให้เจ้าเอง” หลังจากซีหยุนเป็นธุระให้กับพวกเขา เป็นธรรมดาที่จางหยูจะต้องตอบแทน นี่ก็เพื่อกันไม่ให้อู๋ห่าวสร้างปัญหากับซีหยุนหลังจากนี้ด้วย
ซีหยุนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ ขอบคุณ ท่านเจ้าสำนัก !”
ไม่เสียแรงเปล่า !
เขามีลางสังหรณ์ว่าการได้เกาะทีมคังเฉียงไปเช่นนี้จะทำให้เขายกระดับตัวเองได้ !
บางเรื่องก็ไม่อาจจะปิดบังได้ แม้ว่าทีมคังเฉียงจะยอมทิ้งค่าตอบแทนของภารกิจรบและทำลายหินบันทึกภาพเหล่านี้ แต่ก็ไม่อาจจะปิดบังได้อยู่ดี เพราะคนที่รู้เรื่องนี้นอกจากทีมคังเฉียงก็ยังมีคนของทีมลั่วชาด้วย
ดังนั้นจางหยูจึงไม่คิดจะปิดบัง เขาบอกระดับความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยเพื่อปกปิดตัวตน
หากทำไม่ได้จริงๆเขาก็จะไปซ่อนตัวในทะเลบรรพกาล แล้วใครจะมาทำอะไรเขาได้ ?
หากจักรพรรดิกล้าจะตามเข้าไปในทะเลบรรพกาล งั้นจางหยูก็ยิ่งพอใจ เมื่ออยู่ในทะเลบรรพกาล คนพวกนั้นก็ไม่ใช่จักรพรรดิที่สูงส่งเช่นเดิม
เมื่อได้ยินว่าจางหยูยอมรับตามตรง อู๋ห่าวก็อึ้ง ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นสุภาพยิ่งกว่าเดิม “ ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ความแข็งแกร่งของผู้อาวุโส จึงเสียมารยาทไป ข้าขอให้ท่านยกโทษให้ข้าด้วย”
ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพสังเกตการณ์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวจางหยู แต่ก็ต้องเคารพจางหยู
หากเขาดูหมิ่นจางหยู ไม่จำเป็นที่จางหยูจะต้องลงมือเอง แม่ทัพของเขาคงลงโทษเขาเพื่อชดใช้ให้กับจางหยู
ไม่ต้องเดาเลยว่าพลังของแม่ทัพจะสูงส่งแค่ไหน !
คนระดับนี้ไม่อาจจะดูหมิ่นได้ !
“ จัดการเรื่องค่าตอบแทนก่อน” จางหยูโบกมือ ท่าทีที่เปลี่ยนไปของอู๋ห่าวนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจ เขาสนใจเรื่องค่าตอบแทนมากกว่า
อู๋ห่าวไม่กล้ารอช้า เขารีบคำนวณค่าตอบแทน ไม่นานก็ได้ผลลัพธ์ออกมา 111,603,690!
เมื่อรวมกับภารกิจสนับสนุนอีก 5 แสนแล้วก็เท่ากับ 112,103,690 !
จำนวนลูกปัดดั้งเดิมมหาศาลแบบนี้แม้แต่สามกองทัพก็ยังเป็นตัวเลขที่น่าทึ่ง !
โชคดีที่ลูกปัดดั้งเดิมที่กองทัพทั้งสามได้มานั้นได้มาจากจักรพรรดิซื่อเซียว หากเป็นลูกปัดของสามกองทัพเองคงมีไม่มากพอ
อู๋ห่าวรีบเดินไปที่ชั้นวางก่อนจะเอาแหวนมิติออกมาแล้วส่งให้กับจางหยู “ ในนี้มี 112,103,690 ลูก ผู้อาวุโสตรวจสอบด้วย”
จางหยูรับแหวนมาตรวจสอบ “ ดี”
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าคนของทีมคังเฉียงพากันมองมาที่เขา ราวกับกลัวว่าเขาจะยึดมันไว้คนเดียว
จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี เด็กน้อยเหล่านี้คิดอะไรกันอยู่ ในฐานะเจ้าสำนัก เขาจะยึดลูกปัดเหล่านี้มาเป็นของตัวเองได้รึ?
“ รับไว้” จางหยูส่ายหน้าและส่งแหวนให้กับหยวนเทียนจี “ เทียนจี เจ้าแจกจ่ายให้กับทุกคน ครั้งนี้แบ่งให้เท่าๆกัน หลังจากนี้หากพวกเจ้าทำภารกิจใดสำเร็จและได้ค่าตอบแทนมา พวกเจ้าก็แจกจ่ายตามผลงาน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา
สุดท้ายพวกเขาก็ได้ลูกปัดดั้งเดิมมาครองแล้ว !
แต่หยวนเทียนจีไม่ได้ทำการแบ่งทันที เขาลังเล ก่อนจะเอ่ยถามจางหยูว่า “ อาจารย์ แล้วท่านล่ะ ?”
ทุกคนได้สติกลับมา แม้ว่าโดยผิวเผินแล้ว จางหยูดูเหมือนไม่ได้ทำอะไร แต่อันที่จริงแล้วหากไม่มีจางหยูอยู่ด้วย พวกเขาจะรอดกลับมาได้รึไม่นั้นก็ยังบอกยาก ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าจางหยูได้สร้างผลงานขึ้นมามากที่สุด !
“ ข้ารึ ? ข้าไม่ต้องการ” จางหยูโบกมือ “ หากข้าต้องการมัน ก็มีเป็นหมื่นวิธีที่จะหามันมา”
คนระดับแม่ทัพจะขัดสนลูกปัดได้ยังไง ?
ตราบใดที่จางหยูเอ่ยปาก เดาว่าอู๋ห่าวและซีหยุนคงไม่ลังเลที่จะเอาทรัพย์สินทั้งตระกูลมาประเคนให้กับจางหยู
เมื่อเห็นหยวนเทียนจียังลังเล จางหยูก็พูดขึ้น “ งั้นเอาเช่นนี้ เจ้าเอาลูกปัด 3,690 ลูกมาให้ข้า ส่วนที่เหลือนั้นแบ่งกัน อย่างนี้คงไม่เป็นปัญหาอะไรสินะ ?”
หยวนเทียนจีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารีบพยักหน้าและส่งลูกปัดให้กับจางหยู ก่อนจะแบ่งกับคนอื่นๆ แต่ละคนได้ไป 56,000 ลูก
ซีหยุนมองไปที่ทีมคังเฉียงด้วยสายตาอิจฉา “ ลูกปัดกว่า 56,000 ลูก ผู้บัญชาการใช้เวลาทั้งชีวิตก็อาจจะหามันมาได้ไม่มากเท่านี้ พวกนี้แค่ทำสองภารกิจก็ได้ลูกปัดจำนวนมากเช่นนี้ได้ น่าอิจฉาจริงๆ” หากเทียบกับทีมคังเฉียงแล้ว ซีหยุนน่ะคือคนจนดีๆนี่เอง เขาอาจจะเป็นแค่หมาด้วยซ้ำ !
แต่มันมีหมาอยู่ในทีมคังเฉียงด้วยไม่ใช่รึ ?
หมาตัวนั่นน่ะรวยกว่าเขาอีก !
ในทางกลับกันแล้วอู๋ห่าวก็ใจเย็นขึ้นมาบ้าง ในฐานะผู้บัญชาการใหญ่ระดับสูงแล้ว เงินทองที่เขามีนั้นไม่อาจจะเอาซีหยุนมาเทียบได้ นี่ไม่ต้องพูดถึงลูกปัด 56,000 ลูกเลย แม้แต่ลูกปัดห้าแสนลูกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
ตลอดหลายปีมานี้ลูกปัดที่เขาได้มาก็มีไม่น้อยกว่าสองล้านลูก เป็นธรรมดาที่มุมมองจะแตกต่างกันไป
หากเทียบกับลูกปัดดั้งเดิมแล้ว เขาสนใจทัศนคติที่จางหยูมีต่อเขามากกว่า เขาหวังว่าท่าทีหยิ่งทะนงของเขานั้นจะไม่ทำให้จางหยูไม่พอใจ ไม่งั้นแล้วเขาคงไม่เหลืออนาคตแน่
เขาตัดสินใจแล้วว่า ไม่ว่ายังไง เขาก็ต้องชดใช้เพื่อกู้ความสัมพันธ์กลับคืนมาและทดแทนความผิดกับทีมคังเฉียง
หากทำไม่ได้จริงๆเขาจะขอให้แม่ทัพออกตัว เขาจะยอมชดใช้เพื่อให้จางหยูยกโทษให้
เมื่อได้รับค่าตอบแทนแล้ว จางหยูก็สนใจอีกเรื่อง เขามองไปที่อู๋ห่าว ก่อนจะถามขึ้น “ ท่านอู๋ห่าว เจ้ารู้จักคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วรึไม่ ?”
“ มันคงดีหากท่านเรียกข้าแค่ชื่อ “ อู๋ห่าวรีบพูดขึ้นมา “สำหรับคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วแล้ว ข้ารู้จักแทบทุกคน ไม่ทราบว่าท่านหมายถึงคนไหนกัน ?”
จางหยูพูดขึ้น “ มีคนระดับสูงในกองทัพเทียนลั่วที่มีแซ่ว่าซุนรึไม่ ? ”
“ แซ่ซุนรึ ?” อู๋ห่าวนึกถึงทหารระดับสูงทั้งหมดที่เขารู้จักมา ก่อนจะส่ายหน้า “ ไม่เลย “ เขากลัวว่าจางหยูจะรู้สึกว่าเขาไร้ความสามารถ จึงรีบพูดขึ้นว่า “ ผู้อาวุโส หลังจากนึกถึงทุกคนแล้ว ข้ามั่นใจอย่างมากว่าไม่มีคนระดับสูงคนไหนที่มีแซ่ว่าซุน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นซุนเหยียนและซุนเมิ่งต่างก็พากันสลด
“ มีคนระดับสูงที่เคยไปยังหมู่บ้านเสี่ยวอันรึไม่ ?” จางหยูถามต่อ “หรือคนระดับสูงที่รู้จักเจ้าของโกลาหลหินที่ชื่อว่าซุนกวน ?”
“ นี่..” อู๋ห่าวส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ ข้าไม่รู้”
เขาจะรู้เรื่องส่วนตัวของทหารระดับสูงในกองทัพเทียนลั่วได้ยังไง ?
หน้าที่ของกองทัพสังเกตการณ์คือจับตาดูทั่วทั้งโกลาหล แต่ไม่ใช่รู้ทุกอย่าง
“ แต่..” อู๋ห่าวคิดทบทวนแล้วพูดขึ้น “ หากท่านไม่รีบร้อน ข้าจะสอบถามให้ ข้าจะหาคนที่ท่านตามหาให้พบ” ตราบใดที่เขาผูกมิตรกับจางหยูได้ เขาก็ไม่รังเกียจที่จะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของทั้งสามกองทัพ ยังไงซะมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แค่ใช้เวลาเท่านั้น ยังไงซะคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่วก็ไม่ได้อยู่ที่ฐานทุกคน หากต้องการจะพบกับทุกคน เขาก็ต้องเดินทางไปหลายที่
จางหยูพยักหน้า “ งั้นก็ต้องรบกวนเจ้าด้วย”
“ นับว่าเป็นเกียรติที่ข้าได้ช่วยเหลือท่าน” อู๋ห่าวไม่อยากเป็นหมาคอยเลีย แต่เมื่อเห็นคนใหญ่โตเขาก็อดไม่ได้
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้วจางหยูก็ไม่สนใจจะอยู่ต่อ เขาได้บอกกับอู๋ห่าว “ หากมีข่าวอะไร เจ้าให้คนแจ้งผู้ดูแลหมู่บ้านเสี่ยวอันได้เลย หากไม่มีอะไรผิดพลาด ทีมคังเฉียงจะออกจากโกลาหลซื่อเซียวไปก่อน หากกลับมาเราคงเดินทางไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน”
“ ขอรับ ผู้อาวุโส !” อู๋ห่าวรีบรับปาก
“ ซีหยุน” จางหยูมองไปที่ซีหยุน “ ครั้งนี้เรารบกวนเจ้ามามาก หากเจ้าเจอปัญหาใดๆ เจ้าไปหาเราที่หมู่บ้านเสี่ยวอันได้ ตราบใดที่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เราจะจัดการให้เจ้าเอง” หลังจากซีหยุนเป็นธุระให้กับพวกเขา เป็นธรรมดาที่จางหยูจะต้องตอบแทน นี่ก็เพื่อกันไม่ให้อู๋ห่าวสร้างปัญหากับซีหยุนหลังจากนี้ด้วย
ซีหยุนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ ขอบคุณ ท่านเจ้าสำนัก !”
ไม่เสียแรงเปล่า !
เขามีลางสังหรณ์ว่าการได้เกาะทีมคังเฉียงไปเช่นนี้จะทำให้เขายกระดับตัวเองได้ !