ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1898 : หลานชาย

  •   ที่สำนักงานหลักกองทัพเทียนลั่ว

      จิงหงติดตามการเคลื่อนไหวในหมู่บ้านเสี่ยวอัน แต่ทีมคังเฉียงก็ยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสับสนขึ้นมา

      ทีมคังเฉียงออกจากเขตซื่อเซียวไปแล้วรึ ?

      ตอนที่จิงหงกำลังคิดว่าจะทำภารกิจนี้สำเร็จรึไม่นั้น ก็ได้การติดต่อจากผู้บัญชาการของกองทัพ   ท่านแม่ทัพ ผู้บัญชาการใหญ่ซูจิงกลับมาแล้ว ! 

      จิงหงพอใจอย่างมาก   เจ้าเด็กนี่ไปอยู่ในเขตตงหยางมาตั้งนาน สุดท้ายก็กลับมาสักที 

      แม้ว่าเขาจะบ่นซูจิง แต่ใบหน้าของเขากลับเผยรอยยิ้มออกมา

      ร่างของเขาพุ่งไปยังกำแพงเมืองและทอดสายตามองไปยังตีนเขา ที่นั่นมีเงาหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว

      ไม่นานเงาร่างนั้นก็ได้หยุดลงแล้วเงยหน้าขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความเคารพ   ท่านแม่ทัพ ! 

      จิงหงเดินไปหาชายวัยกลางคนก่อนจะยิ้มออกมา   ข้านึกว่าเจ้าติดผู้หญิงอยู่ที่เขตตงหยางแล้วไม่กลับมาแล้วเสียอีก 

        ท่านแม่ทัพพูดตลกเกินไปแล้ว  ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมา   ใจข้าไม่อาจจะทรยศกองทัพเทียนลั่วได้ 

        เจ้าไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลย  จิงหงไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี   อย่าจริงจังตลอดเวลาก็ได้ 

      ชายวัยกลางคนเพียงยิ้มออกมา

      จิงหงจึงเลิกแหย่แล้วเริ่มเข้าเรื่องทันที   กองทัพลาดตระเวนของตงหยางเป็นยังไงบ้าง ? 

      ชัดแล้วว่าชายวัยกลางคนผู้นี้คือซูจิงที่เพิ่งกลับมาจากเขตตงหยาง  ซูจิงนึกถึงสิ่งที่เจอแล้วพูดขึ้นมาว่า   พูดตามตรง กองทัพลาดตระเวนพวกนั้นค่อนข้างมีวินัยมากและมีกฎระเบียบที่สมบูรณ์ ผู้บัญชาการแต่ละคนต่างก็แบ่งหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม มันดีกว่ากองทัพซื่อเซียวของพวกเราเสียอีก ทั้งกองทัพนั้นราวกับเครื่องจักรที่ซับซ้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ละคนต่างก็รู้หน้าที่ของตัวเอง มันถือว่าดีที่ได้เรียนรู้จากพวกเขา 

        เจ้าบอกข้อดีมากมาย มันไม่มีข้อเสียเลยรึ ?  จิงหงถามขึ้นมา

      ซูจิงคิดสักพักแล้วพูดขึ้น   ข้อเสียเองก็มี นั่นคือ…ทหารเหล่านั้นราวกับเครี่องจักร พวกนั้นพึ่งแต่ระบบกฎ เมื่อทำอะไรผิดก็จะส่งผลให้ทั้งทีมและกองทัพได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของแม่ทัพ หากเทียบกับท่านแล้วด้อยกว่าอย่างมาก เมื่อเจอกับยอดฝีมือจริงๆแล้ว แม่ทัพของพวกเขาก็ไม่อาจรับมือได้ เมื่อเสียแม่ทัพไป กองทัพเองก็ไม่อาจจะทำได้ดีแบบเดิมอีก    พูดไปแล้ว ซูจิงก็สรุปออกมา  กองทัพเทียนลั่วและกองทัพลาดตระเวนตงหยางต่างก็มีข้อดีของตัวเอง โดยทั่วไปแล้วความสามารถของเราสูงกว่า แต่พวกนั้นทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า.. 

      จิงหงพยักหน้า   ข้าติดต่อกับพวกนั้นมาก่อน มันเป็นตามที่เจ้าบอกมา กองทัพนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

      ซูจิงยังไม่ทันได้เปิดปากพูด จิงหงก็ได้พูดขึ้นต่อ   ข้าคิดถึงการเอาข้อดีของพวกนั้นมาใช้ในกองทัพเทียนลั่ว แต่พยายามอยู่หลายครั้งก็ล้มเหลว หากเจ้าทำสำเร็จ งั้นผลงานของเจ้าที่มีต่อกองทัพเทียนลั่วนั้นก็ไม่ได้ด้อยกว่าข้าเลย ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดิให้แก่เจ้าเอง 

        ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เชื่อใจข้า   ซูจิงพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง   ข้าจะพยายามทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน 

      แม้ว่าจิงหงจะเป็นแม่ทัพแต่มันไม่ได้หมายความว่าเขาคือคนที่เก่งทุกเรื่อง สิ่งที่จิงหงไม่อาจทำได้ ซูจิงอาจจะทำได้ก็ได้

        ใช่สิ ก่อนหน้านี้ท่านเรียกข้ามา ข้าไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรกัน ?  หลังจากรายงานธุระต่างๆแล้ว ซูจิงก็คิดถึงอีกเรื่อง

      จิงหงแสดงสีหน้าจริงจังออกมาและถามขึ้น   เจ้ารู้จักทีมคังเฉียง..ไม่สิ สิ่งที่เรียกว่าสำนักคังเฉียง เจ้ารู้จักคนที่มาจากสำนักคังเฉียงรึไม่ ? 

      ซูจิงออกจากเขตซื่อเซียวไปนาน ตอนนั้นทีมคังเฉียงยังไม่ได้ก่อตั้งขึ้นมา มันควรเรียกพวกเขาว่าคนจากสำนักคังเฉียงจะเหมาะกว่า

        สำนักคังเฉียงรึ ?  ซูจิงแปลกใจ   มันคือสำนักแบบไหนกัน ? 

        เจ้าไม่เคยได้ยินเรื่องสำนักคังเฉียงรึ ?   จิงหงถามขึ้นมาอีกครั้ง   เจ้าลองคิดดูดีๆ เรื่องนี้สำคัญอย่างมาก 

      เมื่อเห็นจิงหงจริงจัง ซูจิงก็เครียดขึ้นมา เขาลองนึกย้อนดูดีๆก่อนจะตอบกลับไปว่า  ข้าไม่เคยได้ยินชื่อสำนักคังเฉียง หากท่านแม่ทัพไม่เชื่อ ข้ายอมสาบานต่อจักรพรรดิ… 

        งั้นเจ้าเคยได้ยินชื่อจางหยูรึไม่ ?  จิงหงถามขึ้นมาอีกครั้ง

      ซูจิงส่ายหน้า   ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน 

        แปลก   จิงหงสงสัย   เมื่อเจ้าไม่รู้จักเขา งั้นทำไมเขาถึงได้ตามหาเจ้ากัน ? 

        ตามหาข้างั้นรึ ? 

        ใช่ หัวหน้าทีมคังเฉียง ได้ให้อู๋ห่าวผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพสังเกตการณ์มาตามหาเจ้า  จิงหงพูดขึ้น   ข้าก็นึกว่าเจ้าจะรู้จักเขา…  หากซูจิงรู้บางอย่าง เขาอาจจะหาเบาะแสจากมันได้ แต่ซูจิงกลับไม่รู้จักพวกนั้น

      ซูจิงแปลกใจ   ทีมคังเฉียงมีต้นกำเนิดจากไหนกัน อู๋ห่าว ได้บอกรึไม่ 

      อู๋ห่าวเป็นผู้บัญชาการใหญ่ ฐานะนั้นไม่ได้ด้อยกว่าซูจิงเลย เขาถือว่าเป็นคนมีอำนาจในกองทัพสังเกตการณ์

        เจ้าไม่รู้รึ ?  จิงหงพึมพำออกมาแล้วพูดขึ้น   ทีมคังเฉียงปรากฏตัวขึ้นเมื่อหมื่นปีก่อน มันเป็นทีมระดับราชาที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นมา แม้ว่าจะอยู่แค่ระดับราชา แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมนั้นน่าทึ่งอย่างมาก พวกเขาได้ทำภารกิจสองอย่างเสร็จสิ้น ความสามารถของพวกเขาแทบจะทัดเทียมกับกองทัพได้เลย ! 

      ซูจิงได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับผงะ

        ยิ่งไปกว่านั้นหัวหน้าทีมคังเฉียงก็เคยจัดการกับแรนเดล แม่ทัพเผ่าสวรรค์มาแล้ว พวกเขายังได้รับความสนใจจากจักรพรรดิ ชายคนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ต้นกำเนิดลึกลับ เดาว่าในหมู่แม่ทัพมีไม่กี่คนที่ทัดเทียมกับเขาได้  

        แม้แต่ท่านก็ยังเทียบไม่ได้รึ ?   ซูจิงไม่อาจจะทำใจเชื่อได้

        ข้ายังไม่เคยสู้กับเขา และก็ไม่คิดจะสู้กับเขาด้วย   จิงหงพูดขึ้นมา   ข้าอาจจะไม่ใช่คู่มือของเขา การที่จักรพรรดิสนใจในตัวเขา บางทีความแข็งแกร่งของชายคนนี้อาจจะอยู่ในระดับขีดจำกัดของแม่ทัพไปแล้ว !    ยอดฝีมือแบบนี้ทั้งทะเลโกลาหลแล้วก็มีแค่ 3-5 คนเท่านั้น นั่นแค่การคาดเดา ไม่มีใครยืนยันได้ว่าคนเหล่านี้อยู่ระดับจำกัดจริงๆ

      ซูจิงคิ้วขมวด   ยอดฝีมือแบบนี้ตามหาข้าทำไมกัน ? 

        เจ้าเคยไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันมาก่อนรึไม่ ?  จิงหงถามขึ้นมา

      หมู่บ้านเสี่ยวอัน ชื่อนี้สำหรับซูจิงแล้ว คล้ายกับเป็นของแสลง เมื่อฟังชื่อนี้ สีหน้าของซูจิงก็ผิดปกติขึ้นมา เขาถึงกับแสดงท่าทีโศกเศร้าออกมา

        ใช่   ซูจิงยอมรับ   ข้าเคยไปที่นั่นมาจริงๆ 

        เจ้ารู้จักซุนกวนรึไม่ ?  จิงหงถามขึ้นมาอีกครั้ง

      ซูจิงตัวสั่นเทา หมู่บ้านเสี่ยวอัน, ซุนกวน ชื่อเหล่านี้คือชื่อที่ทำให้ความทรงจำที่เจ็บปวดของเขาตื่นขึ้นมา

      แม้เวลาจะผ่านมานานแล้ว แต่เขาก็ไม่อาจจะลบความทรงจำเหล่านี้ได้ บางเรื่องถึงอยากจะลืมแต่ก็ไม่อาจจะลืมได้

      เขาคอยจัดการธุระต่างๆไม่ให้ตัวเองว่าง เพราะกลัวว่าจะคิดถึงเรื่องนี้

      แต่ไม่คิดเลยว่าผ่านมาหลายปีแล้ว กลับต้องได้ยินสองชื่อนี้จากปากของแม่ทัพจิงหง

      จิงหงเห็นท่าทีของซูจิงผิดปกติก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย   เจ้าเป็นอะไรรึไม่ ? 

      ซูจิงพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง   ท่านแม่ทัพ ทำไมจู่ๆถึงพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันและซุนกวนหรือ? 

        เจ้าเคยไปที่นั่นมาและรู้จักซุนกวนจริงๆใช่หรือไม่ ?  จิงหงแสดงท่าทีเคร่งเครียดออกมา

        ใช่   ซูจิงตอบกลับ   อันที่จริงแล้วท่านเองก็น่าจะรู้จักซุนกวน 

      คำพูดนี้ทำให้จิงหงสับสน เขาขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น  หมายความว่ายังไง ? 

      ในความทรงจำของเขาไม่มีเรื่องของซุนกวนอยู่ เขาจำไม่ได้ เขาแค่รู้สึกคุ้นหูนิดๆก็เท่านั้น

        เพราะซุนกวนคือหลานชายของข้า ในอดีตหากไม่ใช่เพราะท่านช่วย ข้าคงไม่ได้อยู่จนถึงวันนี้…  ซูจิงเงยหน้ามองจิงหงอย่างช้าๆ

        หลานชายรึ ?  ดวงตาของจิงหงสั่นไหว   ช้าก่อน เจ้าบอกว่าเขาเป็นหลานของเจ้ารึ ? 

      เขานึกถึงตัวตนในอดีตของซูจิง   ไม่ใช่ว่าเขา… 

      ซูจิงพยักหน้า  ใช่ เขาเป็นลูกของพี่เขยข้า  

      เมื่อพูดถึงพี่เขย ซูจิงก็แสดงสีหน้าซับซ้อนทั้งไม่พอใจและรู้สึกผิดออกมา

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset