จิงหงจำได้ว่าตอนที่เกิดเรื่องกับซุนเหลียนเฉิงนั้น ทั้งกองทัพซื่อเซียวก็ตกอยู่ในความวุ่นวายเช่นกัน ซุนเหลียนเฉิงตายในสนามรบ ซูเหวินภรรยาของเขาก็โดนตรวจสอบโดยกองทัพสังเกตการณ์ สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ทิ้งลูกอายุเพียงหนึ่งปีเอาไว้ เพียงแต่ลูกคนนี้ได้ถูกซูจิงเอาไปซ่อน ทำให้กองทัพสังเกตการณ์ไม่อาจจะหาตัวเขาพบ
เพราะเรื่องนี้แม้แต่ซูจิงก็แทบเอาตัวไม่รอด หากไม่ใช่เพราะจิงหงออกตัวปกป้องแล้ว ซูจิงก็อาจจะไม่รอดจากวิกฤตครั้งนั้นมาได้
จิงหงรู้แค่ว่าซุนเหลียนเฉิงมีลูก แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นคือซุนกวน
“ ก่อนที่พี่เขยจะออกรบ เขาได้ยกหลานชายให้ข้าดูแล ตอนที่เห็นว่าเกิดเรื่องกับพี่เขย ข้าก็ได้ส่งซุนกวนไปยังที่ที่ห่างไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของกองทัพสังเกตการณ์”ซูจิงพูดขึ้น “ ท่านแม่ทัพก็ทราบดีว่าเพื่อผลลัพธ์แล้ว กองทัพสังเกตการณ์ไม่เลือกวิธีการในการตรวจสอบ พวกมันบีบให้พี่สาวข้าฆ่าตัวตาย ถ้าหากข้าไม่ส่งซุนกวนหนีไป เกรงว่าซุนกวนก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน”
จิงหงเงียบไป การกระทำของกองทัพสังเกตการณ์นั้นเขารู้ดี
เพราะพวกนั้นไม่ต่างจากเครื่องจักรที่เย็นชา !
จิงหงรังเกียจเก่อเย่อย่างมาก ถึงจักรพรรดิจะบอกให้เขาผูกมิตรกับเก่อเย่ แต่เขาก็ไม่ยอมทำ
“ ซุนกวนอาจจะได้รับพรสวรรค์มาจากพี่เขย ตอนยังเด็กก็แสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นออกมาแล้ว อาศัยทรัพยากรอันน้อยนิด เขากลับเติบโตขึ้นมาได้ ไม่นานเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหล หลังจากสร้างโกลาหลหินขึ้นมาแล้ว เขาก็ก้าวเข้ามาในเขตซื่อเซียว…” ซูจิงพูดต่อ “ ตอนที่ข้ารู้ว่าเขาได้มายังเขตซื่อเซียวและอยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน ข้าก็รู้ว่ามันต้องอันตรายอย่างแน่นอน ข้าจึงไปที่นั่นเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกจากเขตซื่อเซียว แต่น่าเสียดายที่เขาน่ะดื้อด้าน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อแม่ ไม่ใช่แค่ไม่คิดจะออกไปจากที่นี่ แต่ยังบ่มเพาะอย่างหนัก โดยหวังว่าจะได้เข้าร่วมกับกองทัพทั้งสาม”
จิงหงชื่นชมความทะเยอทะยานของซุนกวนอย่างมาก “ สมกับเป็นลูกของชายคนนั้น”
ซูจิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
หากเปลี่ยนเป็นลูกคนอื่นแล้ว ซูจิงเดาว่าเขาคงจะชื่นชมไม่ต่างอะไรจากจิงหงอย่างแน่นอน
แต่ซุนกวนเป็นหลานของเขา เขาจะมองดูซุนกวนตายได้ยังไง ?
“ ข้าไปหาเขาอยู่หลายครั้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกจากที่นี่ไป แต่ก็ไม่เป็นผล ข้าถึงกับทะเลาะกับเขาอยู่นับครั้งไม่ถ้วน…” ซูจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ เขาไม่ฟังคำแนะนำของข้าและเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพ เพื่อตรวจสอบเรื่องราวในอดีต…แต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องต้องห้าม คนที่ถามเรื่องนี้จะต้องมีปัญหา นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาเป็นลูกของพี่เขยเลย ตัวตนของเขานั้นอ่อนไหวอย่างมาก มันง่ายที่จะเปิดเผยตัวเองออกมา”
“ เด็กนี่…” จิงหงถอนหายใจออกมา “ บอกได้ว่าความกล้าของเขาน่าชื่นชมจริงๆ”
ซูจิงพูดขึ้นต่อ “ ข้ากังวลเรื่องนี้จึงได้ส่งคนไปปิดบังข้อมูลของซุนกวน และห้ามซุนกวนเอาไว้ ข้าหวังว่าจะหยุดความคิดในการเข้าร่วมกองทัพของเขาได้ ภายใต้การขัดขวางของข้า ถึงซุนกวนจะผ่านการคัดเลือกมาได้ แต่สุดท้ายก็ตกรอบในการคัดเลือกแบบทางการ….ข้าคิดว่ามันคือการปกป้องเขา แต่ไม่คิดเลยว่ากองทัพเทียนลั่วจะมีคนของกองทัพสังเกตการณ์แฝงตัวอยู่ ทำให้ข้อมูลของซุนกวนรั่วไหลออกไปจนได้ ”
เรื่องต่อไปที่เกิดขึ้นนั้นจิงหงก็รู้ดี
เพราะเรื่องนี้ได้สร้างความวุ่นวายอย่างมาก เก่อเย่จึงมาที่กองทัพเทียนลั่วเพื่อจับกุมคนของด้วยตัวเอง และคิดจะพาซูจิงไปด้วย ดังนั้นเขากับเก่อเย่ถึงได้ปะทะกัน และด้วยความแข็งแกร่งของเขาจึงทำให้เขาสามารถปกป้องซูจิงได้
ความสัมพันธ์ของจิงหงและเก่อเย่ก็ต้องพังลงเพราะเรื่องนี้ !
“ โชคดีที่ซุนกวนระวังตัวอย่างมาก ก่อนที่กองทัพสังเกตการณ์จะลงมือ เขาก็รู้ตัวและหลบหนีไปทันที ดังนั้นเก่อเย่จึงกลับไปมือเปล่า” เพราะไม่อาจจะจับซุนกวนได้ เก่อเย่จึงคิดจะจับซูจิงไปเค้นถามว่าซุนกวนอยู่ที่ไหน “แต่ไม่คิดเลยว่าซุนกวนที่หนีจากหายนะมาได้และยังหนีจากการจับกุมของกองทัพสังเกตการณ์ได้ กลับต้องมาเจอกับกุยหลิง…”
น้ำเสียงของซูจิงเจือไปด้วยความเสียใจ ลูกชายเพียงคนเดียวของพี่สาวกับพี่เขย แต่เขากลับไม่สามารถช่วยอะไรได้
เขาโทษตัวเอง !
“ เด็กนี่น่าจะมีอนาคตที่สดใส…” ซูจิงตาแดงก่ำขึ้นมา “ เขาควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ไม่ใช่แบบนี้ !”
ซุนกวนนั้นเฉลียวฉลาดอย่างมาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย เขาถึงกับยอมเสี่ยงโดนกุยหลิงโจมตี แทนที่จะเสียลูกปัดดั้งเดิม เพราะเมื่อจ่ายลูกปัดดั้งเดิมแล้ว มันก็มีหลายอย่างที่ไม่อาจจะปิดบังได้…
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเลือกเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่วก็เพราะว่ามีซูจิงคอยช่วยเขา นอกจากนี้ในกองทัพซื่อเซียวก็อาจจะมีคนรู้จักของพ่อของเขา ดังนั้นเขาอาจจะโดนจำได้ ส่วนกองทัพสังเกตการณ์…พวกนั้นทำให้แม่ของเขาต้องฆ่าตัวตาย เก่อเย่ คือศัตรูของเขา แล้วเขาจะไปรับใช้ศัตรูได้ยังไง ?
“ ข้าผิดเอง !” ซูจิงโทษตัวเอง “ ซุนกวนเชื่อใจข้าที่เป็นน้า เขาเชื่อว่าข้าจะสามารถปกป้องเขาได้จึงเลือกเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว แต่เพราะความเลินเล่อของข้า จึงทำให้ข้อมูลของเขารั่วไหลออกไป…”
ตลอดหลายปีมานี้ ซูจิงเจ็บปวดใจอย่างมาก เขาโทษตัวเองตลอดเวลา “ อย่าโทษตัวเองเลย” จิงหงถอนหายใจออกมา “ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาของเด็กนั่น หากเขาฟังเจ้าตั้งแต่แรก งั้นคงไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น สรุปคือเขาอยากจะแก้แค้นให้กับพ่อแม่ เจ้าที่เป็นน้าน่ะทำถูกแล้ว”
ซูจิงไม่อาจจะลบบาดแผลนี้จากใจได้
เขาไม่กล้าจะหลับตานอนด้วยซ้ำเพราะทันทีที่หลับตาเขาจะเห็นหน้าพี่สาวถามเขาว่า ทำไมไม่ปกป้องหลานของตัวเองเอาไว้ !
“ เรื่องในอดีตไม่อาจจะแก้ไขได้ เราต้องมองไปยังอนาคต” จิงหงตบไหล่ซูจิง “ เมื่อพี่เจ้าและหลานโดนกองทัพสังเกตการณ์กลั่นแกล้ง เจ้าก็ควรพยายามสู้กับเก่อเย่ นี่คือสิ่งที่เจ้าควรจะทำ”
“ สู้กับเก่อเย่รึ ?” ซูจิงพึมพำออกมา “ ชายคนนั้นได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิและขึ้นเป็นแม่ทัพ ข้าจะสู้กับเขาได้รึ?”
จิงหงพูดขึ้น “ ตอนนี้สู้ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเจ้าจะสู้ไม่ได้สักหน่อย” หลังจากนั้นสักพัก จิงหงก็พูดขึ้น “ เจ้าเตรียมการมาตลอดหลายปีแล้วไม่ใช่รึ ?”
ซูจิงเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ ท่านรู้รึ ?”
“ข้าแก่ก็จริงแต่ไม่ได้ตาบอด” จิงหงกรอกตาใส่ “ที่เจ้าพยายามพัฒนากองทัพเทียนลั่วไม่ใช่ว่าเพื่อกดกองทัพสังเกตการณ์ หรือขึ้นไปแทนที่เก่อเย่ในการได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิหรือ ? แม้ว่าผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจน แต่ภายใต้การจัดการของเจ้าก็ทำให้กองทัพเทียนลั่วแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก นี่คือผลงานของเจ้า”
“ นั่นเป็นผลงานของท่านด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจจะทำได้” ซูจิงโค้งให้
เขาซาบซึ้งบุญคุณของจิงหง หากไม่ใช่เพราะจิงหงช่วย เขาคงตายไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางลืมบุญคุณของจิงหง
จิงหงไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องผลงานรึไง ?” ซูจิงเงียบไป จิงหงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและพูดขึ้น “ เจ้ารู้รึไม่ว่าทำไมข้าพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันและซุนกวนขึ้นมา ?”
“ นี่..” ซูจิงลังเลขึ้นมา “ รึว่าเก่อเย่ยังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่อีกรึ ?”
จิงหงส่ายหน้า “ ไม่ใช่เก่อเย่ แต่เป็น..ทีมคังเฉียง”
“ ทีมคังเฉียงรึ ?”
“ หัวหน้าทีมคังเฉียงตามหาเจ้า เขาพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันและซุนกวน ” จิงหงเข้าใจว่าบางทีหัวหน้าทีมคังเฉียงกับซุนกวนอาจจะเกี่ยวข้องกัน “ ข้าไม่รู้ว่าเขามีตัวตนแบบไหน แต่จักรพรรดิให้ความสำคัญกับพวกเขา น้ำหนักของพวกเขาในใจของจักรพรรดินั้นมากกว่าเก่อเย่ ข้าคิดว่าหากเจ้ากล่อมให้ทีมคังเฉียงช่วยได้ บางทีเจ้าอาจจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับพี่เจ้าได้”
แม้ว่าเก่อเย่จะแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าจะสู้กับจิงหงได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆก็คือฐานะของเก่อเย่ และการที่ได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิมานาน
ท่าทีของซื่อเซียวราวกับโล่ที่คอยปกป้องเก่อเย่เอาไว้ ต่อให้เก่อเย่จะเป็นแค่จ้าวโกลาหลทั่วไปหรือมนุษย์ธรรมดา ก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แต่เมื่อโล่นี้หายไปแล้ว งั้นจิงหงเพียงลำพังก็ยากที่เก่อเย่จะรับมือไหว
ซูจิงสงสัยขึ้นมา “ ทีมคังเฉียง พวกเขามีอำนาจขนาดนั้นจริงๆรึ ?”
เขาแทบจะไม่เชื่อว่าทีมระดับราชาจะได้รับความสนใจจากจักรพรรดิแบบนี้ได้ !
มันเป็นไปได้จริงๆงั้นรึ ?
เพราะเรื่องนี้แม้แต่ซูจิงก็แทบเอาตัวไม่รอด หากไม่ใช่เพราะจิงหงออกตัวปกป้องแล้ว ซูจิงก็อาจจะไม่รอดจากวิกฤตครั้งนั้นมาได้
จิงหงรู้แค่ว่าซุนเหลียนเฉิงมีลูก แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นคือซุนกวน
“ ก่อนที่พี่เขยจะออกรบ เขาได้ยกหลานชายให้ข้าดูแล ตอนที่เห็นว่าเกิดเรื่องกับพี่เขย ข้าก็ได้ส่งซุนกวนไปยังที่ที่ห่างไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของกองทัพสังเกตการณ์”ซูจิงพูดขึ้น “ ท่านแม่ทัพก็ทราบดีว่าเพื่อผลลัพธ์แล้ว กองทัพสังเกตการณ์ไม่เลือกวิธีการในการตรวจสอบ พวกมันบีบให้พี่สาวข้าฆ่าตัวตาย ถ้าหากข้าไม่ส่งซุนกวนหนีไป เกรงว่าซุนกวนก็อาจจะไม่รอดเช่นกัน”
จิงหงเงียบไป การกระทำของกองทัพสังเกตการณ์นั้นเขารู้ดี
เพราะพวกนั้นไม่ต่างจากเครื่องจักรที่เย็นชา !
จิงหงรังเกียจเก่อเย่อย่างมาก ถึงจักรพรรดิจะบอกให้เขาผูกมิตรกับเก่อเย่ แต่เขาก็ไม่ยอมทำ
“ ซุนกวนอาจจะได้รับพรสวรรค์มาจากพี่เขย ตอนยังเด็กก็แสดงพรสวรรค์ที่โดดเด่นออกมาแล้ว อาศัยทรัพยากรอันน้อยนิด เขากลับเติบโตขึ้นมาได้ ไม่นานเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นจ้าวโกลาหล หลังจากสร้างโกลาหลหินขึ้นมาแล้ว เขาก็ก้าวเข้ามาในเขตซื่อเซียว…” ซูจิงพูดต่อ “ ตอนที่ข้ารู้ว่าเขาได้มายังเขตซื่อเซียวและอยู่ที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน ข้าก็รู้ว่ามันต้องอันตรายอย่างแน่นอน ข้าจึงไปที่นั่นเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกจากเขตซื่อเซียว แต่น่าเสียดายที่เขาน่ะดื้อด้าน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับพ่อแม่ ไม่ใช่แค่ไม่คิดจะออกไปจากที่นี่ แต่ยังบ่มเพาะอย่างหนัก โดยหวังว่าจะได้เข้าร่วมกับกองทัพทั้งสาม”
จิงหงชื่นชมความทะเยอทะยานของซุนกวนอย่างมาก “ สมกับเป็นลูกของชายคนนั้น”
ซูจิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
หากเปลี่ยนเป็นลูกคนอื่นแล้ว ซูจิงเดาว่าเขาคงจะชื่นชมไม่ต่างอะไรจากจิงหงอย่างแน่นอน
แต่ซุนกวนเป็นหลานของเขา เขาจะมองดูซุนกวนตายได้ยังไง ?
“ ข้าไปหาเขาอยู่หลายครั้งเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาออกจากที่นี่ไป แต่ก็ไม่เป็นผล ข้าถึงกับทะเลาะกับเขาอยู่นับครั้งไม่ถ้วน…” ซูจิงสูดหายใจเข้าลึกๆ “ เขาไม่ฟังคำแนะนำของข้าและเลือกที่จะเข้าร่วมกองทัพ เพื่อตรวจสอบเรื่องราวในอดีต…แต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องนี้คือเรื่องต้องห้าม คนที่ถามเรื่องนี้จะต้องมีปัญหา นี่ไม่ต้องพูดถึงการที่เขาเป็นลูกของพี่เขยเลย ตัวตนของเขานั้นอ่อนไหวอย่างมาก มันง่ายที่จะเปิดเผยตัวเองออกมา”
“ เด็กนี่…” จิงหงถอนหายใจออกมา “ บอกได้ว่าความกล้าของเขาน่าชื่นชมจริงๆ”
ซูจิงพูดขึ้นต่อ “ ข้ากังวลเรื่องนี้จึงได้ส่งคนไปปิดบังข้อมูลของซุนกวน และห้ามซุนกวนเอาไว้ ข้าหวังว่าจะหยุดความคิดในการเข้าร่วมกองทัพของเขาได้ ภายใต้การขัดขวางของข้า ถึงซุนกวนจะผ่านการคัดเลือกมาได้ แต่สุดท้ายก็ตกรอบในการคัดเลือกแบบทางการ….ข้าคิดว่ามันคือการปกป้องเขา แต่ไม่คิดเลยว่ากองทัพเทียนลั่วจะมีคนของกองทัพสังเกตการณ์แฝงตัวอยู่ ทำให้ข้อมูลของซุนกวนรั่วไหลออกไปจนได้ ”
เรื่องต่อไปที่เกิดขึ้นนั้นจิงหงก็รู้ดี
เพราะเรื่องนี้ได้สร้างความวุ่นวายอย่างมาก เก่อเย่จึงมาที่กองทัพเทียนลั่วเพื่อจับกุมคนของด้วยตัวเอง และคิดจะพาซูจิงไปด้วย ดังนั้นเขากับเก่อเย่ถึงได้ปะทะกัน และด้วยความแข็งแกร่งของเขาจึงทำให้เขาสามารถปกป้องซูจิงได้
ความสัมพันธ์ของจิงหงและเก่อเย่ก็ต้องพังลงเพราะเรื่องนี้ !
“ โชคดีที่ซุนกวนระวังตัวอย่างมาก ก่อนที่กองทัพสังเกตการณ์จะลงมือ เขาก็รู้ตัวและหลบหนีไปทันที ดังนั้นเก่อเย่จึงกลับไปมือเปล่า” เพราะไม่อาจจะจับซุนกวนได้ เก่อเย่จึงคิดจะจับซูจิงไปเค้นถามว่าซุนกวนอยู่ที่ไหน “แต่ไม่คิดเลยว่าซุนกวนที่หนีจากหายนะมาได้และยังหนีจากการจับกุมของกองทัพสังเกตการณ์ได้ กลับต้องมาเจอกับกุยหลิง…”
น้ำเสียงของซูจิงเจือไปด้วยความเสียใจ ลูกชายเพียงคนเดียวของพี่สาวกับพี่เขย แต่เขากลับไม่สามารถช่วยอะไรได้
เขาโทษตัวเอง !
“ เด็กนี่น่าจะมีอนาคตที่สดใส…” ซูจิงตาแดงก่ำขึ้นมา “ เขาควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ไม่ใช่แบบนี้ !”
ซุนกวนนั้นเฉลียวฉลาดอย่างมาก เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวตนถูกเปิดเผย เขาถึงกับยอมเสี่ยงโดนกุยหลิงโจมตี แทนที่จะเสียลูกปัดดั้งเดิม เพราะเมื่อจ่ายลูกปัดดั้งเดิมแล้ว มันก็มีหลายอย่างที่ไม่อาจจะปิดบังได้…
เหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเลือกเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่วก็เพราะว่ามีซูจิงคอยช่วยเขา นอกจากนี้ในกองทัพซื่อเซียวก็อาจจะมีคนรู้จักของพ่อของเขา ดังนั้นเขาอาจจะโดนจำได้ ส่วนกองทัพสังเกตการณ์…พวกนั้นทำให้แม่ของเขาต้องฆ่าตัวตาย เก่อเย่ คือศัตรูของเขา แล้วเขาจะไปรับใช้ศัตรูได้ยังไง ?
“ ข้าผิดเอง !” ซูจิงโทษตัวเอง “ ซุนกวนเชื่อใจข้าที่เป็นน้า เขาเชื่อว่าข้าจะสามารถปกป้องเขาได้จึงเลือกเข้าร่วมกองทัพเทียนลั่ว แต่เพราะความเลินเล่อของข้า จึงทำให้ข้อมูลของเขารั่วไหลออกไป…”
ตลอดหลายปีมานี้ ซูจิงเจ็บปวดใจอย่างมาก เขาโทษตัวเองตลอดเวลา “ อย่าโทษตัวเองเลย” จิงหงถอนหายใจออกมา “ บางทีนี่อาจจะเป็นชะตาของเด็กนั่น หากเขาฟังเจ้าตั้งแต่แรก งั้นคงไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น สรุปคือเขาอยากจะแก้แค้นให้กับพ่อแม่ เจ้าที่เป็นน้าน่ะทำถูกแล้ว”
ซูจิงไม่อาจจะลบบาดแผลนี้จากใจได้
เขาไม่กล้าจะหลับตานอนด้วยซ้ำเพราะทันทีที่หลับตาเขาจะเห็นหน้าพี่สาวถามเขาว่า ทำไมไม่ปกป้องหลานของตัวเองเอาไว้ !
“ เรื่องในอดีตไม่อาจจะแก้ไขได้ เราต้องมองไปยังอนาคต” จิงหงตบไหล่ซูจิง “ เมื่อพี่เจ้าและหลานโดนกองทัพสังเกตการณ์กลั่นแกล้ง เจ้าก็ควรพยายามสู้กับเก่อเย่ นี่คือสิ่งที่เจ้าควรจะทำ”
“ สู้กับเก่อเย่รึ ?” ซูจิงพึมพำออกมา “ ชายคนนั้นได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิและขึ้นเป็นแม่ทัพ ข้าจะสู้กับเขาได้รึ?”
จิงหงพูดขึ้น “ ตอนนี้สู้ไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตเจ้าจะสู้ไม่ได้สักหน่อย” หลังจากนั้นสักพัก จิงหงก็พูดขึ้น “ เจ้าเตรียมการมาตลอดหลายปีแล้วไม่ใช่รึ ?”
ซูจิงเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น “ ท่านรู้รึ ?”
“ข้าแก่ก็จริงแต่ไม่ได้ตาบอด” จิงหงกรอกตาใส่ “ที่เจ้าพยายามพัฒนากองทัพเทียนลั่วไม่ใช่ว่าเพื่อกดกองทัพสังเกตการณ์ หรือขึ้นไปแทนที่เก่อเย่ในการได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิหรือ ? แม้ว่าผลลัพธ์ยังไม่ชัดเจน แต่ภายใต้การจัดการของเจ้าก็ทำให้กองทัพเทียนลั่วแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก นี่คือผลงานของเจ้า”
“ นั่นเป็นผลงานของท่านด้วย ไม่เช่นนั้นข้าคงไม่อาจจะทำได้” ซูจิงโค้งให้
เขาซาบซึ้งบุญคุณของจิงหง หากไม่ใช่เพราะจิงหงช่วย เขาคงตายไปตั้งนานแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางลืมบุญคุณของจิงหง
จิงหงไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี “ เจ้าคิดว่าข้าสนใจเรื่องผลงานรึไง ?” ซูจิงเงียบไป จิงหงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและพูดขึ้น “ เจ้ารู้รึไม่ว่าทำไมข้าพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันและซุนกวนขึ้นมา ?”
“ นี่..” ซูจิงลังเลขึ้นมา “ รึว่าเก่อเย่ยังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่อีกรึ ?”
จิงหงส่ายหน้า “ ไม่ใช่เก่อเย่ แต่เป็น..ทีมคังเฉียง”
“ ทีมคังเฉียงรึ ?”
“ หัวหน้าทีมคังเฉียงตามหาเจ้า เขาพูดถึงหมู่บ้านเสี่ยวอันและซุนกวน ” จิงหงเข้าใจว่าบางทีหัวหน้าทีมคังเฉียงกับซุนกวนอาจจะเกี่ยวข้องกัน “ ข้าไม่รู้ว่าเขามีตัวตนแบบไหน แต่จักรพรรดิให้ความสำคัญกับพวกเขา น้ำหนักของพวกเขาในใจของจักรพรรดินั้นมากกว่าเก่อเย่ ข้าคิดว่าหากเจ้ากล่อมให้ทีมคังเฉียงช่วยได้ บางทีเจ้าอาจจะทวงคืนความยุติธรรมให้กับพี่เจ้าได้”
แม้ว่าเก่อเย่จะแข็งแกร่ง แต่ก็ใช่ว่าจะสู้กับจิงหงได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวจริงๆก็คือฐานะของเก่อเย่ และการที่ได้รับความเชื่อใจจากจักรพรรดิมานาน
ท่าทีของซื่อเซียวราวกับโล่ที่คอยปกป้องเก่อเย่เอาไว้ ต่อให้เก่อเย่จะเป็นแค่จ้าวโกลาหลทั่วไปหรือมนุษย์ธรรมดา ก็ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา แต่เมื่อโล่นี้หายไปแล้ว งั้นจิงหงเพียงลำพังก็ยากที่เก่อเย่จะรับมือไหว
ซูจิงสงสัยขึ้นมา “ ทีมคังเฉียง พวกเขามีอำนาจขนาดนั้นจริงๆรึ ?”
เขาแทบจะไม่เชื่อว่าทีมระดับราชาจะได้รับความสนใจจากจักรพรรดิแบบนี้ได้ !
มันเป็นไปได้จริงๆงั้นรึ ?