คำพูดของจางหยูใช่ว่าจะไร้ความหมาย
ด้วยความแข็งแกร่งของคนในสำนักและร่างแยกของเขาที่เพิ่มขึ้นมา ก็ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปด้วย บางทีเขาอาจจะยังไม่ใช่คู่มือของจักรพรรดิ แต่ช่องว่างนั้นก็แคบลงอย่างมาก หากเขาต้องการจะกำจัดเก่อเย่จริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก นอกซะจากว่าซื่อเซียวจะคอยปกป้องเก่อเย่ ไม่อย่างนั้นเก่อเย่ก็ต้องตาย
แล้วซื่อเซียวจะคอยปกป้องเก่อเย่อยู่ตลอดรึ ?
คำตอบคือไม่
ซื่อเซียวเป็นจักรพรรดิ เขาคือหนึ่งในเก้าจักรพรรดิของทะเลโกลาหล มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาจะมาคอยปกป้องแม่ทัพอยู่ตลอดเวลา ?
แม้ว่าซื่อเซียวจะมีความอดทนพอ แต่นั่นก็อาจจะทำให้เขาเสียหน้าได้
เมื่อได้ยินคำพูดของจางหยู ซูจิงก็ตกใจและรีบพูดขึ้นมา เจ้าสำนัก ข้ารู้ว่าท่านแข็งแกร่ง แต่อย่าได้ดูหมิ่นจักรพรรดิไป ! หากเรื่องนี้ไปถึงหูใครเข้า มันอาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้
เขาไม่คิดเลยว่าจางหยูจะกล้าดูหมิ่นจักรพรรดิ !
ตอนนี้เองเขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมา หากเขารู้ว่าจางหยูจะหยิ่งทะนงและบ้าแบบนี้ เขาคงยอมทำตามแผนเดิมเพื่อหาทางกำจัดเก่อเย่ แทนที่จะมาฝากความหวังไว้กับเจ้าสำนัก
หัวหน้าทีมคังเฉียงนี่มันคนบ้าดีๆนี่เอง !
เจ้ากลัวซื่อเซียวรึ ? จางหยูถามขึ้นมา
แน่นอนว่ากลัว ! ใครบ้างที่ไม่กลัวจักรพรรดิ ? ซูจิงไม่ได้ปิดบัง ท่านไม่กลัวรึ ?
ข้าไม่กลัว จางหยูพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม บางทีอาจจะหวั่นเกรงอยู่นิดๆแต่ไม่ได้กลัว ซูจิงขมวดคิ้วและพึมพำออกมา เจ้าสำนักพูดจาระวังด้วย !
เขาพบว่าคำพูดของจางหยูได้ใจมากขึ้นเรื่อยๆ จางหยูไม่ได้ให้ความเคารพจักรพรรดิ และยังเรียกจักรพรรดิแค่ชื่อ มันดูหยิ่งทะนงกว่าพี่เขยของเขาที่เป็นอัจฉริยะเสียอีก !
เจ้าคือคนระดับสูงของกองทัพเทียนลั่ว แต่กลับมีความกล้าน้อยจริงๆ ! เสี่ยวเสียเห็นว่าซูจิงแสดงท่าทีหวาดกลัวก็อดไม่ได้ที่จะดูถูก ก็แค่จักรพรรดิไม่ใช่รึ ? จะกลัวทำไม ! เจ้าทำราวกับว่านายข้าไม่ใช่จักรพรรดิ…
ซูจิงอึ้งไปและเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เจ้าว่ายังไงนะ ? เขามองไปที่จางหยูและพูดด้วยเสียงที่สั่น ทะ ท่านเป็นจักรพรรดิรึ ?
ไม่ต้องกังวล ข้าไม่กินเจ้าหรอก เจ้าจะกังวลทำไมกัน ? จางหยูยิ้มรับ ยังไงซะจักรพรรดิก็เป็นมนุษย์ พวกเขาไม่ใช่สัตว์ประหลาดเสียหน่อย
นี่คือการยอมรับอ้อมๆว่าเขาเป็นจักรพรรดิ
ซูจิงอึ้งเมื่อได้ยินแบบนั้น
จะ…จักรพรรดิรึ ? ซูจิงเผยสีหน้าโง่เง่าออกมา มันราวกับฝัน ในหัวของเขาตอนนี้ขาวโพลน
ทะ ท่าน… ซูจิงไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรออกมาดี มันราวกับว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไร ก็ไม่อาจบอกถึงความตะลึงที่อยู่ในใจได้
ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าทีมคังเฉียง, เจ้าสำนักของสำนักคังเฉียงจะเป็นจักรพรรดิ !
ตัวตนที่สูงส่งเกินกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ จักรพรรดิที่ปกครองทะเลโกลาหล !
มันไม่เหมือนกับซื่อเซียว ซูจิงไม่เข้าใจเรื่องจักรพรรดิ หลังจากที่รู้ว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิ เขาก็ไม่สงสัยสิ่งใดและเชื่อว่าจางหยูเป็นจักรพรรดิจริงๆ
เพราะเขาคิดหาเหตุผลที่จางหยูจะมาหลอกเขาไม่ได้
ไม่แปลกเลยที่กล้าเรียกจักรพรรดิแค่ชื่อ และไม่เห็นเก่อเย่อยู่ในสายตา… ซูจิงกระจ่างทันที ตอนแรกเขาคิดว่าจางหยูนั้นบ้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจางหยูจะไม่ได้บ้า เขาแค่ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด นอกจากจักรพรรดิทั้งเก้าแล้ว ก็ยังมีจักรพรรดิคนที่สิบกำเนิดขึ้นมา !
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นทะเลโกลาหลมีจักรพรรดิแค่ 9 คน ทั้งเก้าคือประกาศิตของทะเลโกลาหล ไม่มีใครขัดขืนได้ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยกำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา ซึ่งทำให้ทุกคนคิดว่าบางทีทะเลโกลาหลไม่อาจจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมาได้ บางทีมันอาจจะมีจักรพรรดิแค่ 9 คนเท่านั้น นั่นคือขีดจำกัดของทะเลโกลาหล
ตอนนี้ความคิดนี้กลับพลิกผันไป ทะเลโกลาหลได้ให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่ 10 ขึ้นมา !
ซูจิงคุกเข่าลงเพื่อทำความเคารพ ผู้น้อยซูจิงคำนับจักรพรรดิ ! ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ตัวตนของท่านจึงเสียมารยาทไป ข้าขอให้จักรพรรดิยกโทษให้ด้วย !
ท่าทีของเขาต่อจางหยูนั้นดูเคารพยิ่งกว่าเก่า
กลับไปพูดเรื่องซุนเหลียนเฉิงก่อน จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เจ้ารู้รึไม่ว่าซุนเหลียนเฉิงมีที่มายังไง ? อย่างพ่อแม่หรือตระกูลของเขา ? เขาสนใจเรื่องซุนเหลียนเฉิง เพราะการเติบโตของซุนเหลียนเฉิงนั้นเหมือนตัวละครหลักที่ถูกสร้างขึ้นมา คนแบบนี้คงปิดบังความลับไว้เป็นจำนวนมาก
ซูจิงส่ายหน้า พี่เขยนั้นลึกลับ เขาราวกับหินที่โผล่มาจากบ่อน้ำ ทันทีที่ปรากฏตัวก็แสดงความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพออกมา ตอนที่ปรากฏตัวตอนแรกก็ในช่วงสงคราม…แม้ว่าพี่ข้าจะแต่งงานกับเขาแต่ข้าก็ไม่รู้เรื่องของเขามากนัก นี่ไม่ต้องนับเรื่องพ่อแม่และเรื่องอื่นๆของเขาเลย แต่…
เมื่อพูดถึงจุดนี้ ซูจิงก็เหมือนจะนึกบางอย่างออก บางทีเก่อเย่อาจจะรู้บางอย่าง หลังจากที่พี่เขยตาย เขาก็สืบเรื่องของพี่เขยอย่างลับๆ ตามหลักการแล้ว เรื่องนี้ควรจะสิ้นสุด เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไล่ตามเรื่องนี้ต่อ อีกอย่างในฐานะแม่ทัพแล้ว เขามีธุระมากมายที่ต้องทำ ไม่ควรจะเสียเวลาและความพยายามในการสืบเรื่องของคนที่ตายไปแล้ว แต่ข้าเชื่อว่าเขายังคงตรวจสอบเรื่องนี้อยู่
แน่นอนว่านี่แค่การคาดเดาของซูจิง เขาไม่ได้มีหลักฐานใดๆ
งั้นปัญหาก็คือเก่อเย่ บางทีเราอาจจะได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากปากเขา จางหยูพึมพำออกมา
ซูจิงพูดขึ้น เจ้าสำนักคิดจะลงมือกับเก่อเย่งั้นรึ ?
เก่อเย่ไม่มีค่าพอให้พูดถึง แต่ข้าคิดถึงท่าทีของซื่อเซียวต่างหาก จางหยูพูดขึ้น การลงมือกับเก่อเย่ อาจจะทำให้ซื่อเซียวโกรธ การหาเรื่องจักรพรรดิไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า อีกอย่างซื่อเซียวก็ได้ให้ลูกปัดดั้งเดิมกับเขาพันล้านลูก พวกเขายังต้องร่วมมือกับซื่อเซียว ทางที่ดีที่สุดควรรอโอกาสที่เหมาะสม มันจะดีกว่าหากข้าไม่ต้องลงมือด้วยตัวเองและให้คนของสำนักคังเฉียงจัดการแทน
จนกว่าจะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิได้จริงๆ จางหยูก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองไว้ อย่างน้อยก็ไม่คิดจะทำลายสมดุลนี้ทิ้ง
ไม่อย่างงั้นสำนักคังเฉียงจะหาได้ลูกปัดจากเขตซื่อเซียวได้ยังไงในอนาคต ?
ชัดแล้วว่านั่นคือการสูบน้ำออกจากทะเลสาบ เพื่อจับปลา [1]
เมื่อคิดแบบนั้นจางหยูก็บอกกับซูจิง เจ้ากลับไปก่อน เรื่องเก่อเย่นั้นเจ้าอย่าเพิ่งไปยุ่ง รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม สำนักคังเฉียงจะจัดการเอง…
ซูจิงไม่กล้าเร่งรัดและตอบกลับทันที ขอรับ !
เมื่อเจ้ากลับไป หากมีใครถามเรื่องที่เจ้าทำในสำนักคังเฉียง เจ้าก็บอกว่าเจ้าได้เล่าเรื่องซุนเหลียนเฉิงและซุนกวนให้เราฟัง จางหยูพูดขึ้น เรื่องของข้านั้นเจ้าอย่าพูดถึง เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้พบข้า เขาไม่อยากให้คนรู้ว่าเขาคือจักรพรรดิคนใหม่
ขอรับ ! ซูจิงไม่กล้าปฏิเสธคำสั่งของจักรพรรดิ
จางหยูโบกมือ ซุนเหยียน, ซุนเมิ่ง พวกเจ้าไปส่งเขา
ทันทีที่พูดจบ จางหยูก็หายตัวไป
ตอนนั้นเองซุนเหยียนก็ได้บอกกับซูจิงบอก ท่านน้า เชิญ
เด็กสาวนี่เป็นใครกัน ? ซูจิงมองไปที่ซุนเมิ่งด้วยความสงสัย จักรพรรดิสั่งแค่ซุนเหยียนก็ได้ แต่ทำไมต้องจงใจพูดถึงซุนเมิ่งด้วย
ซุนเหยียนแนะนำ นี่คือทายาทของร่างหลัก นอกจากนางแล้วก็ยังมีอีกคนที่ชื่อว่าซุนวู พวกเขาคือสายเลือดที่หลงเหลืออยู่ของร่างหลัก
ซุนเมิ่งมองไปที่ซูจิง นางไม่รู้ว่าจะเรียกเขายังไงดี? ซุนเมิ่งลังเลสักพักก่อนจะพูดขึ้นมา ผู้อาวุโส
ยังไงซะนางกับซุนกวนก็ห่างกันไม่รู้กี่รุ่น การเรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสก็นับว่าเหมาะสมแล้ว
ลูกหลานของซุนกวนรึ ? ซูจิงจ้องมองซุนเมิ่ง เขามองอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้น สาวน้อย ข้าหวังว่าเจ้าจะบ่มเพาะอย่างหนัก เพื่อไม่ทำให้ชื่อเสียงของบรรพชนต้องเสียหาย ! ตอนนี้สายเลือดของพวกเจ้าเหลือแค่ 3 คนเท่านั้น พวกเจ้าต้องกอบกู้ชื่อเสียงตระกูลของซุนให้ได้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้พี่เขยต้องผิดหวัง
หลังจากนั้นสักพัก ซูจิงก็พูดขึ้นต่อ หากเจ้าขาดทรัพยากรใดๆ เจ้าก็ติดต่อมาหาข้าได้เลย ข้าจะหาทางช่วยเจ้าเอง นอกจากนี้แล้ว หากมีข้อสงสัยในการบ่มเพาะ เจ้าก็ถามข้าได้เลย ข้าไม่มีทางปิดบังอย่างแน่นอน
ในมุมมองของเขาแล้วเขาที่เป็นผู้บัญชาการใหญ่นั้นมีความสามารถเพียงพอที่จะสั่งสอนสาวน้อยผู้นี้
[1] การสูบน้ำออกจากทะเลสาบ เพื่อจับปลา เป็นสุภาษิตจีนที่มีความหมายว่าเร่งรีบทำอะไรจนเกินไป จนสุดท้ายก็ทำลายผลประโยชน์ที่จะได้รับจากสิ่งนั้นไป
ตอนที่ 1904 : โจมตี
เจ้านี่น่ะคิดจะชี้แนะให้กับนาง ? เสี่ยวเสียมองไปที่ซูจิงด้วยสีหน้าแปลกๆ เจ้าเข้าใจผิดเรื่องความแข็งแกร่งตัวเองรึไม่ ?
ซูจิงพูดขึ้น ข้าเป็นผู้บัญชาการใหญ่จะไม่มีความสามารถสั่งสอนนางได้ยังไง ? เขามองเสี่ยวเสียแล้วพึมพำออกมา ข้ายอมรับว่าข้าอ่อนแอกว่าเจ้า แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอนักไม่ใช่รึ ? ข้าเป็นถึงผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพเทียนลั่วเลยนะ
ซุนเหยียนเห็นว่าซูจิงเผยท่าทีมั่นใจก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงออกมาดี
นี่… ซุนเหยียนพยายามจะค้าน ท่านน้า ท่านอาจจะไม่อาจจะสอนนางได้
ทำไมกัน ? ซูจิงสับสน
ความแข็งแกร่งของซุนเมิ่งนั้น ในหมู่สำนักคังเฉียงแล้วถือว่าอยู่อันดับต้นๆ ซุนเหยียนพูดขึ้น นอกจากร่างแยกของเจ้าสำนักและ