ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1932 : คนกลาง

  ที่จวนของจินหยาง

  จางลู่และคนอื่นๆได้รับข้อความจากจางหยู แต่ก็ไม่ได้ไปที่โถงกองทัพสังเกตการณ์ทันที พวกเขาเลือกที่จะช่วยจินหยางสร้างสมบัติต่อ เมื่อรับภารกิจนี้แล้ว พวกเขาก็ควรทำภารกิจนี้ให้เสร็จก่อน

  สำหรับเก่อเย่แล้ว พวกเขาไม่ได้รีบร้อน เพราะถึงอย่างไรเก่อเย่ก็อยู่ในโถงกองทัพสังเกตการณ์อยู่แล้ว ยังไงก็ไม่อาจจะหนีไปได้

  …

  ที่ทะเลบรรพกาล

  ระดับการบ่มเพาะของ กวนเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง แม้ว่าเขาจะไม่ได้บ่มเพาะทักษะอู๋จี๋แต่เพราะร่างบรรพกาลนั้นจึงทำให้การบ่มเพาะของเขามีประสิทธิภาพอย่างมาก ความเร็วในการดูดซับลูกปัดเพิ่มสูงจนน่ากลัว ระดับการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพอใจกับการบ่มเพาะอย่างมากจนไม่คิดจะหยุดพัก

  จางหยูยังสร้างเกราะต่อ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้แล้วเขาก็สามารถสร้างเกราะได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เกราะ 2,000 ชิ้นแม่ว่าจะเป็นจำนวนที่น่าทึ่งแต่ก็ไม่ได้เป็นเกราะระดับสูงอะไร ถึงอย่างนั้นมันก็ทัดเทียบกับสมบัติระดับสมบูรณ์ได้

  แต่ศิษย์และอาจารย์ในสำนักนั้นเพราะใช้ลูกปัดไปหมดแล้ว พวกนี้จึงไม่มีอะไรทำ นอกจากไม่กี่คนที่ทำการบ่มเพาะแล้ว คนส่วนมากก็ล้วนแต่ออกไปพักผ่อน

  …

  ไม่นานหลังจากที่กลับไปยังเขตซื่อเซียวร่างแยกของซื่อเซียวก็ได้ออกเดินทางอีกครั้ง

  ไม่นานเย่าหยาง, หว่านเกอและอู่หมิง ต่างก็เดินทางมาพบกับซื่อเซียว

  การเคลื่อนไหวของจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ทั้งสามนั้นทำให้จักรพรรดิเผ่าสวรรค์หันมาสนใจ พวกนั้นคอยตื่นตัวเผื่อว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น

  แม้ว่าในทางทฤษฎีแล้วในโกลาหลของพวกเขา จักรพรรดิจะไร้เทียมทานที่สุดแต่หากจักรพรรดิหลายคนร่วมมือกันโจมตี งั้นเดาว่าคงไม่มีจักรพรรดิคนไหนรับมือไหว

  ฉิวหวังอยู่ใกล้กับโกลาหลซื่อเซียวมากที่สุด เขากังวลอย่างมากในตอนนี้ ยังไงซะร่างแยกของเขาก็โดนทำลายไป จิตของเขาเสียหาย ความแข็งแกร่งของเขาได้รับผลกระทบในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะฟื้นฟูจิตด้วยลูกปัดจิตแล้วแต่เพราะเวลาผ่านไปไม่นาน มันจึงไม่อาจจะฟื้นฟูจิตใจให้กับมาสภาพเดิมได้ หากจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ร่วมมือกันโจมตีเขา เขาคงจบสิ้นแน่ๆ

  แต่โชคยังดีที่จักรพรรดิเผ่าสวรรค์ที่เหลือบอกว่าหากจักรพรรดิมนุษย์กล้าทำเช่นนั้น พวกนั้นก็จะมาช่วยทันที มันทำให้ฉิวหวังเบาใจขึ้นมาอย่างมาก    ทำไมเจ้าถึงเจ็บตัว ?  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์คนหนึ่งเห็นว่าฉิวหวังมีท่าทีผิดปกติ

  ฉิวหวังแต่งเรื่องขึ้นมา   ร่างแยกของข้าเดินทางไปยังเขตซื่อเซียว และข้าก็ได้สู้กับซื่อเซียว ไม่คิดเลยว่าเขาจะโจมตีข้า ผลก็คือร่างแยกของข้าบาดเจ็บกลับมา… 

  เขาไม่คิดจะเปิดเผยความลับเรื่องจ้าวแห่งทะเลโกลาหล เขาอยกกเก็บความลับนี้ไว้คนเดียว

    ฉิวหวังเราจะไปหาซื่อเซียวกัน เราต้องให้เขาชดใช้ !  คนของพวกเขาโดนทำร้าย ความแค้นนี้ไม่อาจจะลบเลือนได้ แม้ว่าพวกเขาจะจัดการมนุษย์มาตลอดหลายปี แต่ก็ยังยากที่จะลดความเกลียดชังที่มีต่อมนุษย์ลงได้

  แต่ทว่าฉิวหวังกลับค้านขึ้นมา   ไม่จำเป็น 

  จักรพรรดิเผ่าสวรรค์พากันสับสน

    ความแค้นนี้ข้าจะเอาคืนด้วยตัวเอง พวกเจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่ง  ฉิวหวังพูดขึ้น   ข้าจะให้เขารู้ว่าข้า ฉิวหวังผู้นี้ ไม่ปล่อยให้ใครมารังแกได้ง่ายๆ  ฉิวหวังแสดงท่าทีราวกับแค้นเคืองซื่อเซียวออกมาจริงๆ

  เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันพูดขึ้นมา   เจ้าแก้แค้นเองก็ดีแล้ว แต่หากเจ้าต้องการความช่วยเหลือก็บอกมาได้เลย 

  ฉิวหวังพยักหน้า   ไม่ต้องกังวล หากข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะบอกพวกเจ้าทันที 

  …

  ที่เขตซื่อเซียว

  ในวังมีจักรพรรดิหลายคนนั่งล้อมโต๊ะอยู่ด้านใน

    ซื่อเซียว เจ้าเรียกให้เรามาหามีเรื่องอะไรกัน เจ้าบอกมาได้รึยัง ?  เย่าหยางเร่งขึ้นมา   เร็วเข้า อย่ามัวโยกโย้ 

  หว่านเกอและอู่หมิงมองซื่อเซียวด้วยท่าทีร้อนใจ พวกเขาเองก็อยากรู้ เพราะซื่อเซียวบอกว่ามีเรื่องใหญ่ พวกเขาอยากรู้ว่ามันคือเรื่องอะไรกัน

  เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน ซื่อเซียวก็สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น   เรื่องที่ข้าจะพูดอาจจะพลิกมุมมองของพวกเจ้าแต่เชื่อเถอะว่าที่ข้าพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง 

  เมื่อเห็นท่าทีจริงจังของซื่อเซียว ทุกคนก็พากันมองหน้ากัน ก่อนจะแสดงสีหน้าจริงจังออกมา

    มีเรื่องอะไรกัน ?  อู่หมิงถามขึ้นมา

    เจ้าจำทีมคังแยงได้รึไม่ ?  ซื่อเซียวถามขึ้นมา

  ทุกคนพากันพยักหน้าตอบรับ

    ก่อนหน้านี้ ฉิวหวังได้ป้ายความผิดให้กับข้าบอกว่าหัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นคือข้าปลอมตัวมาแต่ข้าบอกได้ว่าหัวหน้าทีมคังเฉียงนั้นไม่ใช่ข้า เขาไม่ใช่หนึ่งในเก้าจักรพรรดิแต่…..เป็นจักรพรรดิคนใหม่ที่ชื่อว่าจักรพรรดิคังเฉียง 

  เย่าหยางคิ้วขมวด ก่อนจะถามขึ้นมาว่า  ซื่อเซียว เรื่องนี้ไม่ตลกเลย 

  หว่านเกอและอู่หมิงเองก็แสดงสีหน้าเฉยเมย และไม่เชื่อคำพูดของซื่อเซียวแม้แต่น้อย

    ข้ารู้ว่าพวกเจ้าไม่เชื่อว่าทะเลโกลาหลจะให้กำเนิดจักรพรรดิคนที่สิบขึ้นมาได้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเช่นนั้นแต่พวกเจ้าไม่เคยคิดรึว่าจักรพรรดิคังเฉียงนั้นอาจจะไม่ใช่จักรพรรดิของทะเลโกลาหล ? 

  ทุกคนได้ยินแบบนั้นก็พากันสับสนขึ้นมาทันที หว่านเกอได้พูดขึ้นมา   เจ้าหมายความว่าอย่างไร ? 

    พวกเจ้าอาจจะไม่เชื่อแต่ข้าสาบานว่าที่ข้าพูดมานั้น เป็นความจริง ! ทะเลโกลาหลไม่ใช่ต้นกำเนิดของทุกสิ่งเพียงแห่งเดียว ด้านนอกทะเลโกลาหลนั้นมีต้นกำเนิดของสรรพสิ่งที่เรียกว่าทะเลบรรพกาลอยู่ ! มันเหมือนกับทะเลโกลาหล มันมีบรรพกาลอยู่นับไม่ถ้วน มันมีจ้าวบรรพกาลมากมาย มันถึงกับมีจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลด้วย ! จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลเป็นตัวตนสูงสุดเหมือนจ้าวแห่งทะเลโกลาหล จักรพรรดิคังเฉียงมาจากทะเลบรรพกาล เขาคือจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล ! 

  เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนต่างก็พากันตะลึงขึ้นมาทันที

    ทะเลบรรพกาลรึ ?ต้นกำเนิดอีกแห่ง ? เป็นไปได้ยังไง..  หว่านเกอพูดขึ้นมาเสียงดัง

  เย่าหยางเสียงสั่น   จ้าวแห่งทะเลบรรพกาล…ไม่ใช่ว่ามันน่ากลัวกว่าจักรพรรดิกุยหลิงอีกรึ ? 

  เม่ยเหมิงมองไปที่ซื่อเซียว   เจ้ารู้ได้ยังไงว่าทะเลบรรพกาลนั้นมีอยู่จริง ? เจ้าเคยไปที่นั่นมาแล้วงั้นรึ ? 

  เมื่อเห็นท่าทีของทุกคน ซื่อเซียวก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เขาพูดขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง   ข้าบอกพวกเจ้าได้ว่าทะเลบรรพกาลนั้นมีอยู่จริง ! แม้ว่าร่างหลักของข้าจะยังไม่เคยไปที่นั่น แต่ร่างแยกของข้าเคยไปที่นั่นมาแล้ว ! ข้ามั่นใจว่านั่นคือมิติที่แยกออกไปจากทะเลโกลาหลจริงๆ …    เย่าหยางและคนอื่นๆพากันสงสัยขึ้นมาแต่ก็พอเชื่อขึ้นมาบ้าง

    หากมันเป็นจริง…  เย่าหยางเงยหน้าขึ้นมอง   แล้วจักรพรรดิคังเฉียงออกมาจากทะเลบรรพกาลได้ยังไง ? แล้วท่าทีของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลที่มีต่อเราล่ะ ? 

  หากมีทะเลบรรพกาลและจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลอยู่จริง งั้นทะเลโกลาหลก็ไม่อาจจะต้านทานได้แน่

    ข้าถามมาแล้ว บอกกันว่าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลนั้นไม่ได้สนใจเรื่องทะเลโกลาหล เขาไม่ได้สนใจเรื่องจักรพรรดิอย่างเรา…การเดินทางระหว่างทะเลบรรพกาลและทะเลโกลาหลนั้นคือความสามารถพิเศษของจักรพรรดิจากทะเลบรรพกาล พวกเขาเหมือนมีสิทธิ์มากกว่าเรา  ซื่อเซียวเงียบไปชั่วครู่และพูดขึ้นต่อ   นอกจากนี้ข้ายังได้ถามจักรพรรดิคังเฉียงมา ตราบเราที่เรายอมจ่ายเงินส่วนหนึ่ง เราก็จะอยู่ในทะเลบรรพกาลได้  

    อยู่ในทะเลบรรพกาลรึ ?  หว่านเกอถามขึ้นมา   เจ้าคิดจะไปทำอะไรในทะเลบรรพกาลกัน ? 

  ซื่อเซียวมองไปที่หว่านเกอและพูดขึ้น   เพราะ…ที่นั่นไม่มีกุยหลิงอยู่ 

    เดี๋ยวนะ เจ้าหมายความว่า…  หว่านเกอตื่นเต้นขึ้นมาทันที   ทะเลบรรพกาล…ปลอดภัยงั้นรึ ? 

  เย่าหยางและอู่หมิงพากันแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา

    ตราบใดที่ไม่ฝ่าฝืนกฎของทะเลบรรพกาล งั้นที่นั่นก็ปลอดภัย มันเป็นโลกของมนุษย์ มันไม่มีเผ่าสวรรค์อยู่ มันไม่มีกุยหลิงและไม่มีจักรพรรดิกุยหลิงด้วย จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลคือตัวตนสูงสุด ความคิดเขาครอบคลุมอยู่ทั่วทุกที่ หากได้อยู่ในทะเลบรรพกาล ถึงจะด้อยกว่าเขา แต่อย่างน้อย…เขาก็ปกป้องเราจากจักรพรรดิกุยหลิงได้ 

  มันคือแผลในใจพวกเขา    เจ้าพูดถูก ตราบใดที่เข้าไปในทะเลบรรพกาลได้ งั้นหากต้องเสียอะไรเราก็ยอม  เย่าหยางพยักหน้า   แต่ข้าอยากรู้ว่าการได้พักในทะเลบรรพกาลนั้นต้องจ่ายเท่าไหร่กัน ? 

    ลูกปัดดั้งเดิม 5 ล้านล้านลูกและลูกปัดจิต 1 ลูก !  ซื่อเซียวพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง   นี่คือเงื่อนไขที่จักรพรรดิคังเฉียงบอกมา หากอยากพักในทะเลบรรพกาล งั้นเราก็ต้องจ่ายให้เขาตามเงื่อนไขนี้ไม่อาจจะผ่อนปรนได้ 

  ในฐานะคนกลางแล้ว เขาควรได้กำไรบ้างไม่ใช่รึ ?

  เขาไม่ได้รู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย

  ลูกปัดดั้งเดิม 5 ล้านล้านลูกให้กับจางหยู ส่วนลูกปัดจิตนั้นเป็นของเขา

    ลูกปัดดั้งเดิม 5 ล้านล้านลูกนั้นไม่ใช่ปัญหาแต่ลูกปัดจิต…  เย่าหยางคิ้วขมวด ก่อนจะพูดว่า   งั้นลูกปัดจิตลูกเดียวก็ไม่ใช่ปัญหา   หากพวกเขาได้พักในทะเลบรรพกาลจริงๆ งั้นราคานี้พวกเขาก็ยังจ่ายได้ แค่ว่าการเสียลูกปัดจิตนั้นทำให้พวกเขาสลดไปบ้างเล็กน้อยก็ตาม

    ลูกปัดดั้งเดิม 5 ล้านล้านลูกกับลูกปัดจิต 1 ลูกแลกกับการได้พักในทะเลบรรพกาลก็ถือว่าไม่ได้ขาดทุนอะไรเลย  หว่านเกอและอู่หมิงพากันพูดขึ้น

  พวกนี้มีเงินเท่าไหร่ซื่อเซียวเองก็ไม่รู้ ซื่อเซียวรู้แค่ว่าเขาได้กำไรก้อนโตกลับมา

  ��

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบเจ้าสำนักจางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์ หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก” เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน... ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ระดับการบ่มเพาะ ขอบเขตฉีซวน ระดับ 1-9 ขอบเขตว่อซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตันซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลิงซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตหลี่ซวน ระดับต่ำ กลาง สูง ขอบเขตตุ้นซวน ระดับต่ำ กลาง สูง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset