ใช่ ข้าว่างและเบื่ออยู่พอดีเลยสร้างมันขึ้นมา มีปัญหาอะไรรึไม่ ? จางหยูตอบกลับแบบกวนๆ
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันอึ้ง
พวกเขาเดาถูก !
เกราะมากกว่า 2,000 ชิ้น !
นี่มันบ้าชัดๆ !
และที่สำคัญคือจักรพรรดิคังเฉียงมีเวลาและพลังมากแบบนั้นได้ยังไง !
ต้องรู้ก่อนว่าด้วยความสามารถของซื่อเซียวกับคนอื่นๆแล้วแม้แต่ตอนที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ถึงพวกเขาไม่ทำอะไรและสั่งสมพลังสมบัติตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่อาจจะสร้างสมบัติมากแบบนี้ได้
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าเรา แต่เขาก็ไม่น่าจะสร้างสมบัติขึ้นมาได้แบบนี้ไม่ใช่รึ ? อู่หมิงมองไปที่ จางหยูด้วยสีหน้าซับซ้อน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางหยูถึงใช้เวลามากมายไปกับของที่ไร้ความหมายแบบนี้
หากมีเวลามากแบบนั้นเอาเวลามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจะไม่ดีกว่ารึ ?
คิดไม่ออกเลยว่าในหัวของจางหยูนั้นมีสมองรึไม่
จางหยูเหมือนไม่เห็นสายตาของคนเหล่านี้ เขาโบกมือและพูดขึ้น แค่เกราะสองพันชิ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดมา ปากของซื่อเซียวก็พลันกระตุก แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก
ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของพวกเขาอยู่แล้ว จางหยูคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง
แต่เมื่อคิดว่าจางหยูได้สร้างเกราะขั้นสมบูรณ์ขึ้นมาจำนวนมาก ซื่อเซียวและคนอื่นๆก็อึ้งในใจ หากจางหยูใช้เวลาและพลังไปในทางที่ถูกต้องแล้ว มันก็ยากจะคิดได้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดไหนกัน
บางทีแม้แต่จักรพรรดิกุยหลิงก็อาจจะเป็นคู่มือจางหยูไม่ได้
เมื่อคิดแบบนั้นแม้แต่ซื่อเซียวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและโกรธเขาอยากจะไปเป็นจางหยูแทน
เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเขามีพรสวรรค์และเงื่อนไขแบบเดียวกันกับจางหยู เขาต้องแกร่งกว่าจางหยูในตอนนี้แน่ !
…ที่เขตต้นกำเนิด
บลูมองไปที่ทีมคังเฉียงงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาจ้องไปที่หยวนเทียนจีแล้วพูดขึ้น เจ้าทำได้ยังไงกัน ?
หยวนเทียนจีตอบกลับ เจ้าลองเดาดูสิ
บลูโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เด็กนี่ทำให้เขาโกรธจริงๆ
เจ้าเป็นแค่สมาชิกทั่วไปของทีมคังเฉียง เหตุผลว่าทำไมเจ้าต้านการโจมตีของข้าไว้ได้แน่นอนว่าเพราะองค์ประกอบอื่น บลูพึมพำออกมา เกราะโกลาหลรึ ?ไม่ เกราะโกลาหลทั่วไปไม่อาจจะต้านการโจมตีของข้าได้ แม้แต่เกราะขั้นสูงก็ไม่อาจจะทำได้ !
มีแค่เกราะขั้นสมบูรณ์เท่านั้นที่ต้านการโจมตีของเขาไว้ได้ ส่วนที่สำคัญคือ…คนของทีมคังเฉียงนั้นต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยคือแม่ทัพขั้นสูง
มีแค่แม่ทัพขั้นสูงที่พอดึงพลังของเกราะขั้นสมบูรณ์ออกมาได้มากที่สุดแต่สมาชิกทั่วไปจะเป็นแม่ทัพขั้นสูงได้ยังไง ?
บลูสับสนขึ้นมาทันที สายตาของเขาสะท้อนความสงสัยออกมา เขาไม่อาจจะเข้าใจคนของทีมคังเฉียงได้เลย
ในเวลาเดียวกันซิงฮัวเองก็สับสนเช่นกัน พวกเขามีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัวจริงๆรึ ?
หากมีแค่ไม่กี่คนที่มีเกราะขั้นสมบูรณ์ ซิงฮัวก็พอรับได้แต่ทุกคนในทีมกลับมีมัน มันดูเกินจริงไปหน่อย ดูเหมือนว่าแม่ทัพสูงสุดจะไม่ได้โง่ หยวนเทียนจียิ้มออกมา เจ้าเดาออกเร็วนี่ ว่าเรามีเกราะขั้นสมบูรณ์
เขามองไปที่บลูด้วยสายตาชื่นชมแต่สายตานี้กลับทำให้บลูรู้สึกว่าโดนดูถูก
ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป บลูสีหน้าบิดเบี้ยวไป เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของพวกนี้แกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก พวกนี้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพขั้นสูงแล้ว แม้ว่าจะน่าเหลือเชื่อแต่สัญชาตญาณก็บอกเขาว่าคนพวกนี้ต่างก็เป็นแม่ทัพขั้นสูงกันทั้งหมด !
แม่ทัพขั้นสูงกว่า 300 คน !
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัวด้วย !
กองกำลังที่น่ากลัวแบบนี้แม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพสูงสุดก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น !
นี่คือความมั่นใจของพวกเขารึ ? บลูคิดว่าเขามองความแข็งแกร่งของพวกนี้ออก แม่ทัพขั้นสูงกว่า 300 คน แต่ละคนมีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัว หากสู้กันจริงๆข้าอาจจะหนีไม่ได้…มันยากที่จะหนีจากวงล้อมพวกนี้ได้
แต่บลูก็ไม่ได้ลนลานแม้แต่น้อย หากเรื่องมันมาถึงจุดนี้ เขาก็ยังมีทางเลือกสุดท้าย เขาแค่ต้องหนีไปยังมิติภายนอก
หยวนเทียนจีไม่ได้พูดอะไรออกมาราวกับคิดกับคำพูดของบลูอยู่
บลูสูดหายใจเข้าลึกๆและหรี่ตาลง มันจริงที่ว่าข้าไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าได้แต่…พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะโยนพวกเจ้าไปยังมิติภายนอกรึ ?
แม่ทัพสูงสุดมีความสามารถในการหนีออกจากทะเลโกลาหลได้ ในเขตต้นกำเนิดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
เจ้าจะลองดูก็ได้ หยวนเทียนจียิ้มออกมา
คนที่เหลือพากันยิ้มออกมา หนีพวกเขาไปยังมิติภายนอกรึ ? แต่ใครจะโยนใครออกไปกันแน่ ! แต่ลูกปัดจิตนั้นน่าจะอยู่กับบลูแม้ว่าพวกเขาจมะมีความสามารถโยนบลูออกไปยังมิติภายนอกแต่พวกเขาก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น
ท่านจางลู่ระวังตัวด้วย ซิงฮัวเตือนขึ้นมา มิติภายนอกของเขตต้นกำเนิดใหญ่กว่ามิติภายนอกของเขตต่างๆ เมื่ออยู่ในมิติภายนอกของเขตต้นกำเนิด แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงคิดจะค้นหาท่านแต่ก็อาจจะไม่สำเร็จ
มิติภายนอกของเขตต้นกำเนิดนั้นใหญ่อย่างมาก มันไม่อาจจะฟื้นฟูพลังได้ แม้แต่แม่ทัพขั้นสูงก็ทนได้ไม่นาน
หากโชคร้ายมาช่วยไม่ทัน พวกเขาอาจจะอยู่ด้านในไปตลอดกาล
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบลูถึงเลือกที่จะไม่หนีเข้าไปในมิติภายนอกทันที !
เขาอิจฉาคนของทีมคังเฉียง เขาถึงกับรู้สึกว่าไม่อาจจะหนีได้แต่เขาก็ต้องลอง การหนีไปยังมิติภายนอกเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขา ข้าไม่เชื่อว่าด้วยเกราะขั้นสมบูรณ์นี้พวกเจ้าจะต้านทานข้าได้ ! บลูกัดฟันแน่น เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับมีดยาวที่มีไฟสีดำลุกไหม้ปรากฏขึ้นมาในมือ ตัวมีดนั้นลุกไหม้ด้วยไฟสีดำราวกับไฟนรก ปลายมีดนั้นกลืนไฟที่ปะทุออกมา มันสั่นไหวอย่างต่อเนื่องและแผ่พลังอันน่าตกใจออกมาจนทำให้ผู้คนรู้สึกอันตรายอย่างมาก
มีดนี่ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก มันอันตรายอย่างมาก
หากพวกเขาสู้เพียงลำพัง งั้นพวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะบลูได้ บางทีการป้องกันของพวกเขาอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าบลู แต่การโจมตีนั้นเพราะความต่างด้านสมบัติแล้วแน่นอนว่าพวกเขาด้อยกว่าบลู
เวลาของจางหยูนั้นจำกัด มันถือว่าดีแล้วที่เขาสร้างเกราะให้กับพวกนี้ทุกคน
บลูไม่มัวไร้สาระ มีดนรกของเขาได้ฟันปราณออกไป ผิวของดาบปราณนั้นมีไฟลุกไหม้ มิติแตกร้าว ดาบปราณที่ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่กลับมีพลังที่อันตรายอย่างมาก
ตูม !
ในพริบตาดาบปราณก็ฟันเข้าใส่ทีมคังเฉียง มันคือกลุ่มของฝานกู่ที่โดนโจมตี
ตอนที่ดาบปราณสลายไป เมื่อเห็นว่าฝานกู่และคนอื่นๆไม่เป็นอะไร บลูก็ใจหล่นวูบ
ต้องรู้ก่อนว่าการโจมตีตะกี้เขาใช้พลังออกมาแทบทั้งหมด พลังมันเหนือกว่าแม่ทัพขั้นสูงจะรับไหวแต่ฝานกู่กับคนอื่นๆไม่ได้ขยับตัวและพึ่งเกราะโกลาหลและการป้องกันของตัวเองรับมือการโจมตีของเขาเอาไว้ได้โดยที่ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
การป้องกันแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อ !
ไร้ประโยชน์ ฝานกู่พูดขึ้นมา พลังของเจ้าน้อยเกินไปที่จะทำร้ายเราได้
หากเป้าหมายของบลูเป็นแค่คนเดียว เขาอาจจะทลายการป้องกันของพวกเขาได้และทำให้พวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อยแต่บลูโจมตีออกมาเป็นบริเวณกว้าง พลังจึงกระจายไปตามแต่ละส่วน มันจึงไม่อาจจะทำลายการป้องกันของพวกเขาได้ บลู มองไปที่มีดในมือและรู้สึกตะลึง หน้าเขาเริ่มซีดขึ้นมา
เขาไม่อาจจะเชื่อได้ เขาจับมีดแน่นแล้วฟันออกไปอย่างต่อเนื่อง ดาบปราณเหล่านั้นราวกับใบมีดลมที่รุนแรงกว่าเป็นล้านล้านเท่าพุ่งตัดผ่านมิติเข้าใส่คนของทีมคังเฉียง
ตูม ตูม…
ในจุดที่ทีมคังเฉียงอยู่นั้นมีการระเบิดอันรุนแรงขึ้นมา มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะพังลงตอนไหนก็ได้
ระวัง ! ซิงฮัวตะโกนออกมา เขาคิดจะผลักพวกท่านไปยังมิติภายนอก !
ในตอนที่ซิงฮัวตะโกนออกมานั้น ทีมคังเฉียงก็เหมือนจะรู้เป้าหมายของบลูเป็นอย่างดี ร่างของพวกเขาสั่นไหวและไม่สนใจคลื่นพลังรอบตัวและหนีไปยังที่ปลอดภัย
สายตาของบลูแน่นิ่งไป เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนของทีมคังเฉียงถึงได้รวดเร็วแบบนี้และทำไมถึงหนีออกจากการโจมตีไปยังที่ปลอดภัยได้ง่ายๆ
เฮ้อ เมื่อเห็นท่าทีสับสนของบลู จางลู่ก็เผยสีหน้าเศร้าและสงสารออกมา ช่างเถอะ เรารีบจัดการเขาดีกว่า เลิกทรมานเขาได้แล้ว