จางหยูตามฟู่เฉิงออกจากวิหารอวี๋ฮุ่น ไม่นานทั้งสองก็ได้เข้าไปในกระแสเวลา
มันมีฟองนับไม่ถ้วนอยู่ในกระแสเวลา ฟองแต่ละอันนั้นราวกับโลกแยกส่วน โลกที่แยกตัวออกไปมีการพัฒนาเป็นของตัวเอง มันมั่นคงอย่างมาก จางหยูพบว่าด้านในของพวกมันมีโลกขนาดใหญ่ที่ทัดเทียมกับโลกขั้น 7 บางใบอยู่ขั้น 8 โลกทั้งหมดเชื่อมต่อกับโลกที่แข็งแกร่งกว่า
ในการเดินทางนี้ไม่นานฟู่เฉิงก็หยุด นี่คือที่ที่ผู้นำอยู่ เจ้าสำนักจางเข้าไปด้านในเลย ข้าคงไม่ไปส่ง
จางหยูพยักหน้าตอบรับและมองออกไป ฟองตรงหน้ามีบาเรียปกคลุมชั้นหนึ่ง มันขวางไม่ให้การรับรู้แทรกซึมเข้าไป แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาแล้วหากเขาต้องการจะรับรู้สถานการณ์ด้านใน บาเรียแค่นี้ก็ไม่อาจจะกันการรับรู้ของเขาได้ แต่จางหยูไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นเพราะที่ปลายบาเรียนี้ มีประตูที่ซุนวูเปิดรอเขาอยู่
จางหยูไม่ได้ใส่ใจและไม่กังวลว่าโลกนี้จะมีอันตรายใดๆ เขาได้ก้าวเข้าไปในฟองนั้นทันที
เมื่อเข้ามาในฟอง สายตาของเขาก็ชัดเจนขึ้น แสงแดดสาดเข้ามายังโลก รอบข้างมีแต่ต้นไม้ มันคือโลกขนาดใหญ่ ใหญ่กว่าโลกนภาใต้อีก มันมีภูเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา แม่น้ำนับไม่ถ้วน มีป่าเก่าแก่ มีสัตว์มากมาย มันราวกับโลกที่ยังอยู่ในช่วงสงบสุข แต่ไม่นานจางหยูก็มองไปที่ต้นไม้ที่อยู่ห่างไม่ไกลนัก
บนต้นไม้นั้นมีชายวัยกลางคนยืนอยู่ เขาหันหลังให้กับจางหยูและมองไปยังภูเขาด้านหน้า ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้ถึงการมาของจางหยู
จางหยูไม่ได้รีบร้อน เขามองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยความสนใจ นี่คือผู้นำวิหารอวี๋ฮุ่น ผู้ปกครองที่แท้จริงของโกลาหล ความแข็งแกร่งนั้นพอๆกับที่เขาคาดเอาไว้ ความเข้าใจการสร้างอยู่ที่ระดับ 3,000-4,000 เท่า แกร่งกว่าจ้าวแห่งโลกพันเขต แต่หากเทียบกับซื่อซินและคนอื่นๆแล้วยังด้อยกว่ามาก
เขาสงสัยว่าด้วยความแข็งแกร่งของซุนวูแล้ว เขารักษาตำแหน่งนี้ได้ยังไง เขาดูแลวิหารอวี๋ฮุ่นและปกครองทั้งโกลาหลได้ยังไง
จางหยู ตอนนั้นเองซุนวูก็ได้พูดขึ้นมา เขาค่อยๆหันกลับมามองหน้าจางหยู ตั้งแต่ที่เจ้าก้าวเข้าสู่โกลาหล ข้าก็ได้ยินเรื่องราวของเจ้ามามาก ไม่คิดเลยว่าเพียงเวลาไม่นานเจ้าจะก้าวมาถึงระดับนี้ได้
จางหยูยังไม่ทันได้ตอบกลับ ซุนวูก็ถามขึ้นมา บอกมาสิ เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอะไรกัน ?
ซุนวูมองไปที่จางหยูด้วยท่าทีสูงส่ง
เขาจงใจทำแบบนี้ !
จางหยูเห็นท่าทางของซุนวูก็รู้ว่ามันผิดปกติ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาแค่สงสัยว่าทำไมซุนวูต้องวางตัวว่าสูงส่ง แม้แต่คำพูดก็ยังดูอคติต่อจางหยู
ข้าไม่เคยเจอเขามาก่อน นี่ไม่ต้องนับการมีเรื่องขัดแย้งกับเขาเลย ความอคตินี่…ข้าคิดไปเองรึ ? จางหยูเริ่มไม่มั่นใจ
ขออภัย จางหยูไม่ได้สนใจท่าทีของซุนวูมากนัก เขายังเยือกเย็นดังเดิมและยิ้มออกมา ข้าได้ยินมาว่าเจ้าอยู่ระดับพันเท่า ดังนั้นข้าจึงมาหาเจ้าเพื่อเรียนรู้ด้วย หากเจ้าทำได้ ข้าหวังว่าเจ้าจะเป็นคู่มือกับข้าได้
ซุนวูยักคิ้ว เรียนรู้จากกันและกันรึ? Aileen-novel
ในฐานะผู้ปกครองโกลาหลแล้วไม่มีใครกล้ามาสู้กับเขา จางหยูเป็นคนแรกที่ทำแบบนี้
ซุนวูมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าฆ่าโจวทงไป เจ้าคิดว่าเจ้าแกร่งกว่าพวกระดับพันเท่าทั่วไปรึ แม้แต่ข้าก็อาจจะไม่ใช่คู่มือของเจ้า…เจ้ามาหาข้าเพื่อโอ้อวดพลังรึ ? เขาหรี่ตาลงด้วยสายตาไม่สู้ดีนัก
การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าโจวทงได้แล้ว ซุนวูไม่อาจจะทำแบบนั้นได้
คนอื่นๆไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งที่โจวทงมี แต่ซุนวูรู้ดี โจวทงน่ะไม่ใช่คนที่เพิ่งขึ้นมาถึงระดับพันเท่าจะเทียบได้ แม้ว่าโจวทงจะไม่ใช่คนดีแต่เขาน่ะแข็งแกร่งจริงๆ ตามความเข้าใจแล้ว โจวทงอยู่อย่างน้อยระดับสองพันเท่าเกือบจะสามพันเท่า ความแข็งแกร่งแบบนี้ถือว่าใกล้เคียงกับซุนวู
ไม่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว จางหยูพูดขึ้น ข้าพูดถึงอีกคนที่ไม่ใช่เจ้า
ในสายตาของจางหยูแล้ว ซุนวูไม่ใช่คนระดับพันเท่าที่แข็งแกร่ง
ซุนวูสีหน้าหม่นลงและฮึดฮัดออกมา เจ้าควรอธิบายคำพูดของเจ้าให้ชัดเจน ไม่งั้นอาจจะส่งผลอย่างหนักต่อตัวเจ้า
เขารู้สึกว่าโดนหยาม เพราะคำพูดของจางหยูนั้นไม่ว่าฟังยังไงก็เท่ากับเป็นการดูถูก
อย่าเข้าใจข้าผิด เจ้าแข็งแกร่งแค่ไหนข้าไม่อาจจะตัดสินได้แต่คนที่ข้าอยากสู้ด้วยนั้นไม่ใช่เจ้า จางหยูพูดขึ้น เป้าหมายของข้าคือพี่สาวเจ้า ความแข็งแกร่งของนางเกือบถึงระดับหมื่นเท่า ข้าหวังว่าจะได้ประมือกับนาง
ซุนวูรู้สึกว่าโดนดูถูกและหัวเราะออกมา ประมือกับพี่สาวข้า เจ้ามีค่าพองั้นรึ ?
มันก็แค่การประมือไม่ได้มีอะไรอื่น ทำไมถึงต้องมีค่าด้วย ? จางหยูรู้สึกว่าท่าทีของซุนวูเหมือนจะโกรธ เจ้าเป็นผู้นำวิหารและยังเป็นน้องชายของนาง เจ้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน จางหยูเผยรอยยิ้มที่เขาคิดว่าจริงใจที่สุดออกมา ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าได้เพื่อให้ข้าได้ประมือกับนาง
เจ้ามั่นใจรึ ? ซุนวูถามขึ้น
จางหยูตอบกลับ ข้ามั่นใจ
ซุนวูมองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น ได้ ข้ารับปากกับเจ้าก็ได้ แต่เจ้าต้องสู้กับข้าก่อน !
จางหยูเผยสีหน้าแปลกใจออกมา สู้กับเจ้ารึ ? ตราบใดที่เจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะคุยกับพี่ข้าให้ ซุนวูพูดขึ้น แต่หากเจ้าเอาชนะข้าไม่ได้ก็จงกลับไปเสีย เขาจะสู้แทนพี่เขาเอง เพราะในความเห็นของเขาแล้วมีแค่คนที่เหนือกว่าเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์จะพบพี่ได้ เขาอยากเห็นว่าจางหยูนั้นมีทักษะแบบไหน เขาไม่มีทางยอมให้นางได้พบกับขยะแน่
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็ไม่ลังเล เขารีบตกลงทันที ก็ได้ ข้าจะสู้กับเจ้า
เขาไม่ได้กลัวว่าซุนวูจะผิดคำพูด หากซุนวูกล้าผิดคำพูด งั้นเขาก็จะพลิกทั้งวิหารอวี๋ฮุ่นเพื่อตามหาตัวนาง เขาไม่เชื่อว่าซุนวูจะยอมให้เขาทำแบบนั้น
ไปสู้กันที่อื่นเถอะ ซุนวูพูดขึ้น เขาพร้อมที่จะฝ่าบาเรียเข้าไปยังโกลาหล
จางหยูโบกมือขัด ไม่จำเป็นต้องยุ่งยาก
จิตผู้สร้างของเขาแผ่ออกมาและสร้างโลกจำลองขึ้น ก่อนที่จะดึงซุนวูเข้าไปด้านใน ร่างของทั้งสองได้หายไปในพริบตา
โลกจำลองรึ ? ซุนวูรู้สึกว่าพลังงานในโลกผันผวน แต่ไม่อาจจะบอกระดับพลังของมันได้ เจ้ามั่นใจนะว่าโลกนี้จะทนพลังสร้างของเราได้ ? ความรุนแรงของพลังสร้างนั้นน่ากลัวอย่างมาก ความแข็งแกร่งของพวกเขาเหนือกว่าพวกระดับพันทั่วไป โลกจำลองอาจจะทนพลังพวกเขาไม่ไหว
ไม่ต้องกังวล โลกนี้แข็งแกร่งกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้ จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ที่สำคัญที่สุดคือความแข็งแกร่งของเขากับซุนวูนั้นต่างกันอย่างมาก อันที่จริงแล้วเขาแค่ต้องโจมตีซุนวูเพียงครั้งเดียว เขาไม่จำเป็นต้องสร้างโลกจำลองมาด้วยซ้ำ การที่สร้างโลกจำลองขึ้นมาเพื่อไม่ให้ซุนวูเสียหน้า หากซุนวูพ่ายแพ้ เขาจะได้ไม่โดนคนอื่นเห็น
มาเริ่มกันเถอะ ซุนวูเหมือนไม่ได้ใส่ใจ ทันทีที่เขาพูดจบเขาก็พร้อมจะโจมตีจางหยู แต่ก่อนที่เขาจะได้ลงมือเขาก็รู้สึกได้ถึงการจำกัด ! พลังสร้างอันน่ากลัวเปลี่ยนเป็นคุกขังเขาเอาไว้ ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนยังไงก็ไม่อาจจะขยับตัวได้
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังสร้างอันน่ากลัวนี้ ซุนวูก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขามองไปที่จางหยูด้วยสีหน้าตะลึง เจ้า…
จางหยูพูดขัดขึ้นมา แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ลงมือ…แต่เจ้าก็แพ้แล้ว