ซุนวูโดนขังอยู่ในคุกกระทั่งขยับตัวก็ยังทำไม่ได้ แล้วเขาจะสู้กับจางหยูได้ยังไง ?
ซุนวูไม่ยอมแพ้และยังดิ้นรนต่อแต่สุดท้ายก็เสียเปล่า ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะทำลายคุกนี้ไปได้ เขาไม่อาจจะขยับได้แม้แต่นิ้ว
นี่คือความพ่ายแพ้ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 มันคือการต่อสู้ที่ไม่อาจจะยอมรับได้ แต่ซุนวูกลับไม่ได้หงุดหงิด เขากลับยิ้มออกมา
จางหยูลบคุกออกและพูดขึ้น “ ตอนนี้เจ้าบอกให้พี่เจ้าออกมาได้รึยัง ?”
ความอคติที่ซุนวูมีต่อจางหยูหายไปและแทนที่ด้วยความชื่นชมแทน “ สบายใจได้ เมื่อข้ารับปากแล้วไม่มีทางผิดคำพูด แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าเจ้าอยู่ระดับไหนกัน”
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทัดเทียมกับซังหนานเทียน, ซื่อซินและคนอื่นๆไม่ได้ แต่ในหมู่ระดับพันเท่าแล้วเขาก็อยู่อันดับกลางๆแต่ความแข็งแกร่งระดับนี้กลับถูกจางหยูจัดการได้ง่ายๆ เขาไม่อาจจะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย มันยากที่จะคิดได้ว่าจางหยูนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
“ เจ้าขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้วรึ ?” ซุนวูมองไปที่จางหยูด้วยท่าทีคาดหวัง
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ความแข็งแกร่งของข้าเกือบถึงระดับหมื่นเท่าเท่านั้น”
เขาไม่ได้บอกความจริง ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าระดับหมื่นเท่าแต่การใช้พลังสร้างยังด้อยอยู่ เขากลัวว่าหากเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกไป ซุนวูจะกลัวและกลับคำพูด
ซุนวูแสดงสายตาผิดหวังออกมาแต่เขาก็ยังพอใจอยู่ “ ไม่ถึงหมื่นเท่า…แต่ก็ยังถือว่าดี”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็สับสน ซุนวูผู้นี้หมายถึงอะไรกันแน่ ? สิ่งที่ทำให้จางหยูสับสนที่สุดคือทำไมซุนวูถึงได้แสดงท่าทีผิดหวังออกมาเมื่อบอกว่าเขาแค่เกือบถึงระดับหมื่นเท่า ?
ซุนวูอยากให้เขาอยู่ระดับหมื่นเท่ารึไง ?
เขาไม่เข้าใจเลย
“ บางคนบอกว่าเจ้าน่ะแข็งแกร่ง เจ้าแกร่งกว่าระดับหมื่นเท่าจนทัดเทียมกับพี่ข้าได้” ซุนวูมองไปที่จางหยู “ ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะด้อยกว่าที่นางบอกไว้ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ด้วยการเติบโตของเจ้าแล้ว ข้าเกรงว่าคงอีกไม่นานเจ้าก็จะขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าได้”
“ บางคนพูดถึงข้ารึ ?” จางหยูแปลกใจ
แน่นอนว่ามันคงเป็นคำชมสูงสุดจากปากผู้นำวิหาร
หากในโลกตันเถียน จางหยูคงสมควรได้รับคำประเมินเช่นนั้นแต่ในโกลาหลแห่งนี้ชัดแล้วว่าเขาด้อยกว่ามาก
“ เขาส่งคนไปที่สำนักคังเฉียงเพื่อตรวจสอบข้ารึ ?” จางหยูเดา “ พวกเขาไปที่โลกตันเถียนมาแล้วรึ ?”
ตอนที่จางหยูคิดอยู่นั้น ซุนวูก็พูดขึ้นมา “ เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะไปเรียกพี่ข้ามา”
เขามองไปที่จางหยูพร้อมกับยิ้มแปลกๆออกมา “ เจ้าควรจะเตรียมตัวให้ดี หวังว่าเจ้าจะไม่แปลกใจเมื่อได้พบนาง”
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?” จางหยูยักคิ้ว
“ เมื่อเจ้าเห็นนาง เจ้าจะเข้าใจเองว่าข้าพูดถึงอะไร” ซุนวูยิ้มออกมาแต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
จางหยูสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้หยุดซุนวูเอาไว้ เขาลบโลกจำลองออกและปล่อยให้ซุนวูเดินทางออกไป เขายืนรออยู่เงียบๆและคิดว่าซุนวูพูดถึงอะไร
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วธูปจางหยูก็รับรู้ได้ว่าด้านนอกโลกนี้มีการผันผวนขึ้นมา
“ มาแล้ว !” การรับรู้ของจางหยูแผ่ออกไป เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับคนที่คุ้นเคยที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับซุนวู เขาอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
นางเป็นผู้หญิงที่งดงาม
“ อาจารย์ ไม่ได้เจอกันนาน” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและพูดขึ้นมา
จางหยูแทบไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ ไป่หลิง..ไม่สิ ลั้วตี้ !”
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่ายอดฝีมือลึกลับของวิหารโกลาหลและพี่สาวของซุนวูนั้นจะเป็นลั้วตี้
ในหัวของจางหยูเต็มไปด้วยความสับสน ไอรีนโนเวล
“ ข้าลั้วตี้และเป็นไป่หลิงด้วยเช่นกัน” นางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้ราวกับสายลมอันเย็นสบายที่พัดผ่านมา มันราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสบายใจ “ แน่นอน ท่านเรียกข้าว่า…ซุนเมิ่งก็ได้” “ ซุนเมิ่ง…” จางหยูทวนชื่อซ้ำและมองไปที่ซุนเมิ่งด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ นี่มัน…เรื่องอะไรกัน ?”
ไป่หลิง, ไป่ลู่, ลั้วตี้ตัวตนที่แท้จริงของนางเป็นใครกันแน่ ?
“ พูดตามตรงแล้วร่างของข้าคือซุนเมิ่ง” ซุนเมิ่งยิ้มและพูดขึ้น “ ไป่หลิง, ไป่ลู่, ลั้วตี้และร่างอื่นๆนั้นเป็นแค่ร่างแยกของข้า นอกจากนี้ข้ายังมีร่างแยกอื่นๆ บางร่างตายไปแล้ว ส่วนร่างอื่นๆได้รวมร่างกับร่างนี้แล้ว…”
“ ร่างแยกรึ ?”
“ หลายปีก่อนข้าได้เดินทางเข้าไปในสุสานสวรรค์และโชคดีที่ได้เรียนรู้ทักษะระดับสูง มันคือการเกิดใหม่ขั้นสูง มันเป็นการแยกร่างที่ต่างจากเดิม มันอาศัยการเกิดใหม่ที่ทำให้ร่างแยกมีความคิดและการบ่มเพาะของตัวเอง” ซุนเมิ่งพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ลั้วตี้ก็เป็นหนึ่งในร่างแยกของข้า…” เมื่อพูดถึงจุดนั้นนางก็มองไปที่จางหยู “ ข้าพยายามสอนทักษะนี้กับคนอื่นๆแต่มีแค่ท่านที่เรียนรู้มันได้…โดยที่ข้าไม่ได้สอนท่านด้วยตัวเอง”
“ เจ้าหมายถึง…อาจารย์ของข้า หยวนฉิงงั้นรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา “ ทักษะแยกร่างขั้นสูง เจ้าเป็นคนสอนเขารึ ?”
ทักษะร่างแยกนี้เขาได้มาจากระบบ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหยวนฉิง ดังนั้นทักษะร่างแยกของเขาน่าจะเป็นทักษะร่างแยกขั้นสูงตามที่ซุนเมิ่งบอกมา
ซุนเมิ่งพยักหน้าและพูดขึ้น “ ข้าสอนหยวนฉิงไป หยวนฉิงก็สอนท่าน…หลายปีต่อมาร่างแยกของข้าก็ได้กลายเป็นศิษย์ของท่าน..พูดไปแล้วมันก็ถือว่าเป็นโชคชะตาที่แปลกประหลาดจริงๆ”
จางหยูเองก็แปลกใจ ทักษะร่างแยกของเขากลับได้มาจากซุนเมิ่ง
เขาถึงกับรู้สึกว่านี่มันเหมือนกับโชคชะตา มันบังเอิญซะจนยากที่จะเชื่อได้
“ ท่านเรียนรู้ทักษะจากข้าและข้านับท่านเป็นอาจารย์…” ซุนเมิ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ความสัมพันธ์ของเรานั้นเราจะตัดสินยังไงกันดี ?”
รอยยิ้มของซุนเมิ่งทำให้จางหยูถึงกับเหม่อ แม้ว่าหน้าตาของซุนเมิ่งจะไม่ได้งดงามเท่ากับหงอี แต่ก็ไม่ได้เย็นชารึสูงส่ง นางเหมือนกับเด็กสาวทั่วไปที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตร โดยเฉพาะตอนที่นางหัวเราะและยิ้มออกมา นางราวกับภรรยาที่บ้าน…
จางหยูส่ายหน้ารีบสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัว
“ เมื่อไม่อาจจะตัดสินได้ชัดเจน งั้นก็ไม่ต้องตัดสิน เจ้ากับข้าควรเป็นสหายกัน” จางหยูถามขึ้น “ เจ้าคิดว่ายังไง ?”
“ อาจารย์พูดถูก” ซุนเมิ่งพยักหน้า “เอาตามที่อาจารย์บอก จากนี้เราจะเป็นสหายกัน”
“ เมื่อเจ้าเป็นสหายข้าแล้ว มันก็ไม่เหมาะที่เจ้าจะเรียกข้าว่าอาจารย์อีก” จางหยูรู้สึกว่าตอนที่ซุนเมิ่งเรียกเขาว่าอาจารย์นั้น เขารู้สึกแปลกนิดๆ “ เจ้าเรียกชื่อข้าก็พอ ไม่ก็…เจ้าสำนัก, เจ้าสำนักจางก็ได้” “ แต่ข้าชอบเรียกอาจารย์มากกว่า” ซุนเมิ่งเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “ อาจารย์ไม่ชอบรึ ?”
จางหยูกรอกตาใส่ แม้ว่าซุนเมิ่งจะเรียกเขาแบบนี้แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาแค่ไม่ยอมรับ
“ เจ้าจะเรียกอะไรก็แล้วแต่เจ้าเลย” จางหยูพูดขึ้น “ ใช่สิ ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้ก็เพื่อประมือกับเจ้า” คลื่นพลังของซุนเมิ่งถูกปกปิดเอาไว้ จางหยูไม่อาจจะมองความแข็งแกร่งของนางออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อาจจะมองออกตั้งแต่ที่จิตผู้สร้างของเขาถูกยกระดับขึ้นมา “ ฟังจากที่ซังหนานเทียนบอกมา ความแข็งแกร่งของเจ้าอาจจะเหนือกว่าเขา ตอนนี้เจ้าคงแกร่งกว่าที่เขาบอกเอาไว้”
“ เจ้าขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้วรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ความแข็งแกร่งของข้า อาจารย์มองไม่ออกจริงๆรึ ?” ซุนเมิ่งเหมือนจะไม่เชื่อ ในสายตาของนางแล้วจางหยูน่ะเหนือกว่าระดับหมื่นเท่าไปแล้ว
จางหยูส่ายหน้า “ พูดคุยไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด” เขามองไปที่ซุนเมิ่ง “ มาสู้กับข้า”
“ ได้ !” ซุนเมิ่งตกลงอย่างยินดี “ เมื่ออาจารย์อยากจะประมือ สำหรับว่าจะสู้กันยังไงรึที่ไหน อาจารย์ตัดสินได้เลย”
มันฟังดูเหมือนไม่มีปัญหาแต่จางหยูกลับรู้สึกแปลกๆ
เขาอยากถามซุนเมิ่งว่านี่พูดถึงการประมือจริงรึไม่ ?
ซุนวูไม่ยอมแพ้และยังดิ้นรนต่อแต่สุดท้ายก็เสียเปล่า ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะทำลายคุกนี้ไปได้ เขาไม่อาจจะขยับได้แม้แต่นิ้ว
นี่คือความพ่ายแพ้ที่แย่ที่สุดตั้งแต่ที่เขาขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 มันคือการต่อสู้ที่ไม่อาจจะยอมรับได้ แต่ซุนวูกลับไม่ได้หงุดหงิด เขากลับยิ้มออกมา
จางหยูลบคุกออกและพูดขึ้น “ ตอนนี้เจ้าบอกให้พี่เจ้าออกมาได้รึยัง ?”
ความอคติที่ซุนวูมีต่อจางหยูหายไปและแทนที่ด้วยความชื่นชมแทน “ สบายใจได้ เมื่อข้ารับปากแล้วไม่มีทางผิดคำพูด แต่เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าเจ้าอยู่ระดับไหนกัน”
แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะทัดเทียมกับซังหนานเทียน, ซื่อซินและคนอื่นๆไม่ได้ แต่ในหมู่ระดับพันเท่าแล้วเขาก็อยู่อันดับกลางๆแต่ความแข็งแกร่งระดับนี้กลับถูกจางหยูจัดการได้ง่ายๆ เขาไม่อาจจะต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย มันยากที่จะคิดได้ว่าจางหยูนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
“ เจ้าขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้วรึ ?” ซุนวูมองไปที่จางหยูด้วยท่าทีคาดหวัง
จางหยูส่ายหน้าและพูดขึ้น “ ความแข็งแกร่งของข้าเกือบถึงระดับหมื่นเท่าเท่านั้น”
เขาไม่ได้บอกความจริง ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าระดับหมื่นเท่าแต่การใช้พลังสร้างยังด้อยอยู่ เขากลัวว่าหากเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกไป ซุนวูจะกลัวและกลับคำพูด
ซุนวูแสดงสายตาผิดหวังออกมาแต่เขาก็ยังพอใจอยู่ “ ไม่ถึงหมื่นเท่า…แต่ก็ยังถือว่าดี”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจางหยูก็สับสน ซุนวูผู้นี้หมายถึงอะไรกันแน่ ? สิ่งที่ทำให้จางหยูสับสนที่สุดคือทำไมซุนวูถึงได้แสดงท่าทีผิดหวังออกมาเมื่อบอกว่าเขาแค่เกือบถึงระดับหมื่นเท่า ?
ซุนวูอยากให้เขาอยู่ระดับหมื่นเท่ารึไง ?
เขาไม่เข้าใจเลย
“ บางคนบอกว่าเจ้าน่ะแข็งแกร่ง เจ้าแกร่งกว่าระดับหมื่นเท่าจนทัดเทียมกับพี่ข้าได้” ซุนวูมองไปที่จางหยู “ ตอนนี้ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของเจ้าจะด้อยกว่าที่นางบอกไว้ แต่ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ ด้วยการเติบโตของเจ้าแล้ว ข้าเกรงว่าคงอีกไม่นานเจ้าก็จะขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าได้”
“ บางคนพูดถึงข้ารึ ?” จางหยูแปลกใจ
แน่นอนว่ามันคงเป็นคำชมสูงสุดจากปากผู้นำวิหาร
หากในโลกตันเถียน จางหยูคงสมควรได้รับคำประเมินเช่นนั้นแต่ในโกลาหลแห่งนี้ชัดแล้วว่าเขาด้อยกว่ามาก
“ เขาส่งคนไปที่สำนักคังเฉียงเพื่อตรวจสอบข้ารึ ?” จางหยูเดา “ พวกเขาไปที่โลกตันเถียนมาแล้วรึ ?”
ตอนที่จางหยูคิดอยู่นั้น ซุนวูก็พูดขึ้นมา “ เจ้ารอที่นี่ก่อน ข้าจะไปเรียกพี่ข้ามา”
เขามองไปที่จางหยูพร้อมกับยิ้มแปลกๆออกมา “ เจ้าควรจะเตรียมตัวให้ดี หวังว่าเจ้าจะไม่แปลกใจเมื่อได้พบนาง”
“ เจ้าหมายความว่ายังไง ?” จางหยูยักคิ้ว
“ เมื่อเจ้าเห็นนาง เจ้าจะเข้าใจเองว่าข้าพูดถึงอะไร” ซุนวูยิ้มออกมาแต่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
จางหยูสงสัยแต่เขาก็ไม่ได้หยุดซุนวูเอาไว้ เขาลบโลกจำลองออกและปล่อยให้ซุนวูเดินทางออกไป เขายืนรออยู่เงียบๆและคิดว่าซุนวูพูดถึงอะไร
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วธูปจางหยูก็รับรู้ได้ว่าด้านนอกโลกนี้มีการผันผวนขึ้นมา
“ มาแล้ว !” การรับรู้ของจางหยูแผ่ออกไป เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับคนที่คุ้นเคยที่ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับซุนวู เขาอดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง
นางเป็นผู้หญิงที่งดงาม
“ อาจารย์ ไม่ได้เจอกันนาน” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มและพูดขึ้นมา
จางหยูแทบไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น
เขาแสดงสีหน้าสับสนออกมา “ ไป่หลิง..ไม่สิ ลั้วตี้ !”
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่ายอดฝีมือลึกลับของวิหารโกลาหลและพี่สาวของซุนวูนั้นจะเป็นลั้วตี้
ในหัวของจางหยูเต็มไปด้วยความสับสน ไอรีนโนเวล
“ ข้าลั้วตี้และเป็นไป่หลิงด้วยเช่นกัน” นางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม รอยยิ้มนี้ราวกับสายลมอันเย็นสบายที่พัดผ่านมา มันราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นทำให้ผู้คนรู้สึกได้ถึงความสบายใจ “ แน่นอน ท่านเรียกข้าว่า…ซุนเมิ่งก็ได้” “ ซุนเมิ่ง…” จางหยูทวนชื่อซ้ำและมองไปที่ซุนเมิ่งด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “ นี่มัน…เรื่องอะไรกัน ?”
ไป่หลิง, ไป่ลู่, ลั้วตี้ตัวตนที่แท้จริงของนางเป็นใครกันแน่ ?
“ พูดตามตรงแล้วร่างของข้าคือซุนเมิ่ง” ซุนเมิ่งยิ้มและพูดขึ้น “ ไป่หลิง, ไป่ลู่, ลั้วตี้และร่างอื่นๆนั้นเป็นแค่ร่างแยกของข้า นอกจากนี้ข้ายังมีร่างแยกอื่นๆ บางร่างตายไปแล้ว ส่วนร่างอื่นๆได้รวมร่างกับร่างนี้แล้ว…”
“ ร่างแยกรึ ?”
“ หลายปีก่อนข้าได้เดินทางเข้าไปในสุสานสวรรค์และโชคดีที่ได้เรียนรู้ทักษะระดับสูง มันคือการเกิดใหม่ขั้นสูง มันเป็นการแยกร่างที่ต่างจากเดิม มันอาศัยการเกิดใหม่ที่ทำให้ร่างแยกมีความคิดและการบ่มเพาะของตัวเอง” ซุนเมิ่งพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ลั้วตี้ก็เป็นหนึ่งในร่างแยกของข้า…” เมื่อพูดถึงจุดนั้นนางก็มองไปที่จางหยู “ ข้าพยายามสอนทักษะนี้กับคนอื่นๆแต่มีแค่ท่านที่เรียนรู้มันได้…โดยที่ข้าไม่ได้สอนท่านด้วยตัวเอง”
“ เจ้าหมายถึง…อาจารย์ของข้า หยวนฉิงงั้นรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา “ ทักษะแยกร่างขั้นสูง เจ้าเป็นคนสอนเขารึ ?”
ทักษะร่างแยกนี้เขาได้มาจากระบบ ระบบนี้ถูกสร้างขึ้นโดยหยวนฉิง ดังนั้นทักษะร่างแยกของเขาน่าจะเป็นทักษะร่างแยกขั้นสูงตามที่ซุนเมิ่งบอกมา
ซุนเมิ่งพยักหน้าและพูดขึ้น “ ข้าสอนหยวนฉิงไป หยวนฉิงก็สอนท่าน…หลายปีต่อมาร่างแยกของข้าก็ได้กลายเป็นศิษย์ของท่าน..พูดไปแล้วมันก็ถือว่าเป็นโชคชะตาที่แปลกประหลาดจริงๆ”
จางหยูเองก็แปลกใจ ทักษะร่างแยกของเขากลับได้มาจากซุนเมิ่ง
เขาถึงกับรู้สึกว่านี่มันเหมือนกับโชคชะตา มันบังเอิญซะจนยากที่จะเชื่อได้
“ ท่านเรียนรู้ทักษะจากข้าและข้านับท่านเป็นอาจารย์…” ซุนเมิ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ ความสัมพันธ์ของเรานั้นเราจะตัดสินยังไงกันดี ?”
รอยยิ้มของซุนเมิ่งทำให้จางหยูถึงกับเหม่อ แม้ว่าหน้าตาของซุนเมิ่งจะไม่ได้งดงามเท่ากับหงอี แต่ก็ไม่ได้เย็นชารึสูงส่ง นางเหมือนกับเด็กสาวทั่วไปที่ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงความเป็นมิตร โดยเฉพาะตอนที่นางหัวเราะและยิ้มออกมา นางราวกับภรรยาที่บ้าน…
จางหยูส่ายหน้ารีบสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัว
“ เมื่อไม่อาจจะตัดสินได้ชัดเจน งั้นก็ไม่ต้องตัดสิน เจ้ากับข้าควรเป็นสหายกัน” จางหยูถามขึ้น “ เจ้าคิดว่ายังไง ?”
“ อาจารย์พูดถูก” ซุนเมิ่งพยักหน้า “เอาตามที่อาจารย์บอก จากนี้เราจะเป็นสหายกัน”
“ เมื่อเจ้าเป็นสหายข้าแล้ว มันก็ไม่เหมาะที่เจ้าจะเรียกข้าว่าอาจารย์อีก” จางหยูรู้สึกว่าตอนที่ซุนเมิ่งเรียกเขาว่าอาจารย์นั้น เขารู้สึกแปลกนิดๆ “ เจ้าเรียกชื่อข้าก็พอ ไม่ก็…เจ้าสำนัก, เจ้าสำนักจางก็ได้” “ แต่ข้าชอบเรียกอาจารย์มากกว่า” ซุนเมิ่งเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมา “ อาจารย์ไม่ชอบรึ ?”
จางหยูกรอกตาใส่ แม้ว่าซุนเมิ่งจะเรียกเขาแบบนี้แต่เขากลับรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เขาแค่ไม่ยอมรับ
“ เจ้าจะเรียกอะไรก็แล้วแต่เจ้าเลย” จางหยูพูดขึ้น “ ใช่สิ ข้ามาหาเจ้าในครั้งนี้ก็เพื่อประมือกับเจ้า” คลื่นพลังของซุนเมิ่งถูกปกปิดเอาไว้ จางหยูไม่อาจจะมองความแข็งแกร่งของนางออก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาไม่อาจจะมองออกตั้งแต่ที่จิตผู้สร้างของเขาถูกยกระดับขึ้นมา “ ฟังจากที่ซังหนานเทียนบอกมา ความแข็งแกร่งของเจ้าอาจจะเหนือกว่าเขา ตอนนี้เจ้าคงแกร่งกว่าที่เขาบอกเอาไว้”
“ เจ้าขึ้นไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้วรึ ?” จางหยูถามขึ้นมา
“ ความแข็งแกร่งของข้า อาจารย์มองไม่ออกจริงๆรึ ?” ซุนเมิ่งเหมือนจะไม่เชื่อ ในสายตาของนางแล้วจางหยูน่ะเหนือกว่าระดับหมื่นเท่าไปแล้ว
จางหยูส่ายหน้า “ พูดคุยไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด” เขามองไปที่ซุนเมิ่ง “ มาสู้กับข้า”
“ ได้ !” ซุนเมิ่งตกลงอย่างยินดี “ เมื่ออาจารย์อยากจะประมือ สำหรับว่าจะสู้กันยังไงรึที่ไหน อาจารย์ตัดสินได้เลย”
มันฟังดูเหมือนไม่มีปัญหาแต่จางหยูกลับรู้สึกแปลกๆ
เขาอยากถามซุนเมิ่งว่านี่พูดถึงการประมือจริงรึไม่ ?