ตูม !
มิติรอบตัวจางหยูบิดเบี้ยวไป พลังสร้างอันน่ากลัวได้ปล่อยออกมาเต็มกำลังจนทำให้มิตินั้นเกือบจะพังลง
คลื่นพลังอันน่ากลัวนี้แผ่ออกไปรอบด้านโดยมีจางหยูเป็นศูนย์กลาง มันแผ่ออกมาจากทางใต้ก่อนจะครอบคลุมไปทั่วทั้งโกลาหล
แม้แต่ในเขตหวงห้ามก็ยังรับรู้ได้ถึงคลื่นพลังนี้ได้
ภายใต้การกดดันของคลื่นพลังอันน่ากลัว ซุนเมิ่งก็ยากที่จะประคองตัวเองได้ นางค่อยๆถูกผลักออกไปราวกับว่าไม่อาจจะต้านทานได้เลย
ความแข็งแกร่งของจางหยูนั้นได้เกินขอบเขตของโกลาหลนี้แล้ว นี่คือพลังที่โกลาหลไม่อาจจะมีได้
ทุกคนต่างก็มองฉากนี้ด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของจางหยูเป็นพลังระดับไหนเพราะมันเกินการรับรู้ของพวกเขาไปแล้ว
ไม่นานจางหยูก็ค่อยๆปรับตัวเข้ากับพลังใหม่ คลื่นพลังของเขาถูกปกปิดเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ตอนนั้นเองเขาก็เห็นซุนเมิ่งโดนผลักออกไปเพราะคลื่นพลังของเขา เขาได้ถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เจ้าไม่เป็นไรนะ ?
ซุนเมิ่งไม่ได้แปลกใจกับการที่จางหยูมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ในที่สุดอาจารย์ก็แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมา !
แค่คลื่นพลังก็ทำให้นางที่เป็นราชาแห่งยุคถึงกับใจสั่นได้ นางรับรู้ได้ถึงอันตราย
ไอ้หนู นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้ารึ ตอนนั้นเองซังหนานเทียนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา เขามองไปที่จางหยูแล้วพูดขึ้น แค่คลื่นพลังเพียงอย่างเดียวก็มากกว่าราชาแห่งยุคแล้ว มันน่ากลัวอย่างมาก ! ซื่อซิน, ฟู่เฉิง, ซุนวู, หงอีและคนอื่นๆต่างก็มองจางหยูด้วยสีหน้าตกตะลึง
พวกระดับสิบเท่าและร้อยเท่าได้ยินที่ซังหนานเทียนพูดมาก็พากันอึ้ง
ผู้อาวุโสซัง จางหยูมองไปที่ซังหนานเทียนด้วยความแปลกใจ ท่านมาได้ยังไงกัน ?
ซังหนานเทียนพูดขึ้น เจ้ากับเด็กน้อยคนนี้สู้กันวุ่นวายเสียเพียงนี้ เดาว่าทั้งโกลาหลคงแตกตื่น ข้าคงนั่งอยู่เฉยได้หรอก
เจ้าสำนัก จ้านเทียนเกอ, หงซวน, เกลดันและคนอื่นๆต่างก็พากันบินมาหาจางหยู นอกจากนี้ยังมีศิษย์ของเขามาที่นี่ด้วย พวกนี้ต่างก็ขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 กันแล้ว
ตอนนั้นมีคนกว่า 20-30 คนมารวมตัวรอบๆจางหยู ทุกคนพากันเรียกจางหยูว่าเจ้าสำนักไม่ก็อาจารย์
ตอนที่ผู้ควบคุมขั้น 9 คนอื่นๆเห็นว่าเย่ฟานและพวกเรียกจางหยูว่าอาจารย์ ทุกคนต่างก็อึ้ง นี่มันราวกับความฝัน
พวกเจ้ามากันหมด จางหยูแปลกใจ
เรารับรู้ได้ถึงคลื่นพลังของอาจารย์และกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น ดังนั้นเราจึงรีบมาที่นี่เพื่อหวังว่าจะช่วยอะไรอาจารย์ได้บ้าง หยวนเทียนจีพูดขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะคิดมากไปเอง
จ้านเทียนเกอพยักหน้า ข้าไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งของเจ้าสำนักจะข้ามไปถึงขั้นนั้นแล้ว ข้าเกรงว่าท่านคงเข้าไปถึงระดับหมื่นเท่าแล้วสินะ
พวกเจ้ามองตื้นเขินเกินไป ซังหนานเทียนพูดขึ้น ราชาแห่งยุคนั้นใช่ว่าข้าจะไม่เคยพบ แม้ว่าความแข็งแกร่งของข้าจะอยู่ระดับทั่วไปแต่ก็เคยประมือกับราชาแห่งยุคมาก่อน พลังของราชานั้นไม่มีใครรู้ดีไปกว่าข้าได้
เขามองไปรอบๆก่อนที่สุดท้ายจะมองไปที่จางหยูและซุนเมิ่ง สาวน้อยผู้นี้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับราชาตะวันออก นางต้องขึ้นไประดับหมื่นเท่าแล้ว
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นผู้ควบคุมขั้น 9 มากมายรวมถึงคนจากสำนักคังเฉียงต่างก็พากันแปลกใจ
ผู้อาวุโสลั้วตี้ ท่าน… หยวนเทียนจีพูดขึ้นมา
ลั้วตี้เป็นแค่ร่างแยกของข้า ไม่ใช่ตัวข้า ซุนเมิ่งมองไปยังคนของสำนักคังเฉียงและพูดขึ้น พวกเจ้าเรียกข้าว่า ซุนเมิ่งหรือไป่หลิงก็ได้… นางจงใจพูดชื่อไป่หลิง
ดูเหมือนว่าชื่อของไป่หลิงจะมีความหมายต่อนางมากกว่าลั้วตี้
เย่ฟานยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ข้าไม่คิดเลยว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้อาวุโสซุนเมิ่งจะสูงถึงเพียงนี้ ตัวตนของท่านก็ยังโดดเด่นอีกต่างหาก…
ในตอนที่ดูการต่อสู้ตะกี้เขาได้ยินจากปากคนอื่นถึงตัวตนของซุนเมิ่ง นางคือยอดฝีมือของวิหาร แม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งพิเศษอะไร แต่แค่ความแข็งแกร่งที่นางแสดงออกมาก็เพียงพอจะพิสูจน์ตำแหน่งของนางได้
จริงๆแล้วข้าแปลกใจยิ่งกว่าเจ้าเสียอีก ซุนเมิ่งมองไปที่หยวนเทียนจี, เย่ฟานและคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้น นี่แค่ไม่กี่หมื่นปีพวกเจ้าก็ขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 กันแล้ว ! ข้าคงไม่เชื่อหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง…
อู่โม่พูดขึ้นมาด้วยท่าทีเขินอาย มันก็เพราะเราโชคดี
ซุนเมิ่งพยักหน้า พวกเจ้าโชคดีกันจริงๆที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงและได้เป็นศิษย์ของอาจารย์ หากไม่มีอาจารย์พวกเจ้าคงไม่มีโอกาสได้เป็นกุยหยวน นี่ไม่ต้องพูดถึงผู้สร้างเลย
ผู้ควบคุมขั้น 9 โดยรอบพากันมองเย่ฟานและคนอื่นๆด้วยสีหน้าทึ่ง
ชื่อเสียงของสำนักคังเฉียงนั้นทำให้พวกเขารู้จักเย่ฟานและอัจฉริยะเหล่านี้ บางคนเคยไปที่โลกป่ามาแล้ว บางคนเคยแต่ได้ยินชื่อของเย่ฟานและคนอื่นๆ แต่ไม่เคยเห็นเย่ฟานและคนอื่นๆกับตาตัวเอง
ตอนนี้เย่ฟานและคนอื่นๆกลับปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนเป็นครั้งแรก มันทำให้ผู้คนมากมายหันมาสนใจ พวกเขาได้กลายเป็นเป้าสายตา พวกเขาเป็นรองแค่เพียงจางหยูเท่านั้น
คนที่โด่งดังที่สุดของสำนักคังเฉียงเป็นธรรมดาที่จะเป็นจางหยู การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ฆ่าโจวทงลงได้ และยังได้สู้กับซุนเมิ่ง เขาได้ทำให้ยอดฝีมือนับไม่ถ้วนแตกตื่น รองลงมาคือเย่ฟาน, หยวนเทียนจีและศิษย์คนอื่นๆ ตัวตนของพวกเขาได้พลิกผันความเข้าใจในการบ่มเพาะของทุกคน พวกเขาขึ้นมาถึงขั้นที่ 9 ได้อย่างง่ายดาย
หากการกระทำของจางหยูถือว่าเป็นตำนาน งั้นคนในสำนักคังเฉียงก็ถือว่าเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ใกล้เคียงกับตำนานอย่างมาก
สิบเท่า จางหยูมองไปที่เย่ฟานและคนอื่นๆด้วยความชื่นชม ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่ได้เกียจคร้าน การที่ลูกศิษย์ของเขาสามารถทะลวงขั้นที่ 9 ได้ มันทำให้อาจารย์อย่างเขารู้สึกภูมิใจ
ยังไงซะการมีศิษย์เป็นผู้ควบคุมขั้น 9 ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่พิเศษ
เย่ฟานและคนอื่นๆยืดอก พวกเขากลัวว่าจะทำให้จางหยูเสียหน้าจึงได้แต่ยืดอกยอมรับ คำชมของจางหยูทำให้พวกเขาตื่นเต้น ความพยายามของพวกเขาในที่สุดก็ได้รับการยอมรับ
เหล่าซัง ท่านบอกว่านางเป็นราชาแห่งยุค แล้วจางหยูล่ะ ? หงอีถามขึ้นมา ข้าไม่รู้ว่าจางหยูแข็งแกร่งแค่ไหน แต่การที่เอาชนะราชาแห่งยุคได้ ก็น่าจะเป็นสุดยอดราชาแห่งยุคหรือเปล่า หงอีไม่เข้าใจระดับที่แบ่งแยก ราชาแห่งยุคอาจจะมีขั้นแบ่งแยกอีก จางหยูน่าจะแกร่งกว่าราชาแห่งยุคทั่วไป
เมื่อได้ยินคำพูดของหงอี คนอื่นๆรวมถึงซื่อซิน, จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆต่างก็พากันมองไปที่ซังหนานเทียน
ความแข็งแกร่งของจางหยู … ซังหนานเทียนพึมพำออกมา ความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าระดับหมื่นไปแล้ว
ท่านหมายความว่ายังไง ? ทุกคนต่างก็สับสน
ระดับหมื่นนั้นต่างจากระดับพัน, ร้อยและสิบ มันคือขีดจำกัดของโกลาหล มันแทนที่จุดจบของการสร้าง ซังหนานเทียนสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดขึ้น มันคือเพดานของโกลาหล มันไม่มีช่องว่างให้ขึ้นไปต่อ ดังนั้นตั้งแต่โบราณมาแล้วราชาแห่งยุคทุกคนจึงไม่มีการแบ่งแยกความแข็งแกร่ง อย่างมากเพราะการใช้ที่แตกต่างกันจึงทำให้พลังที่แสดงออกมาแตกต่างกัน
เมื่อพูดถึงจุดนั้นเขาก็มองไปที่จางหยู จางหยูผู้นี้มีความแข็งแกร่งเกินระดับหมื่นเท่าไปแล้ว โดยเฉพาะกับคลื่นพลังที่เขาระเบิดออกมาเมื่อตะกี้ที่แกร่งกว่าราชาแห่งยุคอย่างมาก !
บางทีมันอาจจะเป็นขอบเขตที่เหนือกว่าราชาแห่งยุค ! มีแค่การทะลวงผ่านขีดจำกัดของโกลาหลได้ถึงจะมีความแข็งแกร่งเช่นนั้นได้ ถึงจะเอาชนะราชาแห่งยุคอีกคนได้!
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันฮือฮาออกมา