ความรู้สึกที่หงอีมีให้กับจางหยูนั้นแม้ว่าจะไม่บริสุทธิ์แต่มันก็หนักแน่นพอ
คนอย่างนางไม่ว่าจะต้องทุ่มเทเท่าไหร่รึลำบากแค่ไหน แต่นางก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
เมื่อเห็นแบบนั้นจางหยูก็ได้แต่ต้องปวดหัว มันทำให้เขาตัดสินได้ว่าผู้หญิงน่ะเป็นปัญหาต่อตัวเขา
ยิ่งสวยเท่าไหร่ นางก็ยิ่งมีปัญหาเท่านั้น
ก็ได้ จางหยูได้แต่ต้องตกลง หากเจ้าอยากไปที่สุสานจริงๆ ข้าจะพาเจ้าไปด้วย
หงอีราวกับทำตามแผนได้สำเร็จ นางเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่ราวกับดอกไม้บาน
ต้องยอมรับว่านางน่ะสวยจริงๆ
มันยากที่จะไม่หวั่นไหว
น่าเสียดายที่จางหยูตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องผู้หญิง เขาไม่ได้คิดเรื่องความรัก ในสายตาของเขา แม้หงอีจะดูงดงามแต่นางก็ไม่อาจจะทำให้เขาใจสั่นได้
ยอดเยี่ยม หงอีโบกมือ งั้นท่านก็ต้องมารับข้าด้วย
หลังจากที่จางหยูรับปากแล้ว หงอีก็ได้จากไปด้วยความพอใจ ใบหน้าของนางมีแต่รอยยิ้ม
จางหยูถอนหายใจออกมา ผู้หญิงนี่ช่างเป็นปัญหาจริงๆ !
จางหยูส่ายหน้าและสร้างรูหนอนขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้าไปในรูหนอนก่อนจะกลับไปที่โลกตันเถียน
พวกเจ้าไปได้ จางหยูบอกกับเสี่ยวเสียและเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ก่อนที่ข้าจะไปยังสุสานสวรรค์ ข้าจะเรียกพวกเจ้ามาเอง
เสี่ยวเสียหดหัวทันที ก่อนจะพูดว่า ข้าไม่ไปไม่ได้รึ ?
จางหยูเหมือนจะหัวเราะออกมา เจ้าจะไม่ไปได้ยังไง ? เจ้ามั่นใจจริงๆรึว่าจะไม่ไป ? เมื่อเห็นรอยยิ้มของจางหยู เสี่ยวเสียก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที มันยิ้มแห้งๆออกมา ไป ข้าจะไป ข้าแค่ล้อเล่นก็เท่านั้น
เจ้าบอกว่าเจ้าจะไปเองนะ ข้าไม่ได้กดดันเจ้า จางหยูพูดขึ้น
ใช่ ข้าอยากไปเอง เสี่ยวเสียไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธ
งั้นก็ไปได้แล้ว จางหยูขี้เกียจจะคุยกับเสี่ยวเสียอีกต่อไป
เมื่อพูดจบ เสี่ยวเสียก็หายตัวไปทันที
เสี่ยวหลิงเอ๋อร์มองไปที่จางหยู นายท่าน ท่านไม่ชอบพี่หงอีจริงๆรึ ?
เรื่องความรู้สึกนั้นข้าพอรู้สึกอยู่บ้าง จางหยูเงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหน้า หงอีน่ะงดงามอย่างมากแต่ข้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง
แล้วพี่ซุนเมิ่งล่ะ ? เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ถามขึ้นมา
ซุนเมิ่งรึ ? จางหยูถามขึ้น เกี่ยวอะไรกับนางกัน?
ท่านมองไม่ออกรึว่าพี่ซุนเมิ่งก็ชอบท่านเช่นกัน ?
งั้นรึ ? จางหยูไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย จริงๆแล้วตอนที่ข้าพบกับซุนเมิ่ง ข้าเองก็รู้สึกอยู่บ้าง นางไม่ได้สวยเท่ากับหงอี แต่ก็ทำให้คนที่อยู่ด้วยรู้สึกสบายใจ นางน่ะเป็นกันเอง…
พูดไปแล้ว จางหยูก็ส่ายหน้า ข้ารู้สึกชื่นชมนางแต่ไม่เพียงพอที่จะตัดสินว่าข้าชอบนางรึไม่ ..
ท่านชอบพี่ซุนเมิ่งจริงๆ ! เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ตะโกนออกมา
อย่าพูดไร้สาระ จางหยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะรึร้องไห้ดี ข้าแค่รู้สึกผูกพันกับซุนเมิ่ง ข้าไม่ได้บอกว่าข้าชอบนาง
มันก็ไม่ต่างจากการที่รู้สึกดีกับนางหรอก เสี่ยวหลิงเอ๋อร์พูดขึ้น นายท่าน เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เชื่อว่าพี่ซุนเมิ่งน่ะอยากอยู่ร่วมกันกับท่านอย่างแน่นอน
เจ้าทำตัวตามเสี่ยวเสียตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? จางหยูพูดขึ้น เรื่องนี้ข้ายังไม่อยากจะคิด ทุกอย่างต้องปล่อยไปตามธรรมชาติ อย่าพูดถึงมันอีก
เมื่อจางหยูพูดแบบนั้น เสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
ไม่นานเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ก็เดินทางออกไป ส่วนจางหยูก็ออกมายังบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพอีกครั้ง
พลังบรรพกาลนั้นหนาแน่นกว่าที่เคย จางหยูพอใจอย่างมาก แม้ว่ามันไม่ได้ช่วยในความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ แต่ในอนาคตมันต้องเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
หลังจากนั้นจางหยูก็กลับไปยังโลกผนึกเทพ ก่อนจะไปยังบรรพกาลนอกโลกบรรพกาล
บรรพกาลที่นี่ชัดแล้วว่าทรงพลังกว่า
พลังบรรพกาลที่นี่มากกว่าพลังบรรพกาลที่โลกผนึกเทพหลายเท่า ความเร็วในการเพิ่มของมันสูงจนน่าตกใจ
ต้นบรรพกาล จางหยูมองไปที่ต้นไม้ใจกลางบรรพกาลที่ดูดซับพลังบรรพกาลอย่างต่อเนื่องและปล่อยพลังบรรพกาลที่บริสุทธิ์และแข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา
พลังบรรพกาลนอกโลกบรรพกาลนั้น แกร่งกว่าพลังบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพ ด้วยต้นบรรพกาลนี้ทำให้ช่องว่างของทั้งสองที่ต่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
จางหยูสงสัยอย่างมาก บรรพกาลนั้นใหญ่โตมากแค่ไหน โลกบรรพกาลและโลกผนึกเทพนั้นอยู่ห่างกันไกลแค่ไหนกัน
ด้วยความสงสัยนี้ จางหยูจึงเริ่มคิดที่จะสำรวจบรรพกาลนอกโลกบรรพกาล เขาเอาโลกบรรพกาลเป็นศูนย์กลาง และสำรวจพื้นที่รอบๆ หลังจากที่เดินทางวนรอบโลกบรรพกาลและสำรวจพื้นที่ที่ไกลออกไป เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าแค่ไม่กี่วันเขาก็ไปถึงขอบบรรพกาลได้ ขอบบรรพกาลนั้นบิดเบี้ยวไปมาราวกับกำลังจะพังลง เขาพยายามจะเดินหน้าต่อแต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ไม่อาจจะผ่านมันไปได้ มันเหมือนกับตอนนั้น ตอนที่ความว่างเปล่าได้ห่อหุ้มโลกแต่ใบไว้
จางหยูอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนจำกัดการเคลื่อนไหวในโลกตันเถียน
แต่สิ่งที่ทำให้เขาสับสนกว่านั้นคือเขาได้สำรวจบรรพกาลทั้งหมด แต่กลับไม่รู้ถึงตัวตนของของโลกผนึกเทพ
ยิ่งไปกว่านั้นบรรพกาลทั้งหมด พลังบรรพกาลแห่งนี้แข็งแกร่งกว่าพลังบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพ ราวกับว่าทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลย
มันทำให้จางหยูเกิดความคิดที่น่าเหลือเชื่อขึ้นมา บรรพกาลสองส่วนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน !
บรรพกาลนอกโลกบรรพกาลกับบรรพกาลนอกโลกผนึกเทพนั้นบางทีอาจจะไม่ใช่บรรพกาลแบบเดียวกัน ! จางหยูกลัวกับความคิดตัวเอง หากนี่เป็นความจริง งั้นความจริงที่เขาเคยรับรู้มาในอดีตก็จะพลิกผัน
เป็นแบบนั้นจริงๆรึ ? จางหยูกลับมายังบรรพกาลโลกผนึกเทพก่อนจะใช้ที่นั่นเป็นศูนย์กลางในการสำรวจรอบๆ ครั้งนี้เขาใช้เวลาแค่ 1 วันก่อนที่จะเดินทางไปถึงขอบได้
บรรพกาลส่วนนี้รวมถึงบรรพกาลนอกโลกบรรพกาล ขอบของมันเหมือนจะพังลงและที่บรรพกาลส่วนนี้ก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงตัวตนของโลกบรรพกาลได้ ที่สำคัญที่สุดคือบรรพกาลที่นี่มีพลังบรรพกาลที่อ่อนแอกว่าบรรพกาลของโลกบรรพกาลอย่างมาก ราวกับว่ายิ่งห่างจากโลกบรรพกาลมากเท่าไหร่ พลังบรรพกาลก็ยิ่งอ่อนแอเท่านั้น
หลังจากที่สำรวจบรรพกาลทั้งสองแล้ว จางหยูก็ได้คำตอบมาในหัว บรรพกาลทั้งสองส่วนไม่ได้อยู่ด้วยกัน !
ต้องบอกว่าโลกบรรพกาลอยู่ในบรรพกาลส่วนหนึ่ง โลกผนึกเทพอยู่ในอีกส่วนหนึ่งและ จางหยู คือผู้ควบคุมบรรพกาลทั้งสองส่วน !
ข้ายังใช่จ้าวบรรพกาลอยู่อีกรึไม่ ? จางหยูสับสน ตามความเข้าใจของเขาแล้วจ้าวบรรพกาลคือตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเชื่อว่าเขาคือจ้าวบรรพกาลที่ยังเติบโตไม่เต็มที่ แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ เขาเหมือนไม่ใช่จ้าวบรรพกาลแต่กลับระดับสูงกว่าจ้าวบรรพกาล
โลกตันเถียนนั้นลึกลับและแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดเอาไว้
หรือว่าการกำเนิดของโลกขั้นที่ 9 ทุกใบ จะเป็นตัวเร่งให้บรรพกาลสอดคล้องกัน? จางหยูอึ้ง