จางหยูจับตาดูสถานการณ์ในสุสานอย่างใกล้ชิด ตอนนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “ สุดท้ายก็มีลานที่ต่างไปจากเดิมแล้ว”
ลานนั้นไม่ได้ต่างไปจากเดิมแต่จำนวนของหุ่นเชิดต่างหากที่ต่างไปจากเดิม
ยิ่งมีหุ่นเชิดมากเท่าไหร่ ลานนั้นก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้นและอาจจะมีข้อมูลมากขึ้นไปด้วย
จางลู่เข้าไปในลานโดยไม่ลังเล ตอนนั้นผู้ควบคุมขั้น 9 กว่าสามคนและผู้นำอีกร้อยคนก็แห่กันเข้ามาทันที
“ ตายซะ !” เมื่อเห็นจางลู่ กลุ่มหุ่นเชิดก็ลงมือโดยไม่ลังเล
หุ่นเชิดทั้งหมดไม่ได้มีสติ ถ้าไม่งั้นแล้วพวกนั้นคงไม่กล้าพอที่จะทำแบบนี้
เมื่อพวกนั้นโจมตีออกมา สายตาของจางลู่ก็ไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย เขาบิดตัวหลบและทำการสร้างรูหนอนขึ้นมา เขาไม่รอให้พวกมันที่เหลือได้โจมตีต่อและส่งพวกนั้นเข้าไปในรูหนอนรึไม่ก็เตะเข้าไป แค่ไม่กี่นาทีทั้งลานก็ตกสู่ความเงียบงัน ผู้ควบคุมขั้น 9 สามคนกับผู้นำก็หายไปจนหมด
กองกำลังแบบนี้หากอยู่ในโลกภายนอกแล้วไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ต่อหน้าจางลู่ที่เป็นราชาแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากฝูงไก่
แม้ว่าจะมีมากกว่านี้สิบเท่าแต่ก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อจางลู่ได้
ราชาทุกคนน่ะสามารถทำลายทั้งโกลาหลได้ พวกเขาคือผู้ปกครองแห่งยุค !
หากราชาจัดการได้ง่ายๆ งั้นพวกเขาทำไมถึงถูกเรียกว่าราชากัน ?
หลังจากส่งหุ่นเชิดทั้งหมดเข้าไปในโลกตันเถียนแล้ว จางลู่ก็ไม่ได้รีบร้อนทำลายลานแต่กลับไปยังรูปปั้นใจกลางลาน มันไม่เหมือนกับรูปปั้นที่เขาได้พบมา รูปปั้นนี้ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ผิวของรูปปั้นมีแสงส่องประกายออกมา ปราณสุสานนั้นแข็งแกร่ง ที่สำคัญที่สุดคือจางลู่รับรู้ได้ว่ารูปปั้นนี้มีพลังพิเศษไหลเวียนอยู่
นี่คือ…พลังของทักษะสร้างระดับสูง !
จางลู่กลัวว่าเขาจะคิดไปเอง เขาตรวจสอบดูหลายครั้งก่อนจะตัดสินได้ “ เป็นพลังสร้างระดับสูงจริงๆ !”
เขาเสียเวลามานานไม่เสียแรงเปล่าจริงๆ !
เจ็ดลานก่อนหน้านี้ไม่มีพลังสร้างระดับสูงอยู่ ไม่คิดเลยว่าลานแห่งที่ 8 นั้นจะมีพลังสร้างระดับสูงอยู่
จางลู่ไม่ลังเลและได้ทำการตรวจสอบพลังทันที เขาได้ตรวจสอบหลักการและการใช้งานของมัน
หลังจากนั้นสักพักจางลู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวด “ ทักษะสร้างระดับสูง”
เมื่อตรวจสอบรูปปั้นนี้เขาก็ได้รับข้อมูลของทักษะมา เขาเข้าใจแก่นแท้ของมันแต่เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่พอใจ เนื่องจากทักษะสร้างระดับสูงนี้ไม่ใช่ทักษะโจมตีรึป้องกันรวมถึงความเร็วและความสามรถอื่นๆ แต่มันเป็นการสร้างโลก การเรียนรู้ทักษะนี้จะทำให้สร้างโลกขั้น 9 ที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิมออกมาได้
บอกได้ว่าผลของทักษะนี้แทบไม่มีค่าอะไรเลย
สำหรับหลักการทำงานของทักษะแล้วจางลู่แทบไม่ได้อะไรเลย
….
ในบรรพกาล
จางหยูยังคงถามกลุ่มหุ่นเชิดที่ถูกช่วยมา แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ทั้งสามคนก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสุสาน พวกนั้นไม่รู้จักกัน แต่พวกเขาถูกจิตสุสานควบคุมให้มาอยู่ทีมเดียวกัน
หลังจากที่ส่งพวกนั้นไปที่โลกป่า จางหยูก็ได้กลับไปจับตาดูสถานการณ์ในสุสานต่อ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมาแต่ก็ได้ทักษะสร้างกลับมา อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไม่ได้อะไร
จางหยูไม่ได้รีบร้อน ตอนนี้เพิ่งจะเป็นลานที่ 8 สุสานแห่งนี้มีลานอยู่นับไม่ถ้วน ทำไมต้องรีบร้อนด้วย ?
หลังจากได้ทักษะสร้างมาอันหนึ่ง จางลู่ก็ทำลายลานตรงหน้าแต่เมื่อเขาปล่อยพลังออกมาเพื่อจะทำลายรูปปั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังต่อต้าน มันคือพลังที่ปกป้องรูปปั้นอยู่ แต่เขาน่ะแข็งแกร่งเกินไป การปกป้องของรูปปั้นไม่อาจจะต้านทานการโจมตีของเขาได้ มันทนได้ไม่นานก่อนที่จะสลายไป
หลังจากที่หยุดได้ไม่นาน จางลู่ก็เดินหน้าต่อ
เขาเดินทางเป็นเส้นตรงและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
หากมองจากด้านบนแล้วจะเห็นว่าจางลู่เดินทางจากส่วนนอกของสุสานเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อไปยังส่วนหลักของสุสาน แม้ว่าจะเบี่ยงทิศทางไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก ไม่นานจางลู่ก็พบกับลานอีกแห่ง มันเหมือนกับลานก่อนหน้านี้
มันมีผู้นำมากกว่าร้อยคนและผู้ควบคุมขั้น 9 สามคน กองกำลังแบบนี้เหมือนจะเป็นเกณฑ์พื้นฐานของลาน
“ ตอนแรกมีผู้นำแค่ 40 คนและผู้ควบคุมขั้น 9 หนึ่งคน ตอนนี้มีผู้นำกว่าร้อยคนและผู้ควบคุมขั้น 9 สามคน” จางลู่พอจะมองกฎออก “ ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักเท่าไหร่ จำนวนหุ่นเชิดก็มากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งและจำนวนของหุ่นเชิดก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า”
จากลานเล็กๆที่มีคนมากกว่าร้อยคน เดาว่าลานขนาดใหญ่คงมีคนหลายร้อยคนไม่ก็พันคนรึอาจจะมากกว่านั้น
เมื่อเห็นลานขนาดกลางที่มีคนมากกว่าร้อยคน จางลู่ก็ไม่ได้กดดัน ทันทีที่เขาไปถึงเขาก็ได้ส่งพวกนั้นเข้าไปในรูหนอนก่อนจะไปตรวจสอบรูปปั้นที่มีพลังสร้างระดับสูง ใช่ ลานที่มีคนมากกว่าร้อยคนจะมีพลังสร้างระดับสูง โชคร้ายที่ทักษะนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์ มันคล้ายกับทักษะก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะน่าสนใจแต่อันที่จริงแล้วประโยชน์ของมันมีจำกัด มันมีประโยชน์ในการสร้างโลกเท่านั้น
“ ดูเหมือนว่าทักษะในลานขนาดกลางส่วนมากนั้นจะคล้ายกัน” จางลู่ค่อยๆเข้าใจกฎ “ ลานขนาดเล็กไม่มีทักษะ ลานขนาดกลางมีทักษะแต่ไม่มีประโยชน์นัก เดาว่ามีแค่ลานขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะมีทักษะที่เป็นประโยชน์จริงๆ”
จางลู่สงสัย หากมันเป็นไปตามกฎนี้แล้ว ทักษะแยกร่างก็น่าจะอยู่ในลานขนาดใหญ่ แต่จากความแข็งแกร่งของซุนเมิ่งแล้ว นางเข้าไปได้ยังไง ?
จางลู่ส่ายหน้าสลัดความสงสัยทิ้งแล้วเดินทางต่อ
สุสานแห่งนี้เหมือนกับเขาวงกต มันมีสามชั้นนอกสามชั้นใน ลานบูชาราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า ที่ล้อมรอบใจกลางของสุสานอย่างหนาแน่นไม่ให้สิ่งใดหลุดรอดเข้าไปได้ จางลู่สำรวจแค่ลานขนาดเล็ก 7 แห่งคือส่วนนอกของสุสาน ไม่ว่าจะเป็นขนาด, จำนวนหุ่นเชิดรึความแข็งแกร่งต่างก็น้อยที่สุด แต่ตอนนี้จางลู่อยู่ที่ลานขนาดกลางซึ่งน่าจะเข้าใกล้ส่วนหลักแล้ว
แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ชัดเจนนั้น จางลู่ยังไม่มั่นใจ บางทีนี่อาจจะเป็นส่วนนอกอยู่ก็ได้
จางลู่ยังคงทำแบบเดิม เขาได้ตามหาลานและส่งหุ่นเชิดกลับไปที่โลกตันเถียน ก่อนจะทำความเข้าใจทักษะในรูปปั้น สุดท้ายเขาก็ทำลายลานทิ้ง เขาทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยไม่สนว่าจิตสุสานจะคิดยังไง
..
ที่โลกป่า
“ ทำไมโลกป่ามีผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มากมายเช่นนี้ ?” พวกที่ประจำอยู่ในโลกป่ารวมไปถึงจ้านเทียนเกอ, เบเกิล, หลินเป่ยชานและคนอื่นๆต่างก็พากันแปลกใจ “ พวกนี้มาจากไหนกัน ทำไมเราไม่รู้จัก ?” ส่วนมากแล้วเป็นคนที่ถูกช่วยมาจากสุสาน พวกเขามีอายุหลายล้านปีแล้ว แม้แต่ผู้นำบางคนก็ยังแก่กว่าซังหนานเทียนเสียอีก บางคนแก่กว่าราชาตะวันออกด้วยซ้ำ
หลายวันมานี้พวกเขาได้อิสระกลับมาและมาที่โลกป่า ทุกคนต่างก็ไปพักอยู่ที่ด้านหลังภูเขาร้าง จางหยูเคยเรียกพวกนั้นมาเพื่อทำความรู้จักกับสำนักคังเฉียง ตอนแรกกลุ่มของอัลเวอร์เลือกที่จะพักใกล้กับภูเขาร้างก่อนแต่คนอื่นๆที่มาภายหลังก็เลือกที่นี่เช่นกัน พวกเขาได้ตกอยู่ในโชคชะตาแบบเดียวกัน พวกเขาคงเข้าใจหัวอกกันดี
ลานนั้นไม่ได้ต่างไปจากเดิมแต่จำนวนของหุ่นเชิดต่างหากที่ต่างไปจากเดิม
ยิ่งมีหุ่นเชิดมากเท่าไหร่ ลานนั้นก็ยิ่งสำคัญมากเท่านั้นและอาจจะมีข้อมูลมากขึ้นไปด้วย
จางลู่เข้าไปในลานโดยไม่ลังเล ตอนนั้นผู้ควบคุมขั้น 9 กว่าสามคนและผู้นำอีกร้อยคนก็แห่กันเข้ามาทันที
“ ตายซะ !” เมื่อเห็นจางลู่ กลุ่มหุ่นเชิดก็ลงมือโดยไม่ลังเล
หุ่นเชิดทั้งหมดไม่ได้มีสติ ถ้าไม่งั้นแล้วพวกนั้นคงไม่กล้าพอที่จะทำแบบนี้
เมื่อพวกนั้นโจมตีออกมา สายตาของจางลู่ก็ไม่ได้หวั่นไหวแม้แต่น้อย เขาบิดตัวหลบและทำการสร้างรูหนอนขึ้นมา เขาไม่รอให้พวกมันที่เหลือได้โจมตีต่อและส่งพวกนั้นเข้าไปในรูหนอนรึไม่ก็เตะเข้าไป แค่ไม่กี่นาทีทั้งลานก็ตกสู่ความเงียบงัน ผู้ควบคุมขั้น 9 สามคนกับผู้นำก็หายไปจนหมด
กองกำลังแบบนี้หากอยู่ในโลกภายนอกแล้วไม่ได้อ่อนแอเลย แต่ต่อหน้าจางลู่ที่เป็นราชาแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากฝูงไก่
แม้ว่าจะมีมากกว่านี้สิบเท่าแต่ก็ไม่อาจจะเป็นภัยต่อจางลู่ได้
ราชาทุกคนน่ะสามารถทำลายทั้งโกลาหลได้ พวกเขาคือผู้ปกครองแห่งยุค !
หากราชาจัดการได้ง่ายๆ งั้นพวกเขาทำไมถึงถูกเรียกว่าราชากัน ?
หลังจากส่งหุ่นเชิดทั้งหมดเข้าไปในโลกตันเถียนแล้ว จางลู่ก็ไม่ได้รีบร้อนทำลายลานแต่กลับไปยังรูปปั้นใจกลางลาน มันไม่เหมือนกับรูปปั้นที่เขาได้พบมา รูปปั้นนี้ต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ผิวของรูปปั้นมีแสงส่องประกายออกมา ปราณสุสานนั้นแข็งแกร่ง ที่สำคัญที่สุดคือจางลู่รับรู้ได้ว่ารูปปั้นนี้มีพลังพิเศษไหลเวียนอยู่
นี่คือ…พลังของทักษะสร้างระดับสูง !
จางลู่กลัวว่าเขาจะคิดไปเอง เขาตรวจสอบดูหลายครั้งก่อนจะตัดสินได้ “ เป็นพลังสร้างระดับสูงจริงๆ !”
เขาเสียเวลามานานไม่เสียแรงเปล่าจริงๆ !
เจ็ดลานก่อนหน้านี้ไม่มีพลังสร้างระดับสูงอยู่ ไม่คิดเลยว่าลานแห่งที่ 8 นั้นจะมีพลังสร้างระดับสูงอยู่
จางลู่ไม่ลังเลและได้ทำการตรวจสอบพลังทันที เขาได้ตรวจสอบหลักการและการใช้งานของมัน
หลังจากนั้นสักพักจางลู่ก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับคิ้วที่ขมวด “ ทักษะสร้างระดับสูง”
เมื่อตรวจสอบรูปปั้นนี้เขาก็ได้รับข้อมูลของทักษะมา เขาเข้าใจแก่นแท้ของมันแต่เพราะแบบนั้นเขาถึงไม่พอใจ เนื่องจากทักษะสร้างระดับสูงนี้ไม่ใช่ทักษะโจมตีรึป้องกันรวมถึงความเร็วและความสามรถอื่นๆ แต่มันเป็นการสร้างโลก การเรียนรู้ทักษะนี้จะทำให้สร้างโลกขั้น 9 ที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิมออกมาได้
บอกได้ว่าผลของทักษะนี้แทบไม่มีค่าอะไรเลย
สำหรับหลักการทำงานของทักษะแล้วจางลู่แทบไม่ได้อะไรเลย
….
ในบรรพกาล
จางหยูยังคงถามกลุ่มหุ่นเชิดที่ถูกช่วยมา แม้แต่ผู้ควบคุมขั้น 9 ทั้งสามคนก็ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับสุสาน พวกนั้นไม่รู้จักกัน แต่พวกเขาถูกจิตสุสานควบคุมให้มาอยู่ทีมเดียวกัน
หลังจากที่ส่งพวกนั้นไปที่โลกป่า จางหยูก็ได้กลับไปจับตาดูสถานการณ์ในสุสานต่อ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมาแต่ก็ได้ทักษะสร้างกลับมา อย่างน้อยมันก็ดีกว่าไม่ได้อะไร
จางหยูไม่ได้รีบร้อน ตอนนี้เพิ่งจะเป็นลานที่ 8 สุสานแห่งนี้มีลานอยู่นับไม่ถ้วน ทำไมต้องรีบร้อนด้วย ?
หลังจากได้ทักษะสร้างมาอันหนึ่ง จางลู่ก็ทำลายลานตรงหน้าแต่เมื่อเขาปล่อยพลังออกมาเพื่อจะทำลายรูปปั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังต่อต้าน มันคือพลังที่ปกป้องรูปปั้นอยู่ แต่เขาน่ะแข็งแกร่งเกินไป การปกป้องของรูปปั้นไม่อาจจะต้านทานการโจมตีของเขาได้ มันทนได้ไม่นานก่อนที่จะสลายไป
หลังจากที่หยุดได้ไม่นาน จางลู่ก็เดินหน้าต่อ
เขาเดินทางเป็นเส้นตรงและเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
หากมองจากด้านบนแล้วจะเห็นว่าจางลู่เดินทางจากส่วนนอกของสุสานเข้ามาเรื่อยๆ เพื่อไปยังส่วนหลักของสุสาน แม้ว่าจะเบี่ยงทิศทางไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมาก ไม่นานจางลู่ก็พบกับลานอีกแห่ง มันเหมือนกับลานก่อนหน้านี้
มันมีผู้นำมากกว่าร้อยคนและผู้ควบคุมขั้น 9 สามคน กองกำลังแบบนี้เหมือนจะเป็นเกณฑ์พื้นฐานของลาน
“ ตอนแรกมีผู้นำแค่ 40 คนและผู้ควบคุมขั้น 9 หนึ่งคน ตอนนี้มีผู้นำกว่าร้อยคนและผู้ควบคุมขั้น 9 สามคน” จางลู่พอจะมองกฎออก “ ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักเท่าไหร่ จำนวนหุ่นเชิดก็มากขึ้นเท่านั้น ความแข็งแกร่งและจำนวนของหุ่นเชิดก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า”
จากลานเล็กๆที่มีคนมากกว่าร้อยคน เดาว่าลานขนาดใหญ่คงมีคนหลายร้อยคนไม่ก็พันคนรึอาจจะมากกว่านั้น
เมื่อเห็นลานขนาดกลางที่มีคนมากกว่าร้อยคน จางลู่ก็ไม่ได้กดดัน ทันทีที่เขาไปถึงเขาก็ได้ส่งพวกนั้นเข้าไปในรูหนอนก่อนจะไปตรวจสอบรูปปั้นที่มีพลังสร้างระดับสูง ใช่ ลานที่มีคนมากกว่าร้อยคนจะมีพลังสร้างระดับสูง โชคร้ายที่ทักษะนี้ก็ไม่ได้มีประโยชน์ มันคล้ายกับทักษะก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะน่าสนใจแต่อันที่จริงแล้วประโยชน์ของมันมีจำกัด มันมีประโยชน์ในการสร้างโลกเท่านั้น
“ ดูเหมือนว่าทักษะในลานขนาดกลางส่วนมากนั้นจะคล้ายกัน” จางลู่ค่อยๆเข้าใจกฎ “ ลานขนาดเล็กไม่มีทักษะ ลานขนาดกลางมีทักษะแต่ไม่มีประโยชน์นัก เดาว่ามีแค่ลานขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะมีทักษะที่เป็นประโยชน์จริงๆ”
จางลู่สงสัย หากมันเป็นไปตามกฎนี้แล้ว ทักษะแยกร่างก็น่าจะอยู่ในลานขนาดใหญ่ แต่จากความแข็งแกร่งของซุนเมิ่งแล้ว นางเข้าไปได้ยังไง ?
จางลู่ส่ายหน้าสลัดความสงสัยทิ้งแล้วเดินทางต่อ
สุสานแห่งนี้เหมือนกับเขาวงกต มันมีสามชั้นนอกสามชั้นใน ลานบูชาราวกับดวงดาราบนท้องฟ้า ที่ล้อมรอบใจกลางของสุสานอย่างหนาแน่นไม่ให้สิ่งใดหลุดรอดเข้าไปได้ จางลู่สำรวจแค่ลานขนาดเล็ก 7 แห่งคือส่วนนอกของสุสาน ไม่ว่าจะเป็นขนาด, จำนวนหุ่นเชิดรึความแข็งแกร่งต่างก็น้อยที่สุด แต่ตอนนี้จางลู่อยู่ที่ลานขนาดกลางซึ่งน่าจะเข้าใกล้ส่วนหลักแล้ว
แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ชัดเจนนั้น จางลู่ยังไม่มั่นใจ บางทีนี่อาจจะเป็นส่วนนอกอยู่ก็ได้
จางลู่ยังคงทำแบบเดิม เขาได้ตามหาลานและส่งหุ่นเชิดกลับไปที่โลกตันเถียน ก่อนจะทำความเข้าใจทักษะในรูปปั้น สุดท้ายเขาก็ทำลายลานทิ้ง เขาทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆโดยไม่สนว่าจิตสุสานจะคิดยังไง
..
ที่โลกป่า
“ ทำไมโลกป่ามีผู้ควบคุมขั้นที่ 9 มากมายเช่นนี้ ?” พวกที่ประจำอยู่ในโลกป่ารวมไปถึงจ้านเทียนเกอ, เบเกิล, หลินเป่ยชานและคนอื่นๆต่างก็พากันแปลกใจ “ พวกนี้มาจากไหนกัน ทำไมเราไม่รู้จัก ?” ส่วนมากแล้วเป็นคนที่ถูกช่วยมาจากสุสาน พวกเขามีอายุหลายล้านปีแล้ว แม้แต่ผู้นำบางคนก็ยังแก่กว่าซังหนานเทียนเสียอีก บางคนแก่กว่าราชาตะวันออกด้วยซ้ำ
หลายวันมานี้พวกเขาได้อิสระกลับมาและมาที่โลกป่า ทุกคนต่างก็ไปพักอยู่ที่ด้านหลังภูเขาร้าง จางหยูเคยเรียกพวกนั้นมาเพื่อทำความรู้จักกับสำนักคังเฉียง ตอนแรกกลุ่มของอัลเวอร์เลือกที่จะพักใกล้กับภูเขาร้างก่อนแต่คนอื่นๆที่มาภายหลังก็เลือกที่นี่เช่นกัน พวกเขาได้ตกอยู่ในโชคชะตาแบบเดียวกัน พวกเขาคงเข้าใจหัวอกกันดี