จางหยูได้ทำการกำจัดราชาทิ้งไป ฉากนี้ส่งผลต่อจิตใจของทุกคนเป็นอย่างมาก !
พวกเขาพากันใจสั่นและคิดอะไรไม่ออก
หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาก็ได้สติกันขึ้นมาและมองไปที่จางหยู
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่จางหยูมองมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและเหงื่อตก
“ เรื่องยุ่งยากถูกจัดการไปแล้ว พวกเจ้ามีอะไรจะคัดค้านรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลแต่เมื่อเข้าไปในหูของทุกคนแล้วมันราวกับเสียงกระซิบของปิศาจ มันทำให้พวกเขาตัวสั่นยิ่งกว่าเก่า
“ เรา…เต็มใจ” ผู้คนตอบกลับด้วยเสียงที่สั่น
ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้ว พวกเขาไม่ต่างอะไรจากมดเลย
เมื่อเจอคนที่แกร่งกว่า พวกเขาก็รู้สึกกลัวและจิตใจหวั่นไหวอยู่ดี
เกียรติที่พวกเขามีนั้นใช้ได้แต่กับพวกที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำตอบ จางหยูก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ ดีมาก ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะพอมีเหตุผลกันอยู่บ้าง ประหยัดเรี่ยวแรงข้าได้มากจริงๆ”
จางหยูถามคำถามเกี่ยวกับสุสานแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา
หลังจากที่เห็นว่าพวกนี้ไม่มีความลับอะไรแล้ว จางหยูก็ได้ส่งพวกนี้ไปที่โลกป่าก่อนจะจับตาดูสถานการณ์ในสุสานต่อ
ตอนนั้นเองจางลู่อยู่ใกล้เขตหลักของสุสานอย่างมาก ปราณสุสานเข้มข้นและรุนแรง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นภัยต่อชีวิตทันที แต่ก็ส่งผลต่อพลังของเขา ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องใช้พลังในการต้านทานปราณสุสานมากเท่านั้น ไม่งั้นแล้วจางลู่คงโดนมันครอบงำ
หลังจากที่ออกเดินทาง จางลู่ก็รู้สึกว่าปราณสุสานนั้นคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเก่า พลังของมันสูงจนน่าตกใจ
ปราณสุสานรอบตัวจางลู่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง โลกนี้เต็มไปด้วยปราณสุสาน ในทุกๆก้าวนั้นราวกับถูกยึดครองโดยปราณสุสาน นอกจากปราณสุสานแล้วมันก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
“ แฮ่ก แฮ่ก…” แรงกดดันที่มีต่อจางลู่เพิ่มขึ้นราวกับแบกภูเขาเอาไว้ โล่พลังสั่นไหวอย่างต่อเนื่องกับการเผชิญหน้ากับปราณสุสาน
ในทุกๆก้าวนั้นเขาราวกับมนุษย์ทั่วไปที่พยายามเดินขึ้นภูเขา ใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ ข้ารู้สึกได้” จางลู่ก้าวออกไปและมองไปด้านหน้า “จิตสุสานอยู่ไม่ห่างนัก !”
แม้ว่าจะเห็นแต่ปราณสุสานแต่สัญชาตญาณก็บอกเขาว่าจิตสุสานอยู่ตรงหน้า
ในใจเขานั้นมีความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มันทำให้เขาขนลุกราวกับสายตาอันน่ากลัวมองมาที่เขา
เมื่อเดินหน้าได้ 15 นาที จางลู่ก็หยุด เขามองไปยังวิหารที่ห่อหุ้มไปด้วยปราณสุสาน มันทำให้เขาเครียดยิ่งกว่าเก่า เขาถึงกับรับรู้ถึงอันตราย “ ที่นี่แหละ !”
ในที่สุดเขาก็มาถึงส่วนหลักของสุสานแล้ว !
จิตสุสานในตำนาน ตัวตนลึกลับ ในที่สุดมันก็จะถูกเปิดเผย !
แม้ว่าเขาจะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวและรับรู้ได้ถึงอันตรายด้านหน้า แม้ว่าปราณสุสานจะกัดกร่อนพลังของเขาจนแทบจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แม้ว่ามันจะกดดันเขาอย่างมากแต่สีหน้าของจางลู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายังค่อยๆยกเท้าขึ้นและก้าวออกไปยังวิหาร ภายใต้แรงกดดันนี้ทุกๆก้าวราวกับเขาแบกภูเขาเอาไว้ แต่ละก้าวนั้นทำให้พื้นดินสั่นไหวไปตาม
ยิ่งเข้าใกล้สุสานเท่าไหร่ ปราณสุสานก็ยิ่งเข้มข้นเท่านั้น การกัดกร่อนของมันก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แต่จางลู่ก็ยังเดินหน้าต่อด้วยสายตาที่แน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆ
ภาพของวิหารเริ่มชัดเจนขึ้นมา
วิหารขนาดใหญ่ที่ดูไม่สิ้นสุดตั้งอยู่ใจกลางสุสานแห่งนี้ !
ปราณสุสานในวิหารราวกับพายุ หากปราณสุสานถูกนำมาเทียบกับพลังโกลาหลแล้ว งั้นปราณสุสานในวิหารแห่งนี้ก็เทียบได้กับพลังโกลาหลที่เขตหวงห้าม แต่ปราณสุสานพวกนี้น่ะน่ากลัวกว่า
จางลู่ได้หยุดอยู่ที่ด้านนอกวิหาร เขามาถึงขีดจำกัดแล้ว การเดินหน้าต่อนั้นยากลำบากอย่างมาก
เขาสงสัยว่าตราบใดที่เขาก้าวเข้าไปในวิหาร เขาจะโดนปราณสุสานกลืนกินและกลายเป็นหุ่นเชิด
“ ถึงขีดจำกัดแล้วรึ ?” จางลู่เหมือนจะไม่พอใจ
เขาห่างจากวิหารแค่ 3-5 ก้าวเท่านั้น ตราบใดที่เดินหน้าต่อและเปิดประตูออก เขาก็จะไปถึงเขตหลักของวิหารที่ที่จิตสุสานอยู่ !
จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆพยายามแผ่การรับรู้ออกไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านใน เมื่อฝ่าปราณสุสานเข้าไปถึงประตูก็พบว่ามันไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้ เขาไม่อาจจะตรวจสอบสถานการณ์ด้านในได้เลย
จางลู่ดึงการรับรู้กลับมาและเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เขาพอมองเห็นร่องรอยความเสียหายโดยรอบ
แม้ว่าบางที่จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาแล้วแต่ก็ต่างจากที่อื่นๆ ถึงวัสดุและหน้าตาของมันจะไม่ต่างกัน แต่ก็ยังรับรู้ถึงความแตกต่างจากสภาพของวัสดุที่สามารถบ่งบอกเวลาของตัวเองได้ ที่บรรพกาล
จางหยูเห็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
เมื่อมาถึงหน้าประตูแล้วแต่ให้เขาต้องยอมแพ้ เขาไม่อยากยอมเลยจริงๆ
แต่ปราณสุสานที่นี่น่ากลัวเกินไป เขาไม่อาจจะปล่อยให้จางลู่กลายเป็นหุ่นเชิดได้
“ กลับมาเถอะ” จางหยูบอกกับจางลู่ “ ครั้งหน้าเรายังมีโอกาสที่จะกลับมาอีก”
แม้ว่าจางลู่จะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผล เขาไม่คิดจะเข้าไปในวิหารตอนนี้ จางหยูอยากจะได้ราชาอีกสัก 2-3 คน แต่โชคร้ายที่นอกจากคนก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ไม่ได้พบราชาคนอื่นอีก วิหารตรงหน้านี้จะต้องมีราชาอยู่แน่ แต่จางลู่ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้
ตอนที่จางลู่กำลังจะสร้างรูหนอนเพื่อออกจากที่นั่น ประตูวิหารกลับเปิดออกและมีเสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่ววิหาร มันดูน่ากลัวอย่างมาก ตึก ตึก ตึก…
หุ่นเชิดกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากประตูอย่างช้าๆ มันมีทั้งพวกระดับร้อยเท่า, พันเท่า พวกที่มีมากที่สุดคือระดับร้อยเท่า ตามมาด้วยพันเท่า จำนวนพวกนี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แค่ 10-20 อึดใจก็มีหุ่นเชิดกว่า 30,000 คนมายืนอยู่ตรงหน้าจางลู่
มีพวกระดับร้อยเท่าถึง 28,000 คนและระดับพันเท่า 3,000 คน…อีกทั้งยังมีราชาอีก 3 คน !
เป็นกองกำลังที่น่ากลัวจริงๆ !
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแต่กองกำลังนี้ก็สร้างความวุ่นวายได้แน่นอน !
ผู้ควบคุมขั้น 9 กว่า 30,000 คน ทุกคนอยู่ระดับร้อยรึสูงกว่านั้น เดาว่าไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตะลึงกับฉากนี้
จางหยูคิดว่าราชาแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่นี่กลับมีอยู่ถึง 3 คน เดาว่าพวกนี้คงเป็นภัยอย่างมาก “ หากจางลู่ส่งคนพวกนี้เข้าไปในโลกตันเถียนได้หมด” จางหยูตาเป็นประกาย
หากเทียบกับร่างแยกบ่มเพาะของเขาแล้ว จำนวนหุ่นเชิดนี้น้อยกว่า แต่ระดับการบ่มเพาะนั้นเหนือกว่าร่างแยกบ่มเพาะของเขา เพราะเขามีแค่จางลู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นราชา
จางลู่หรี่ตาลงมองกองทัพตรงหน้า หลังจากที่ตะลึงในตอนแรกแล้วเขาก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาพยายามคิดหาทางที่จะส่งพวกนี้กลับไปที่โลกตันเถียน
หากคนอื่นเห็นฉากนี้เข้า เดาว่าพวกนั้นคงแข้งขาอ่อนแรงและไม่อาจจะคิดอะไรออก แต่จางลู่ไม่เหมือนกัน เขาน่ะคิดหาทางที่จะจับตัวพวกนี้แทน
ในสายตาของเขาแล้วพวกนี้ไม่ใช่ศัตรูที่น่ากลัวแต่เป็นสมบัติ !
“ อยากพบข้าไม่ใช่รึ ?” ตอนที่จางลู่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา “ มาถึงที่แล้วจะถอยได้ยังไง ?” จางลู่เงยหน้ามองและพบว่าที่วิหารนั้นมีปราณสุสานก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ค่อยๆเดินออกมา เสียงแปลกๆนั้นมาจากร่างนี้
ปราณสุสานได้อัดแน่นกันถึงขีดสุดจนก่อตัวได้ ร่างกายนี้ยังกลืนกินปราณสุสานอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้นไม้โกลาหลที่ทำการดูดซับพลังโกลาหลและปล่อยพลังที่แกร่งกว่าออกมา
นี่คือต้นกำเนิดของปราณสุสาน !
ปราณของทั้งสุสานมาจากมัน !
นี่คือ…จิตสุสานสวรรค์ !
จิตสุสานสวรรค์มองไปที่จางลู่แล้วพูดขึ้นมา “ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าในโกลาหลแห่งนี้จะมีคนสร้างร่างแยกโกลาหลได้… เจ้าหนูน้อย เจ้าทำให้ข้าแปลกใจได้จริงๆ น่าเสียดายที่ยังไปไม่ถึงขั้นสุดท้าย เจ้ายังไม่ถึงระดับควบคุมโกลาหล การสร้างร่างแยกของเจ้าจึงมีโครงสร้างที่แย่เช่นนี้”
พวกเขาพากันใจสั่นและคิดอะไรไม่ออก
หลังจากผ่านไปสักพักพวกเขาก็ได้สติกันขึ้นมาและมองไปที่จางหยู
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่จางหยูมองมา พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นและเหงื่อตก
“ เรื่องยุ่งยากถูกจัดการไปแล้ว พวกเจ้ามีอะไรจะคัดค้านรึไม่ ?” จางหยูถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
น้ำเสียงของเขาฟังดูนุ่มนวลแต่เมื่อเข้าไปในหูของทุกคนแล้วมันราวกับเสียงกระซิบของปิศาจ มันทำให้พวกเขาตัวสั่นยิ่งกว่าเก่า
“ เรา…เต็มใจ” ผู้คนตอบกลับด้วยเสียงที่สั่น
ต่อหน้าคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้ว พวกเขาไม่ต่างอะไรจากมดเลย
เมื่อเจอคนที่แกร่งกว่า พวกเขาก็รู้สึกกลัวและจิตใจหวั่นไหวอยู่ดี
เกียรติที่พวกเขามีนั้นใช้ได้แต่กับพวกที่อ่อนแอกว่าเท่านั้น
เมื่อได้ยินคำตอบ จางหยูก็พยักหน้าด้วยความพอใจ “ ดีมาก ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะพอมีเหตุผลกันอยู่บ้าง ประหยัดเรี่ยวแรงข้าได้มากจริงๆ”
จางหยูถามคำถามเกี่ยวกับสุสานแต่ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กลับมา
หลังจากที่เห็นว่าพวกนี้ไม่มีความลับอะไรแล้ว จางหยูก็ได้ส่งพวกนี้ไปที่โลกป่าก่อนจะจับตาดูสถานการณ์ในสุสานต่อ
ตอนนั้นเองจางลู่อยู่ใกล้เขตหลักของสุสานอย่างมาก ปราณสุสานเข้มข้นและรุนแรง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นภัยต่อชีวิตทันที แต่ก็ส่งผลต่อพลังของเขา ยิ่งเข้าใกล้เขตหลักมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องใช้พลังในการต้านทานปราณสุสานมากเท่านั้น ไม่งั้นแล้วจางลู่คงโดนมันครอบงำ
หลังจากที่ออกเดินทาง จางลู่ก็รู้สึกว่าปราณสุสานนั้นคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเก่า พลังของมันสูงจนน่าตกใจ
ปราณสุสานรอบตัวจางลู่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง โลกนี้เต็มไปด้วยปราณสุสาน ในทุกๆก้าวนั้นราวกับถูกยึดครองโดยปราณสุสาน นอกจากปราณสุสานแล้วมันก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
“ แฮ่ก แฮ่ก…” แรงกดดันที่มีต่อจางลู่เพิ่มขึ้นราวกับแบกภูเขาเอาไว้ โล่พลังสั่นไหวอย่างต่อเนื่องกับการเผชิญหน้ากับปราณสุสาน
ในทุกๆก้าวนั้นเขาราวกับมนุษย์ทั่วไปที่พยายามเดินขึ้นภูเขา ใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“ ข้ารู้สึกได้” จางลู่ก้าวออกไปและมองไปด้านหน้า “จิตสุสานอยู่ไม่ห่างนัก !”
แม้ว่าจะเห็นแต่ปราณสุสานแต่สัญชาตญาณก็บอกเขาว่าจิตสุสานอยู่ตรงหน้า
ในใจเขานั้นมีความรู้สึกที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มันทำให้เขาขนลุกราวกับสายตาอันน่ากลัวมองมาที่เขา
เมื่อเดินหน้าได้ 15 นาที จางลู่ก็หยุด เขามองไปยังวิหารที่ห่อหุ้มไปด้วยปราณสุสาน มันทำให้เขาเครียดยิ่งกว่าเก่า เขาถึงกับรับรู้ถึงอันตราย “ ที่นี่แหละ !”
ในที่สุดเขาก็มาถึงส่วนหลักของสุสานแล้ว !
จิตสุสานในตำนาน ตัวตนลึกลับ ในที่สุดมันก็จะถูกเปิดเผย !
แม้ว่าเขาจะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวและรับรู้ได้ถึงอันตรายด้านหน้า แม้ว่าปราณสุสานจะกัดกร่อนพลังของเขาจนแทบจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แม้ว่ามันจะกดดันเขาอย่างมากแต่สีหน้าของจางลู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายังค่อยๆยกเท้าขึ้นและก้าวออกไปยังวิหาร ภายใต้แรงกดดันนี้ทุกๆก้าวราวกับเขาแบกภูเขาเอาไว้ แต่ละก้าวนั้นทำให้พื้นดินสั่นไหวไปตาม
ยิ่งเข้าใกล้สุสานเท่าไหร่ ปราณสุสานก็ยิ่งเข้มข้นเท่านั้น การกัดกร่อนของมันก็เพิ่มขึ้นไปด้วย แต่จางลู่ก็ยังเดินหน้าต่อด้วยสายตาที่แน่วแน่ขึ้นเรื่อยๆ
ภาพของวิหารเริ่มชัดเจนขึ้นมา
วิหารขนาดใหญ่ที่ดูไม่สิ้นสุดตั้งอยู่ใจกลางสุสานแห่งนี้ !
ปราณสุสานในวิหารราวกับพายุ หากปราณสุสานถูกนำมาเทียบกับพลังโกลาหลแล้ว งั้นปราณสุสานในวิหารแห่งนี้ก็เทียบได้กับพลังโกลาหลที่เขตหวงห้าม แต่ปราณสุสานพวกนี้น่ะน่ากลัวกว่า
จางลู่ได้หยุดอยู่ที่ด้านนอกวิหาร เขามาถึงขีดจำกัดแล้ว การเดินหน้าต่อนั้นยากลำบากอย่างมาก
เขาสงสัยว่าตราบใดที่เขาก้าวเข้าไปในวิหาร เขาจะโดนปราณสุสานกลืนกินและกลายเป็นหุ่นเชิด
“ ถึงขีดจำกัดแล้วรึ ?” จางลู่เหมือนจะไม่พอใจ
เขาห่างจากวิหารแค่ 3-5 ก้าวเท่านั้น ตราบใดที่เดินหน้าต่อและเปิดประตูออก เขาก็จะไปถึงเขตหลักของวิหารที่ที่จิตสุสานอยู่ !
จางลู่สูดหายใจเข้าลึกๆพยายามแผ่การรับรู้ออกไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ด้านใน เมื่อฝ่าปราณสุสานเข้าไปถึงประตูก็พบว่ามันไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้ เขาไม่อาจจะตรวจสอบสถานการณ์ด้านในได้เลย
จางลู่ดึงการรับรู้กลับมาและเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ เขาพอมองเห็นร่องรอยความเสียหายโดยรอบ
แม้ว่าบางที่จะถูกฟื้นฟูขึ้นมาแล้วแต่ก็ต่างจากที่อื่นๆ ถึงวัสดุและหน้าตาของมันจะไม่ต่างกัน แต่ก็ยังรับรู้ถึงความแตกต่างจากสภาพของวัสดุที่สามารถบ่งบอกเวลาของตัวเองได้ ที่บรรพกาล
จางหยูเห็นแบบนั้นก็ยังรู้สึกไม่พอใจ
เมื่อมาถึงหน้าประตูแล้วแต่ให้เขาต้องยอมแพ้ เขาไม่อยากยอมเลยจริงๆ
แต่ปราณสุสานที่นี่น่ากลัวเกินไป เขาไม่อาจจะปล่อยให้จางลู่กลายเป็นหุ่นเชิดได้
“ กลับมาเถอะ” จางหยูบอกกับจางลู่ “ ครั้งหน้าเรายังมีโอกาสที่จะกลับมาอีก”
แม้ว่าจางลู่จะไม่เต็มใจแต่เขาก็ไม่ได้ไร้เหตุผล เขาไม่คิดจะเข้าไปในวิหารตอนนี้ จางหยูอยากจะได้ราชาอีกสัก 2-3 คน แต่โชคร้ายที่นอกจากคนก่อนหน้านี้แล้ว เขาก็ไม่ได้พบราชาคนอื่นอีก วิหารตรงหน้านี้จะต้องมีราชาอยู่แน่ แต่จางลู่ถึงขีดจำกัดแล้ว เขาไม่อาจจะเดินหน้าต่อได้
ตอนที่จางลู่กำลังจะสร้างรูหนอนเพื่อออกจากที่นั่น ประตูวิหารกลับเปิดออกและมีเสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่ววิหาร มันดูน่ากลัวอย่างมาก ตึก ตึก ตึก…
หุ่นเชิดกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากประตูอย่างช้าๆ มันมีทั้งพวกระดับร้อยเท่า, พันเท่า พวกที่มีมากที่สุดคือระดับร้อยเท่า ตามมาด้วยพันเท่า จำนวนพวกนี้ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แค่ 10-20 อึดใจก็มีหุ่นเชิดกว่า 30,000 คนมายืนอยู่ตรงหน้าจางลู่
มีพวกระดับร้อยเท่าถึง 28,000 คนและระดับพันเท่า 3,000 คน…อีกทั้งยังมีราชาอีก 3 คน !
เป็นกองกำลังที่น่ากลัวจริงๆ !
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนแต่กองกำลังนี้ก็สร้างความวุ่นวายได้แน่นอน !
ผู้ควบคุมขั้น 9 กว่า 30,000 คน ทุกคนอยู่ระดับร้อยรึสูงกว่านั้น เดาว่าไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตะลึงกับฉากนี้
จางหยูคิดว่าราชาแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่นี่กลับมีอยู่ถึง 3 คน เดาว่าพวกนี้คงเป็นภัยอย่างมาก “ หากจางลู่ส่งคนพวกนี้เข้าไปในโลกตันเถียนได้หมด” จางหยูตาเป็นประกาย
หากเทียบกับร่างแยกบ่มเพาะของเขาแล้ว จำนวนหุ่นเชิดนี้น้อยกว่า แต่ระดับการบ่มเพาะนั้นเหนือกว่าร่างแยกบ่มเพาะของเขา เพราะเขามีแค่จางลู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นราชา
จางลู่หรี่ตาลงมองกองทัพตรงหน้า หลังจากที่ตะลึงในตอนแรกแล้วเขาก็เรียกสติกลับมาได้อย่างรวดเร็ว เขาพยายามคิดหาทางที่จะส่งพวกนี้กลับไปที่โลกตันเถียน
หากคนอื่นเห็นฉากนี้เข้า เดาว่าพวกนั้นคงแข้งขาอ่อนแรงและไม่อาจจะคิดอะไรออก แต่จางลู่ไม่เหมือนกัน เขาน่ะคิดหาทางที่จะจับตัวพวกนี้แทน
ในสายตาของเขาแล้วพวกนี้ไม่ใช่ศัตรูที่น่ากลัวแต่เป็นสมบัติ !
“ อยากพบข้าไม่ใช่รึ ?” ตอนที่จางลู่กำลังคิดอยู่นั้นก็มีเสียงแปลกๆดังขึ้นมา “ มาถึงที่แล้วจะถอยได้ยังไง ?” จางลู่เงยหน้ามองและพบว่าที่วิหารนั้นมีปราณสุสานก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ค่อยๆเดินออกมา เสียงแปลกๆนั้นมาจากร่างนี้
ปราณสุสานได้อัดแน่นกันถึงขีดสุดจนก่อตัวได้ ร่างกายนี้ยังกลืนกินปราณสุสานอย่างต่อเนื่อง ราวกับต้นไม้โกลาหลที่ทำการดูดซับพลังโกลาหลและปล่อยพลังที่แกร่งกว่าออกมา
นี่คือต้นกำเนิดของปราณสุสาน !
ปราณของทั้งสุสานมาจากมัน !
นี่คือ…จิตสุสานสวรรค์ !
จิตสุสานสวรรค์มองไปที่จางลู่แล้วพูดขึ้นมา “ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าในโกลาหลแห่งนี้จะมีคนสร้างร่างแยกโกลาหลได้… เจ้าหนูน้อย เจ้าทำให้ข้าแปลกใจได้จริงๆ น่าเสียดายที่ยังไปไม่ถึงขั้นสุดท้าย เจ้ายังไม่ถึงระดับควบคุมโกลาหล การสร้างร่างแยกของเจ้าจึงมีโครงสร้างที่แย่เช่นนี้”