กึ่งจ้าวโกลาหล ? จางหยูแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา เจ้ามั่นใจรึว่านั่นถูกต้องแล้ว ?
เขาให้ร่างบรรพกาลกับซุนเหยียน แต่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ยังไง ?
สิ่งที่เรียกว่ากึ่งจ้าวโกลาหลนั้นอันที่จริงแล้วก็คือจ้าวโกลาหล เพียงแต่จิตผู้สร้างหรืออาจจะจิตของตัวเองยังไม่บรรลุระดับจ้าวโกลาหล จึงไม่สามารถแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้ ดังนั้นด้านหน้าจึงเพิ่มคำว่ากึ่งไปด้วย ในทางทฤษฎีแล้วกึ่งจ้าวโกลาหลกับจ้าวโกลาหลนั้นไม่ต่างกันเลย
ก็เหมือนกับทารกและผู้ใหญ่พวกเขาล้วนเป็นมนุษย์เหมือนกัน แต่ทารกนั้นยังไม่เติบโตเต็มที่ จึงไม่อาจจะเป็นคู่มือของผู้ใหญ่ได้ แต่ก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่าพวกเขาคือมนุษย์เหมือนกัน
นี่คือความจริงสำหรับกึ่งจ้าวโกลาหล กึ่งจ้าวโกลาหลแต่ละคนนั้นตราบใดที่มีเวลาเพียงพอ พวกเขาก็จะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ รึในอีกความหมายคือกึ่งจ้าวโกลาหลนั้นคือจ้าวโกลาหล พวกเขาแค่อยู่ในช่วงเริ่มต้นก็เท่านั้น
จางหยูไม่เข้าใจ ซุนเหยียนกลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลได้ยังไง ?
เขายังไม่ได้ทำอะไร เขาแค่ให้ร่างบรรพกาลกับซุนเหยียนเท่านั้น
ข้าไม่รู้ แต่…มันดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น ซุนเหยียนเองก็ไม่มั่นใจ เพราะเขาก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่อาจจะเป็นไปได้ แต่เขารู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจน อันที่จริงเพื่อจะยืนยันว่าข้าเป็นจ้าวโกลาหลรึไม่นั้น ก็แค่ลองควบคุมพลังโกลาหลดู…
ระหว่างที่พูด ซุนเหยียนก็ได้แผ่จิตออกไป ในพริบตาโกลาหลก็เคลื่อนไหวราวกับพบเจ้านายของมัน
ซุนเหยียนตาเป็นประกายพร้อมสีหน้าเหลือเชื่อ มันเคลื่อนไหวจริงๆ ! ความรู้สึกนี้เข้าไม่ได้คิดไปเอง เขาสามารถควบคุมโกลาหลได้จริงๆราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
นี่… ซุนเหยียนแสดงสีหน้าแปลกใจและตกตะลึง
เขาหวังแค่กลับมาเกิดใหม่ แค่สามารถมีร่างกายที่แข็งแกร่งเท่ากับจิตของตัวเอง แต่จางหยูกลับสร้างร่างกึ่งจ้าวโกลาหลให้กับเขา !
นี่มันยอดฝีมือจริงๆ !
อาจจะกล่าวได้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำอะไร แค่รอสักพักเขาก็จะขึ้นเป็นจ้าวโกลาหลได้ !
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ในหัวซุนเหยียนมีแต่ความสับสน
เขาต้องการน้ำหยดเดียว แต่จางหยูกลับให้ทะเลกับเขางั้นรึ ?
ซุนเหยียนตะลึง จางหยูเองก็สับสนเช่นกัน แม้ว่าเขาจะเป็นจ้าวแห่งโลกตันเถียน แต่ฉากตรงหน้าเขานั้น เขาก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เขารู้แค่ว่าซุนเหยียนได้กลายเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลไปแล้วจริงๆ
จริงสิ… ตอนนั้นเองจางหยูก็รู้สึกได้ว่าจิตผู้สร้างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง มันราวกับว่าจิตโลกตันเถียนกับจิตผู้สร้างภายนอกได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่แค่เล็กน้อยเท่านั้น ราวกับ 1 ในล้าน แต่แค่เล็กน้อยเพียงนี้กลับทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้น นี่มัน…
เขารู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของตัวเองเพิ่มขึ้นมาเป็นสิบเท่าในพริบตา
พลังอันน่ากลัวนี้ทำให้เขารู้สึกว่าเขาชนะราชาทุกคนได้โดยง่าย !
มันราวกับการเปิดประตูบานใหม่
จางลู่รู้สึกว่าร่างที่ซุนเหยียนพูดถึงนั้นมันเหมือนกับร่างของเขา บรรพกาลของโลกบรรพกาลและโลกผนึกเทพนั้นเหมือนกับร่างกายของเขา เพียงแค่คิดเขาก็สามารถควบคุมบรรพกาลทั้งสองได้ มันราวกับว่าบรรพกาลทั้งสองนี้คือส่วนหนึ่งในร่างกายเขา
นี่คือพลังที่แท้จริงของกึ่งจ้าวโกลาหลรึ ? จางหยูพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง ตอนนี้ข้าได้ก้าวเข้ามาในขอบเขตกึ่งจ้าวโกลาหลแล้ว !
ต้องบอกว่าความรู้สึกนี้น่ายินดีจริงๆ
แต่จางหยูยังไม่เข้าใจว่าทำไมจิตผู้สร้างถึงได้เปลี่ยนแปลงไป ทำไมซุนเหยียนถึงได้เกิดเปลี่ยนแปลง สองอย่างนี้มันเกี่ยวข้องอะไรกัน ?
ตึก ! จางหยูเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างราวกับหัวใจเขากำลังเต้น
เขารีบควบคุมสติและถามกับซุนเหยียนว่า เจ้าได้ยินเสียงนั่นรึไม่ ?
ซุนเหยียนพยักหน้าและมองไปทางโลกบรรพกาล ในโลกบรรพกาลนั้นเกิดความวุ่นวายขึ้น มันมีเสียงเต้นเป็นจังหวะช้าๆ ทุกการเต้นนั้นจะทำให้โลกสั่นไหวไปตาม แม้ว่าระดับเสียงนี้จะเบาอย่างมาก แต่จางหยูกับซุนเหยียนก็ยังรับรู้ได้
ทั้งสองรีบมุ่งหน้าไปยังต้นกำเนิดเสียง จากนั้นพวกเขาก็เห็นบางอย่างที่เหมือนกับเมล็ด กำลังสั่นไหวเบาๆ มัดอัดแน่นด้วยพลังบรรพกาลไม่รู้จบ มันแผ่พลังบรรพกาลที่หนาแน่ออกมา จางหยูและซุนเหยียนยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่เมล็ดนั่นก็แตกออกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วจนมีใบไม้สองใบงอกออกมา
ต้นไม้โกลาหล ! ซุนเหยียนอึ้ง มันคือต้นไม้โกลาหล !
จางหยูมองไปที่ต้นอ่อน เขาตื่นเต้นอย่างมาก เขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่อาจจะสร้างต้นไม้บรรพกาลขึ้นมาได้ ความล้มเหลวในแต่ละครั้งนั้นทำให้เขาหมดหวัง แต่การที่เขาสร้างร่างบรรพกาลให้กับซุนเหยียนนั้นกลับทำให้ต้นไม้บรรพกาลกำเนิดขึ้นมาได้
ต้นไม้โกลาหล…. ซุนเหยียนพูดขึ้น ข้าเคยเห็นมันตอนโตเต็มวัย แต่ไม่เคยเห็นมันตอนที่เพิ่งเกิด จางหยูพูดขึ้น นี่เรียกว่าต้นไม้บรรพกาล มันไม่ใช่ต้นไม้โกลาหล
ไม่เหมือนกันรึ ? ซุนเหยียนถาม แต่ก็แปลก…ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้าคือจ้าวโกลาหลแห่งนี้
แน่นอนว่ามันต่างกัน จางหยูเผยรอยยิ้มลึกลับออกมา โกลาหลกับบรรพกาลแม้จะดูไม่ต่างกัน แต่ความจริงแล้วมันต่างกัน ชื่อจึงควรจะต่างกันด้วย ที่เจ้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นจ้าวบรรพกาลแห่งนี้ บางทีเจ้าอาจจะรู้สึกถูกต้องแล้ว เจ้าน่ะกลายเป็นจ้าวบรรพกาลแห่งนี้จริงๆ เจ้าคือ…จ้าวบรรพกาลหรือกึ่งจ้าวบรรพกาล
จางหยูเข้าใจว่าที่บรรพกาลไม่อาจจะให้กำเนิดต้นไม้บรรพกาลขึ้นมาได้ อาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่มีจ้าวบรรพกาลกำเนิดขึ้นมา !
และบังเอิญว่าตอนที่ซุนเหยียนหลอมรวมกับร่างใหม่นั้น เขาได้ขึ้นเป็นจ้าวบรรพกาล ดังนั้นต้นไม้บรรพกาลจึงถือกำเนิดขึ้นมา !
ส่วนจางหยูได้ก้าวขึ้นไปขอบเขตกึ่งจ้าวโกลาหลอย่างเป็นทางการแล้ว !
นี่มัน…ข้าแทบไม่ทำอะไรแต่กลับขึ้นมาถึงขอบเขตนี้ได้ ! จางหยูไม่คิดว่าการกระทำที่ไม่หวังผลของตัวเองกลับสร้างจ้าวบรรพกาลขึ้นมา และยังทำให้ต้นไม้บรรพกาลกำเนิดขึ้นมาด้วย อีกทั้งเขายังก้าวขึ้นมายังขอบเขตกึ่งจ้าวโกลาหลอีก ทั้งหมดนี้ดูเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปแล้ว !
พูดไปแล้วเขาก็ต้องขอบคุณซุนเหยียน หากไม่ใช่เพราะซุนเหยียน เขาคงไม่รู้ว่าจะเข้ามาขอบเขตนี้ยังไง
แม้ว่าเขากับซุนเหยียนจะไม่ได้แข็งแกร่งกว่าไห่อู่เซิง แต่ในฐานะกึ่งจ้าวโกลาหลแล้วก็ไม่ใช่คนที่ไห่อู่เซิงคิดจะทำอะไรได้ง่ายๆ
เมื่อคิดถึงโลกตันเถียนของตนที่ให้กำเนิดจ้าวบรรพกาลคนแรก จางหยูก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อมีคนแรกก็ต้องมีคนที่สอง ! ข้าเชื่อว่าสักวันโลกตันเถียนจะมีจ้าวบรรพกาลจำนวนมาก เขาที่เหนือกว่าจ้าวบรรพกาลเหล่านั้นจะอยู่ระดับไหนกันนะ?