ผ่านไปสักพักจางหยูถึงควบคุมสติได้ เขาค่อยๆกระโดดลงมายืนอยู่ด้านหน้าฝูงชนและเดินเข้าไปหาพวกนั้น
จางหยูเดินเข้ามาใกล้พลางกวาดสายตามองไปรอบตัว ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่จางหยู เมื่อไหร่ก็ตามที่จางหยูเดินมาหา พวกเขาก็จะหลีกทางให้
ทุกคนต่างหันหน้าไปทางจางหยูด้วยแววตาสงสัย
“ อู่ซินซิน “ จางหยูเรียกชื่ออู่ซินซิน “เจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ ผ่านมา 31,521 ปีแล้ว “
เหตุผลที่นางจำได้ก็เพราะว่านางจำได้ว่าตัวเองเข้าร่วมสำนักคังเฉียงเมื่อตอนอายุสิบห้า และบัดนี้นางก็อายุได้ 31,536 ปีแล้ว
เมื่อได้ยินแบบนั้นอู่โม่, อู่เฉิน, หลินหมิงและคนอื่นๆต่างก็อึ้ง
ไม่ทันรู้ตัวพวกเขาก็อยู่กับสำนักคังเฉียงมากว่าสามหมื่นปีแล้ว
สามหมื่นปีก่อนพวกเขายังเป็นแค่มนุษย์ทั่วไปที่ไม่ถือว่ามีฝีมือเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเดินทางในโกลาหลได้ สามารถออกจากโลกขั้นที่ 9 ได้ และได้ขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 หากมองทั้งโกลาหลแล้วพวกเขาอาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง
แม้แต่ยูไล, ผานกู่, หยวนเทียนจีและคนอื่นๆก็เติบโตขึ้นมามาก ก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง เวลาหลายล้านปีนั้นเท่ากับแค่พริบตาเดียวสำหรับพวกเขา การเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงนั้นมีความหมายต่อพวกเขาอย่างมาก
ความรู้สึกนี้หากไม่ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงคงยากจะเข้าใจได้
“ ผ่านมากว่าสามหมื่นปีแล้วรึ” จางหยูเองก็อึ้งไปเช่นกัน พริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่าสามหมื่นปีแล้ว เด็กน้อยเหล่านี้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่ากันไปแล้ว
จางหยูส่ายหน้าและละสายตาจากอู่ซินซิน ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ข้าไม่ได้เปิดการบรรยายให้พวกเจ้ามาเกือบสามหมื่นปีแล้ว โดยเฉพาะศิษย์,อาจารย์และผู้อาวุโสที่เข้ามาทีหลัง พวกเขาล้วนไม่เคยฟังข้าบรรยาย ในฐานะเจ้าสำนักแล้วข้าช่างบกพร่องต่อหน้าที่จริงๆ “
นี่ไม่ต้องพูดถึงเหล่าศิษย์และอาจารย์เลย แม้แต่ศิษย์ของเขาอย่างเย่ฟานและคนอื่นๆก็ยากจะมีโอกาสได้ฟังการบรรยายจากเขา
“ เจ้าสำนักจะเปิดการบรรยายอีกรึ?” หลินหมิงตาเป็นประกายขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงความตื่นเต้นและคาดหวังออกมา
เหล่าอาจารย์และศิษย์ที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงตั้งแต่แรกๆก็พากันตื่นเต้น-7ho,k
“ เราต้องฟังบรรยายอะไรอีกในเมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกเรามาถึงระดับนี้แล้ว ?” พวกที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในภายหลังต่างก็แปลกใจกับท่าทีของหลินหมิงและคนอื่นๆ “ เจ้าสำนักแค่จะบรรยาย ทำไมพวกเขาต้องตื่นเต้นแบบนั้นด้วย ?”
ต้องรู้ก่อนว่าที่พวกเขาขาดไปในตอนนี้คือความเข้าใจในการสร้าง มันไม่ใช่สิ่งที่จะสอนกันได้ มันต้องใช้ความเข้าใจของพวกเขาเอง
“ ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง สรุปคือเจ้าจะรู้เองเมื่อฟังเจ้าสำนัก “ หลินหมิงได้ยินคำถามจากผู้คนโดยรอบ เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
แม้ว่าจะผ่านมากว่าสามหมื่นปีแล้ว แต่หลินหมิงกับคนอื่นๆก็ยังจำตอนที่จางหยูทำการบรรยายได้ มันทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่าน มันถึงกับทำให้เกิดพลังงานจำนวนมากก่อตัวขึ้นมา ชัดแล้วว่านี่คือผลลัพธ์จากการบรรยายของจางหยู พวกเขาเชื่อในตัวจางหยู ว่าต้องช่วยในการบ่มเพาะของพวกเขาได้ บางทีพวกเขาอาจจะข้ามระดับไปได้ทันที
เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของทุกคน จางหยูก็พูดขึ้นมา “ เมื่อพวกเจ้าอยากจะฟัง งั้นข้าจะพูดให้ฟัง ข้าหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้า “
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินหมิงและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเก่า แม้แต่เป่ยหลง อ้าวคุนกับคนอื่นๆก็แสดงท่าทีคาดหวังออกมา
“ ยอดเยี่ยม ! “
“ ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้ฟังการบรรยายจากเจ้าสำนักอีกครั้ง ! “
เฉินกู, โอวเสินเฟิงและคนอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าคาดหวังออกมา
“ เรียกจ้านเทียนเกอมาด้วย “ แทนที่จะเริ่มสอนทันที จางหยูกลับคิดว่ายิ่งมีคนเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี “ ฝ่ายคุมกฎและเหล่าราชาเองก็ด้วย “
จางหยูไม่ลังเลและได้ส่งข้อความเรียกคนเหล่านั้นมา ยังมีเหล่าเหอรวมถึงซานเหอและเหยียนอู้ อีกทั้งเกลดันที่เป็นทาสของเขาด้วย ผ่านไปสักพักคนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันที่ลาน นอกจากนี้ก็ยังมีหลินหลาง, จาฮาน, สือซวน, ซางอี๋ว์, อู๋ยง, ซังหนานเทียน, หงอีและคนอื่นๆด้วย การบรรยายนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขา จางหยูไม่รังเกียจที่จะช่วยคนพวกนี้ด้วย สำหรับว่ามันจะช่วยได้แค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง
จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆเห็นฉากนี้ต่างก็พากันอึ้ง “ ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักเรียกพวกเรามาทำไมกัน ?”
หงอีและซังหนานเทียนมองไปที่จางหยูด้วยความเคารพ
สายตาที่เป็นประกายของพวกเขาไม่อาจจะปกปิดได้
พวกที่จางหยูช่วยมาจากสุสานสวรรค์รวมถึงคนอื่นๆก่อนหน้านี้ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด
“ ข้าจะเปิดการบรรยายให้คนในสำนัก พวกเจ้าก็อยู่ในโลกป่าอยู่แล้ว หากพวกเจ้าสนใจฟังก็อยู่ต่อ หากไม่สนใจก็ตามสบาย “ จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม สำหรับคนเหล่านี้แล้วการบรรยายธรรมดานั้นคงไม่ส่งผลอะไร แต่หากรวมกับทักษะหลอกลวงแล้วมันต้องส่งผลที่ไม่คาดคิดแน่ อาจจะกล่าวได้ว่าจางหยูกำลังสร้างประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ หากพวกนี้เลือกที่จะไป งั้นก็แสดงว่าพวกนี้ไม่มีวาสนาเอง
หลังจากที่ได้ยินที่จางหยูพูดมา ซังหนานเทียนก็พูดขึ้นมาด้วยความสนใจ “ บรรยายรึ? ฮาฮา น่าสนุกดี “
คนที่เหลือไม่คิดคาดหวังกับการบรรยายของจางหยู เพราะในสายตาของพวกเขาแล้ว ระดับที่พวกเขาอยู่นั้นการบรรยายนั้นไร้ความหมาย แต่ทุกคนก็เลือกที่จะอยู่ต่อ ไม่มีใครกลับไป ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไงแต่พวกเขาก็ต้องไว้หน้าเจ้าสำนัก
แม้ว่าจะสงสัยแต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจไม่อาจจะแสดงมันออกมาได้
“ ทุกคนเหมือนจะสนใจ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่พูดไร้สาระอีก “ จางหยูหัวเราะออกมา “ ข้าจะเริ่มบรรยายแล้ว” ทันทีที่พูดจบจางหยูก็ได้ใช้ทักษะหลอกลวง คลื่นพลังแผ่ออกไปเป็นระลอกโดยมีจางหยูเป็นศูนย์กลาง กระจายไปทั่วทุกทิศทาง นี่ไม่ใช่พลังสร้างรึพลังจิต แม้ว่าจางหยูจะขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้วแต่เขาก็ไม่อาจจะตัดสินได้ว่ามันเป็นพลังแบบไหน
จางหยูได้แต่เดาว่านี่คือพลังลึกลับที่เกิดขึ้นจากทักษะหลอกลวง มันเหมือนกับพลังจิต มันน่าจะเกี่ยวข้องกับจิต
แม้ว่าพลังนี้จะแผ่ออกไป แต่ผู้คนกลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าทุกอย่างยังปกติดี
“ โกลาหลทำให้เกิดกฎขึ้นมาและทำให้เราต้องทำความเข้าใจการสร้าง แล้วการสร้างคืออะไร ? การสร้างคือทุกอย่าง การสร้างคือโชคชะตา การสร้างเกิดขึ้นมาพร้อมกับโชคชะตาแต่ก็ไม่ได้อยู่ร่วมกับโชคชะตาของเรา “ เสียงของจางหยูดังก้องไปทั่วสำนัก ทุกคำพูดของเขาราวกับความจริงจากปากเทพ “ การสร้างได้ให้กำเนิดทุกสิ่ง ต้นตอของการพัฒนาการสร้างไม่มีต้นกำเนิด การสร้างไม่มีจุดจบ การสร้างนั้นมีไม่จำกัด…“
ความเข้าใจการสร้างของทุกคนนั้นต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจยังไงเกี่ยวกับการสร้าง การสร้างก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะความคิดของพวกเขา
เสียงของจางหยูราวกับมีมนต์วิเศษ ตอนแรกผู้คนไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อเสียงของจางหยูดังขึ้น มันก็ราวกับเส้นทางของโกลาหลได้ก่อตัวขึ้นมาในใจพวกเขา และสัมผัสกับจิตของพวกเขา มันราวกับเส้นทางแห่งความจริง เส้นทางแบบนี้คือความจริงที่ได้ประทับเข้าไปในจิตของพวกเขา
ภายใต้พลังของทักษะหลอกลวง ดูเหมือนว่าเสียงของจางหยูนี้จะทำให้ผู้คนได้เข้าใจแก่นแท้ของการสร้าง
จางหยูเดินเข้ามาใกล้พลางกวาดสายตามองไปรอบตัว ทุกคนต่างก็จับจ้องไปที่จางหยู เมื่อไหร่ก็ตามที่จางหยูเดินมาหา พวกเขาก็จะหลีกทางให้
ทุกคนต่างหันหน้าไปทางจางหยูด้วยแววตาสงสัย
“ อู่ซินซิน “ จางหยูเรียกชื่ออู่ซินซิน “เจ้าเข้าร่วมสำนักคังเฉียงมานานแค่ไหนแล้ว?”
“ ผ่านมา 31,521 ปีแล้ว “
เหตุผลที่นางจำได้ก็เพราะว่านางจำได้ว่าตัวเองเข้าร่วมสำนักคังเฉียงเมื่อตอนอายุสิบห้า และบัดนี้นางก็อายุได้ 31,536 ปีแล้ว
เมื่อได้ยินแบบนั้นอู่โม่, อู่เฉิน, หลินหมิงและคนอื่นๆต่างก็อึ้ง
ไม่ทันรู้ตัวพวกเขาก็อยู่กับสำนักคังเฉียงมากว่าสามหมื่นปีแล้ว
สามหมื่นปีก่อนพวกเขายังเป็นแค่มนุษย์ทั่วไปที่ไม่ถือว่ามีฝีมือเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้พวกเขากลับเดินทางในโกลาหลได้ สามารถออกจากโลกขั้นที่ 9 ได้ และได้ขึ้นเป็นผู้ควบคุมขั้นที่ 9 หากมองทั้งโกลาหลแล้วพวกเขาอาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดแต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง
แม้แต่ยูไล, ผานกู่, หยวนเทียนจีและคนอื่นๆก็เติบโตขึ้นมามาก ก่อนที่จะเข้าร่วมสำนักคังเฉียง เวลาหลายล้านปีนั้นเท่ากับแค่พริบตาเดียวสำหรับพวกเขา การเข้าร่วมกับสำนักคังเฉียงนั้นมีความหมายต่อพวกเขาอย่างมาก
ความรู้สึกนี้หากไม่ได้เข้าร่วมสำนักคังเฉียงคงยากจะเข้าใจได้
“ ผ่านมากว่าสามหมื่นปีแล้วรึ” จางหยูเองก็อึ้งไปเช่นกัน พริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่าสามหมื่นปีแล้ว เด็กน้อยเหล่านี้กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่ากันไปแล้ว
จางหยูส่ายหน้าและละสายตาจากอู่ซินซิน ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆแล้วพูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ ข้าไม่ได้เปิดการบรรยายให้พวกเจ้ามาเกือบสามหมื่นปีแล้ว โดยเฉพาะศิษย์,อาจารย์และผู้อาวุโสที่เข้ามาทีหลัง พวกเขาล้วนไม่เคยฟังข้าบรรยาย ในฐานะเจ้าสำนักแล้วข้าช่างบกพร่องต่อหน้าที่จริงๆ “
นี่ไม่ต้องพูดถึงเหล่าศิษย์และอาจารย์เลย แม้แต่ศิษย์ของเขาอย่างเย่ฟานและคนอื่นๆก็ยากจะมีโอกาสได้ฟังการบรรยายจากเขา
“ เจ้าสำนักจะเปิดการบรรยายอีกรึ?” หลินหมิงตาเป็นประกายขึ้นมา ใบหน้าของเขาแสดงความตื่นเต้นและคาดหวังออกมา
เหล่าอาจารย์และศิษย์ที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงตั้งแต่แรกๆก็พากันตื่นเต้น-7ho,k
“ เราต้องฟังบรรยายอะไรอีกในเมื่อระดับการบ่มเพาะของพวกเรามาถึงระดับนี้แล้ว ?” พวกที่เข้าร่วมสำนักคังเฉียงในภายหลังต่างก็แปลกใจกับท่าทีของหลินหมิงและคนอื่นๆ “ เจ้าสำนักแค่จะบรรยาย ทำไมพวกเขาต้องตื่นเต้นแบบนั้นด้วย ?”
ต้องรู้ก่อนว่าที่พวกเขาขาดไปในตอนนี้คือความเข้าใจในการสร้าง มันไม่ใช่สิ่งที่จะสอนกันได้ มันต้องใช้ความเข้าใจของพวกเขาเอง
“ ข้าไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง สรุปคือเจ้าจะรู้เองเมื่อฟังเจ้าสำนัก “ หลินหมิงได้ยินคำถามจากผู้คนโดยรอบ เขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
แม้ว่าจะผ่านมากว่าสามหมื่นปีแล้ว แต่หลินหมิงกับคนอื่นๆก็ยังจำตอนที่จางหยูทำการบรรยายได้ มันทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนทะลวงผ่าน มันถึงกับทำให้เกิดพลังงานจำนวนมากก่อตัวขึ้นมา ชัดแล้วว่านี่คือผลลัพธ์จากการบรรยายของจางหยู พวกเขาเชื่อในตัวจางหยู ว่าต้องช่วยในการบ่มเพาะของพวกเขาได้ บางทีพวกเขาอาจจะข้ามระดับไปได้ทันที
เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของทุกคน จางหยูก็พูดขึ้นมา “ เมื่อพวกเจ้าอยากจะฟัง งั้นข้าจะพูดให้ฟัง ข้าหวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้า “
เมื่อได้ยินแบบนั้นหลินหมิงและคนอื่นๆต่างก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าเก่า แม้แต่เป่ยหลง อ้าวคุนกับคนอื่นๆก็แสดงท่าทีคาดหวังออกมา
“ ยอดเยี่ยม ! “
“ ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้ฟังการบรรยายจากเจ้าสำนักอีกครั้ง ! “
เฉินกู, โอวเสินเฟิงและคนอื่นๆต่างก็แสดงสีหน้าคาดหวังออกมา
“ เรียกจ้านเทียนเกอมาด้วย “ แทนที่จะเริ่มสอนทันที จางหยูกลับคิดว่ายิ่งมีคนเยอะเท่าไหร่ยิ่งดี “ ฝ่ายคุมกฎและเหล่าราชาเองก็ด้วย “
จางหยูไม่ลังเลและได้ส่งข้อความเรียกคนเหล่านั้นมา ยังมีเหล่าเหอรวมถึงซานเหอและเหยียนอู้ อีกทั้งเกลดันที่เป็นทาสของเขาด้วย ผ่านไปสักพักคนเหล่านั้นก็มารวมตัวกันที่ลาน นอกจากนี้ก็ยังมีหลินหลาง, จาฮาน, สือซวน, ซางอี๋ว์, อู๋ยง, ซังหนานเทียน, หงอีและคนอื่นๆด้วย การบรรยายนี้จะเป็นประโยชน์กับพวกเขา จางหยูไม่รังเกียจที่จะช่วยคนพวกนี้ด้วย สำหรับว่ามันจะช่วยได้แค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเอง
จ้านเทียนเกอและคนอื่นๆเห็นฉากนี้ต่างก็พากันอึ้ง “ ไม่รู้ว่าเจ้าสำนักเรียกพวกเรามาทำไมกัน ?”
หงอีและซังหนานเทียนมองไปที่จางหยูด้วยความเคารพ
สายตาที่เป็นประกายของพวกเขาไม่อาจจะปกปิดได้
พวกที่จางหยูช่วยมาจากสุสานสวรรค์รวมถึงคนอื่นๆก่อนหน้านี้ต่างก็มารวมตัวกันที่นี่ทั้งหมด
“ ข้าจะเปิดการบรรยายให้คนในสำนัก พวกเจ้าก็อยู่ในโลกป่าอยู่แล้ว หากพวกเจ้าสนใจฟังก็อยู่ต่อ หากไม่สนใจก็ตามสบาย “ จางหยูพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม สำหรับคนเหล่านี้แล้วการบรรยายธรรมดานั้นคงไม่ส่งผลอะไร แต่หากรวมกับทักษะหลอกลวงแล้วมันต้องส่งผลที่ไม่คาดคิดแน่ อาจจะกล่าวได้ว่าจางหยูกำลังสร้างประโยชน์ให้กับคนพวกนี้ หากพวกนี้เลือกที่จะไป งั้นก็แสดงว่าพวกนี้ไม่มีวาสนาเอง
หลังจากที่ได้ยินที่จางหยูพูดมา ซังหนานเทียนก็พูดขึ้นมาด้วยความสนใจ “ บรรยายรึ? ฮาฮา น่าสนุกดี “
คนที่เหลือไม่คิดคาดหวังกับการบรรยายของจางหยู เพราะในสายตาของพวกเขาแล้ว ระดับที่พวกเขาอยู่นั้นการบรรยายนั้นไร้ความหมาย แต่ทุกคนก็เลือกที่จะอยู่ต่อ ไม่มีใครกลับไป ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไงแต่พวกเขาก็ต้องไว้หน้าเจ้าสำนัก
แม้ว่าจะสงสัยแต่ก็ทำได้แค่เก็บไว้ในใจไม่อาจจะแสดงมันออกมาได้
“ ทุกคนเหมือนจะสนใจ หากเป็นเช่นนั้นข้าจะไม่พูดไร้สาระอีก “ จางหยูหัวเราะออกมา “ ข้าจะเริ่มบรรยายแล้ว” ทันทีที่พูดจบจางหยูก็ได้ใช้ทักษะหลอกลวง คลื่นพลังแผ่ออกไปเป็นระลอกโดยมีจางหยูเป็นศูนย์กลาง กระจายไปทั่วทุกทิศทาง นี่ไม่ใช่พลังสร้างรึพลังจิต แม้ว่าจางหยูจะขึ้นมาเป็นกึ่งจ้าวโกลาหลแล้วแต่เขาก็ไม่อาจจะตัดสินได้ว่ามันเป็นพลังแบบไหน
จางหยูได้แต่เดาว่านี่คือพลังลึกลับที่เกิดขึ้นจากทักษะหลอกลวง มันเหมือนกับพลังจิต มันน่าจะเกี่ยวข้องกับจิต
แม้ว่าพลังนี้จะแผ่ออกไป แต่ผู้คนกลับไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อยราวกับว่าทุกอย่างยังปกติดี
“ โกลาหลทำให้เกิดกฎขึ้นมาและทำให้เราต้องทำความเข้าใจการสร้าง แล้วการสร้างคืออะไร ? การสร้างคือทุกอย่าง การสร้างคือโชคชะตา การสร้างเกิดขึ้นมาพร้อมกับโชคชะตาแต่ก็ไม่ได้อยู่ร่วมกับโชคชะตาของเรา “ เสียงของจางหยูดังก้องไปทั่วสำนัก ทุกคำพูดของเขาราวกับความจริงจากปากเทพ “ การสร้างได้ให้กำเนิดทุกสิ่ง ต้นตอของการพัฒนาการสร้างไม่มีต้นกำเนิด การสร้างไม่มีจุดจบ การสร้างนั้นมีไม่จำกัด…“
ความเข้าใจการสร้างของทุกคนนั้นต่างกันออกไป แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจยังไงเกี่ยวกับการสร้าง การสร้างก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะความคิดของพวกเขา
เสียงของจางหยูราวกับมีมนต์วิเศษ ตอนแรกผู้คนไม่ได้ใส่ใจ แต่เมื่อเสียงของจางหยูดังขึ้น มันก็ราวกับเส้นทางของโกลาหลได้ก่อตัวขึ้นมาในใจพวกเขา และสัมผัสกับจิตของพวกเขา มันราวกับเส้นทางแห่งความจริง เส้นทางแบบนี้คือความจริงที่ได้ประทับเข้าไปในจิตของพวกเขา
ภายใต้พลังของทักษะหลอกลวง ดูเหมือนว่าเสียงของจางหยูนี้จะทำให้ผู้คนได้เข้าใจแก่นแท้ของการสร้าง