บทที่ 201
ล้างบาง
เมื่อกลางคืนที่หนาวเหน็บผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์ก็ค่อยสาดส่องจากน่านฟ้าทางทิศตะวันออก อย่างช้าๆ แม้ว่าคณะเดินทางของหวงจิ้งเฟิงจะอ่อนล้าจากการเดินทางไกลหลายลี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะยั้งฝีเท้าลงเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าทันใดนั้นเองเสียงเกือกม้าจำนวนมากก็ดังขึ้นจากด้านหลังพวกเขา
“มาได้แค่นี้งั้นสินะ” หวงจิ้งเฟิงถอนหายใจ พลางเหลียวหลังมองกลุ่มคนที่ไล่ตามพวกเขามา ฝีเท้าของยอดอาชาจำนวนมากทำให้เกิดฝุ่นตลบปกคลุม บดบังทัศนวิสัยของคณะเดินทาง
“หวงจิ้งเฟิง วันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!” ลี่เฉิน ผู้บัญชาการทหาร พร้อมบุตรชายและกวนโป๋ผู้บัญชาทหารเฝ้าประตู ได้นำกองทหารส่วนหนึ่งปิดบังใบหน้าปลอมตัวเป็น กลุ่มโจรเพื่อลอบสังหารหวงจิ้งเฟิง
สาเหตุที่ลี่เฉินนำลูกชายออกปฏิบัติการในครั้งนี้ด้วยก็เพื่อให้เขามีโอกาสได้สร้างผลงานและความดีความชอบต่อหน้าพระพักตร์ขององค์จักรพรรดิ ลี่ตันที่เข้าใจจุดประสงค์ของผู้เป็นพ่อดีก็คว้าโอกาสนี้ไว้อย่างไม่ลังเล เขาสมทบกำลังกับกวนโป๋และติดตามบิดาของเขามา
“ตั้งกระบวนทัพ รับข้าศึก!” หวงจิ้งเฟิงที่ถูกล้อมหน้าล้อมหลัง ก็ไม่รอช้าสั่งการให้กองทหารของตนจัดกระบวนทัพเพื่อตั้งรับฝ่าข้าศึก เขารู้ดีว่าถึงขอความเมตตาจากพวกปิศาจในคราบมนุษย์อย่างพวกเขาไปก็ป่วยการ
“ขอรับ!” กลุ่มคนจากหลายตระกูลที่จงรักภักดีต่อ หวงจิ้งเฟิง พวกเขาต่างรู้ดีว่าหนทางข้างหน้าล้วนเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่พวกเขาก็ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับหวงจิ้งเฟิงอย่างไม่มีข้อแม้
“หวงจิ้งเฟิง! ก่อนตายเจ้ามีอะไรจะสั่งเสียก็รีบๆพูดมา”
ทันทีที่พูดจบประโยค เขาก็ชี้นิ้วสั่งให้กองทหารกระชับพื้นที่เข้าไป ลี่ตันและกองทหารของกวนโป๋ก็มุ่งทำลายรถม้าและทรัพย์สินของหวงจิ้งเฟิง
“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับคนอย่างเจ้า! ลี่เฉินอย่าคิดว่ากุมอำนาจทหารเอาไว้ในมือแล้วจะคิดทำอะไรตามอำเภอใจไปได้ตลอด” แม้จะมีวรยุทธ์แค่ระดับเทพยุทธ์ แต่ใบหน้าของหวงจิ้งเฟิงนั้นปราศจากความกลัว เขาใช้ฝ่ามือเบี่ยงคมหอกคมดาบของศัตรูประเดิมการโจมตีสวนกลับ
แม้การต่อสู้จะเปิดฉากขึ้น แต่ลี่เฉินยังคงนั่งอยู่บนอานม้า และจ้องมองการห้ำหั่นกันระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างเลือดเย็น
เคร้ง! เคร้ง!
แม้จะเสียเปรียบเรื่องจำนวนและอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ดวงตาของเหล่าผู้ติดตามหวงจิ้งเฟิงยังคงไม่ดับมอด พวกเขาฟาดฟันจนเหล่ากองทหารล้มลงทีละคนสองคน
“ชิ! อย่าได้ใจไปหน่อยเลย” ลี่ตันที่เห็นลูกไก่นำกำมือของเขาเริ่มปีกกล้าขาแข็ง ก็เริ่มมีน้ำโหขึ้นมา เขาชี้กระบี่และพุ่งตรงไปหาหวงจิ้งเฟิงอย่างรวดเร็ว
“คุ้มกันนายท่าน!” จอมยุทธ์ผู้ติดตามเปล่งเสียงพร้อมกัน จัดการกับศัตรูตรงหน้า ก่อนถอยเท้าเข้ามาคุ้มกันผู้เป็นนาย
ลี่ตันพลิกแพลงกลยุทธ์ ใช้เท้าเหยียบกระบี่ข้ามหัวผู้คุ้มกันเข้าหาเป้าหมาย แต่ทว่าทันใดนั้นเองจอมยุทธ์อีกคนก็เอาตัวมาขวางเอาไว้
ฉึกก!
“ไม่!!!!” หวงจิ้งเฟิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะใช้สองมือโอบอุ้มร่างของผู้ภักดีเอาไว้
“ท่านหวง! ถอยก่อนเถอะขอรับ ท่านหวง!”
“ข้าน้อย ขออนุญาตล่วงเกิน” จอมยุทธ์ผู้คุ้มกันเห็นหวงจิ้งเฟิงแน่นิ่งไม่ได้สติ จมดิ่งกับความโศกเศร้า ก็รีบสกัดจุดและพาตัวเขาถอยออกมา
เมื่อเวลาล่วงเลย ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ลี่เฉินที่ไม่ทำศึกยืดเยื้อก็ใช้วิชาตัวเบา เหาะเหินลงจากม้าพุ่งทะยานใส่หวงจิ้งเฟิงหวังปิดบัญชี
“จบแค่นี้แหละ!”
“ทุกท่านมากับข้า พวกเราสกุลเหวินจะไม่ยอมให้ใครมาย่ำยี!” แทนที่จะหนี หวงจิ้งเฟิงกลับชูดาบขึ้น ปลุกใจเหล่าบริวารและพุ่งใส่ผู้บัญชาการทหารด้วยความเด็ดเดี่ยว
“แม้ร่างต้องแหลกเหลว ก็ขอตายไปพร้อมกับศัตรู!”
ลี่เฉินเห็นดังนั้นก็อดแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมาไม่ได้ เขาเอนตัวถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปต่อหน้าต่อตาหวงจิ้งเฟิง ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหลังของพวกเขา
“แม้แต่วิชาตัวเบา วิชาพื้นฐานของผู้ฝึกยุทธ์เจ้ายังตามข้าไม่ทัน ยังจะกล้าสู้กับข้าอีกงั้นเรอะ! น่าขันสิ้นดี!” จบประโยค ลี่เฉินบิดฝ่ามือเป็นกรงเล็บทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าดุจพญาเหยี่ยว ก่อนชักมือกระโจนใส่หวงจิ้งเฟิงอย่างรวดเร็วปานสายลม
ด้วยระดับความเร็วของลี่เฉิน ทำให้เกิดลมหวนขนาดย่อมๆ แต่เท่านี้ก็เพียงพอให้หวงจิ้งเฟิงและเหล่าจอมยุทธ์ฝั่งตรงข้ามสูญเสียการทรงตัวแล้ว
“ไปลงนรกซะเถอะ!” ลี่เฉินคำรามเสียงดัง หมายขย้ำหัวของหวงจิ้งเฟิงด้วยกรงเล็บพญาเหยี่ยวของเขา
ทันใดนั้นเอง เสียงดังกึกก้องที่ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือน ก็ดังขึ้นจากขอบฟ้าทิศตะวันตก
เปรี้ยงงงงงงงงง!
ชั่วพริบตาที่เงาสีดำปรากฏ ร่างของลี่เฉินก็ถูกซัดกระเด็นออกไปไกล เสียงการโจมตีที่รุนแรงดุจฟ้าผ่า ทำให้ทุกคนในที่นั้นต้องเอามือปิดหูของตัวเองไว้แน่น
ลมหวนที่ก่อตัวขึ้นด้วยความเร็วของลี่เฉิน ก็พลันสลายตัวไป
“พรวดดดดด” ลี่เฉินที่ปลิวออกไปไกล ก็กระอักเลือดออกมา ก่อนที่เขาจะรีบนั่งเดินลมปราณเพื่อฟื้นพลัง
“แก! แกเป็นใครกันแน่!?” ลี่เฉินเอ่ยปากถามด้วยความตระหนก
“ข้าคือประมุขแห่งอารามวิถีสวรรค์ กองทหารของเจ้าใช้คนมากรังแกคนน้อย เพิกเฉยต่อการมีตัวตนของข้า สมควรถูกกำจัด!” ทันทีที่พูดจบประโยค เย่เย่ก็สยายปีกบินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือหัวลี่เฉิน และใช้ฝ่ามือยิงสายฟ้าสีม่วงใส่กองทหารอย่างไม่ยั้งมือ
ตู้มม ตู้มมมม ตู้มมมมมมมม!
การโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งของเย่เย่ ทำให้กองทหารหวางตู้หายไปกว่าครึ่ง ด้วยอานุภาพทำลายล้างของสายฟ้าสีม่วงทำให้ร่างของพวกทหารสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“บ้าน่า!”
“ได้โปรดเมตตาข้าน้อยด้วยเถอะ!”
เหตุการณ์ล่มสลายของเหล่าเจ็ดขุนพลยังคงตราตรึง เหล่ากองทหารที่ขวัญหนีดีฝ่อต่างคุกเข่าลงขอความปรานีจาก เย่เย่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่เย่เย่ในชุดเกราะดำลึกลับนั้นไม่ต่างอะไรกับเทวทูตแห่งความตาย เขาคร่าชีวิตพวกทหารชั่วอย่างไร้ความปรานี ทุกครั้งที่แสงสีม่วงปรากฏ หลายชีวิตสูญสิ้น ไม่นานนักพื้นถนนก็เต็มไปด้วยหลุมบ่อจำนวนมากจากพลังทำลายล้างของสายฟ้าสีม่วง
“ปิศาจ ปิศาจชัดๆ” ลี่เฉินที่เห็นกองทหารของตนถูกกวาดล้างในชั่วพริบตา ก็เริ่มพูดออกมาอย่างไม่เป็นศัพท์ ก่อนที่เขาจะหยุดเดินพลังปราณและฉวยโอกาสที่เย่เย่หันหลังให้หลบหนีไป
“ท่านพ่อ อยู่ช่วยข้าก่อน!”
“ท่านลี่ ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย!”
แม้ลี่ตันและกวนโป๋จะพยายามร้องเรียก แต่ลี่เฉินก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เขายังคงเร่งฝีเท้าเพื่อกลับไปยังหวางตู้ให้เร็วที่สุด
“เหอะ! คิดว่าจะหนีข้าพ้นงั้นรึ?”
ดวงตาของเย่เย่ฉายแววความเลือดเย็นดุจปิศาจร้าย เขาปล่อยให้ศัตรูหนีไปสักระยะหนึ่ง ก่อนที่จะบิดฝ่ามือเป็นกรงเล็บที่อัดแน่นด้วยพลังของสายฟ้า พุ่งใส่ศัตรูด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับระดับก้าวสวรรค์
ตู้มมมมมมมม!
ร่างของลี่เฉินถูกกรงเล็บทะลวงจนเป็นรูกลวงโบ๋ที่กลางอก ก่อนที่สังขารจะค่อยๆกลายเป็นเถ้าธุลีและสลายหายไปในอากาศในที่สุด…
Related