บทที่ 204
สืบความ
“พญางูเขียวเจตนาชัดเจน ไม่ปิดบัง เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจละนะ!” เย่เย่สืบเท้าเข้าหาหยินจื่อ และพูดขึ้นอย่างปราศจากความกลัว
แม้พญางูเขียวจะมีลางสังหรณ์แปลกๆ แต่เมื่อเห็นจำนวนลูกสมุนที่รายล้อมเย่เย่อยู่เขาก็วางใจ
“เหอะ ทั่วทั้งยุทธภพล้วนเป็นศัตรู เหตุใดข้ายังต้องเอ่ยปากถามเจตนาของพวกเจ้าอีกล่ะ วันนี้ข้าจะทำให้จอมยุทธ์อย่างเจ้าได้รู้ซึ้งถึงผลลัพธ์ของการมาเหยียบในถิ่นของข้า!” หยินจื่อหมดความอดทนที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเย่เย่ เขาสบัดมือสั่งให้ลูกสมุนของเขาเปิดฉากการโจมตีในทันที
เหล่าบริวารที่อยู่ใต้อาณัติของพญางูเขียวกระโจนเข้าหาเย่เย่อย่างกระหายเลือด มีเพียงบางส่วนที่พุ่งเข้าหาลู่จุ้นและกู๋จื่อเช่า
แม้ศัตรูจำนวนมากจะพุ่งโจมตีจากทุกทิศทุกทาง เย่เย่ก็ยังคงสงบใจ ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ในขณะที่ทั้งสองที่วรยุทธ์ด้อยกว่าถอยหลังออกไปตั้งรับ
“ข้าจะรอดูว่าพวกเจ้าจะต้านสมุนของข้าได้สักกี่น้ำกันเชียว” หยินจื่อที่เห็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งความยำเกรงของจอมยุทธ์ทั้งสาม เขาก็รู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาต้องตกตะลึง
เย่เย่โคจรลมปราณไปทั่วร่าง ก่อนจะอัดพลังปราณจากภายในสู่ภายนอก สบัดฝ่ามือเบาๆเหล่ากองโจรก็กระเด็นออกไปคนละทิศคนละทาง
ตู้มมมมมมมมมมมม!
“อั่กกกกก”
สมุนของพญางูเขียวล้มลงกับพื้น และร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาทุกคนก็ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก แม้ว่าหยินจื่อจะออกคำสั่งกับพวกเขา ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปโจมตีเย่เย่อย่างสุ่มสี่สุ่มห้าอีก
กลุ่มโจรที่ไล่ตามลุ่จุ้นและกู๋จื่อเช่าก็พะว้าหน้าพะวงหลัง ยั้งเท้าลงอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งสองจอมยุทธ์ฉวยโอกาสนี้ในการตอบโต้สวนกลับ
เปรี้ยงง เปรี้ยงงง!
เหล่าโจรชั่วสิ้นท่าภายในไม่กี่กระบวน เหลือเพียงจอมยุทธ์ทั้งสาม และพญางูเขียวหยินจื่อที่นั้นที่ยังคงยืนอยู่
“ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ” เมื่อเห็นเหล่าสมุนพ่ายแพ้อย่างหมดรูป พญางูเขียวแห่งเขตประจิมก็ไม่ลังเลที่จะละทิ้งศักดิ์ศรี คุกเข่าลงขอขมาต่อหน้าเย่เย่ด้วยน้ำเสียงสลด
บริวารของพญางูเขียวเองก็ไม่รอช้า ลุกขึ้นคุกเข่าตามผู้เป็นนาย
“ได้โปรดไว้ชีวิต ให้โอกาสพวกเราทำคุณไถ่โทษด้วยเถอะ”
คนเหล่านี้เกลือกกลั้วกับเรื่องผิดศีลธรรมมานับทศวรรษ พวกเขาติดตามพญางูเขียวมาหลายปีดีดักก่อกรรมทำเข็ญมาไม่น้อย แม้พวกเขาจะมีสีหน้าที่รู้สึกผิดแต่เย่เย่ก็ยังไม่วางใจ
“เอาล่ะๆ ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่มีเวลามานั่งฟังพวกเจ้าอ้อนวอนทั้งวันทั้งคืนหรอกนะ วันนี้ข้ามาเพื่อหาตัวการคนที่ขโมยเงินของน้องชายผู้นี้ไป วันก่อนน้องชายผู้นี้เดินทางเข้าหวางตู้มาจากประตูตะวันตกผ่านเขตของเจ้า หากเจ้ารู้เห็นเป็นใจในเรื่องนี้ล่ะก็ส่งเงินคืนมาซะ มิเช่นนั้นข้าเกรงว่าพรรคงูเขียวที่โด่งดังจะเหลือแค่ชื่อ!” ทันทีที่พูดจบ เย่เย่พลิกฝ่ามือใช้ลมปราณบดขยี้โต๊ะหินอ่อนจนแตกเป็นเสี่ยงๆต่อหน้าเหล่าโจรชั่ว
ใบหน้าของหยินซื่อและพรรคพวกต่างซีดเผือดลงอย่างฉับพลัน ไม่ว่าพวกเขาจะใหญ่มาจากไหน แต่พวกเขาก็ต้องยำเกรงให้กับพลังอำนาจของเย่เย่ หากพวกเขาคิดขัดขืน จุดจบคงไม่ต่างจากโต๊ะหินอ่อนนั้นมากนัก
“เถ้าแก่เย่ โปรดวางใจ ไม่ว่าคนที่ทำขโมยเงินของน้องชายท่านจะเป็นคนของข้ารึไม่ ข้าจะลากคอมันมาให้ท่าน แต่ให้เวลาข้าสอบปากคำคนของข้าสักหน่อย ดังนั้นได้โปรดเชิญท่านนั่งจิบน้ำชารอข้าไปพลางๆก่อน” หลังจากได้ยินปณิธานของเย่เย่ พญางูเขียวหยินจื่อก็กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ก่อนกล่าวขึ้นกับเย่เย่โดยเอาศักดิ์ศรีของตนเป็นเดิมพัน
เนื่องจากกองโจรของพวกเขาทำเรื่องชั่วช้าสามานย์มามาก ทำให้ทีแรกหยินจื่อคิดว่าเย่เย่มาเพื่อชำระแค้น แต่เมื่อได้ยินว่าเย่เย่มาตามหาคน เขาก็รู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก
“ให้ไว ข้าให้เวลาเจ้า 2 ชั่วยาม”
แม้ว่าหยินจื่อจะไม่กล้าตลบแตลงกับเย่เย่ แต่หากคนร้ายที่เย่เย่ตามหาเป็นคนของเขา เขาก็สองจิตสองใจ
แม้ว่าจะมีคำกล่าวที่ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร แต่สมุนของพญางูเขียวกลับจงรักภักดิ์ดีต่อผู้เป็นนาย และผู้เป็นนายเองก็เคยสาบานว่าจะปกป้องพวกเขาไว้ด้วยชีวิต หากส่งคนผู้นั้นให้กับ เย่เย่แล้วจะถือว่าผิดคำสาบานและจะส่งผลต่ออำนาจชื่อเสียงของเขาในอนาคต แต่หากไม่ส่งคนให้เย่เย่ก็จะไม่สามารถปกป้องคนหมู่มากเอาไว้ได้ การตัดสินใจที่เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของพรรคนั้นทำให้หยินจื่อลำบากใจอยู่ไม่น้อย
“รวมพล!” ในขณะที่เย่เย่กับพรรคพวกกำลังจิบชาอยู่นั้น หยินจื่อก็เรียกพรรคพวกของเขาที่เหลืออกมาเพื่อสอบปากคำ กำลังคนของพวกเขาในตอนนี้มีมากกว่าตอนที่ปิดล้อมเย่เย่ในตอนแรกถึงสองเท่า เมื่อทุกคนรวมตัวกันครบพญางูเขียวไม่พูดพร่ำทำเพลงเริ่มสอบสวนคนในพรรคในทันที
เมื่อเวลาผ่านไป 1 ชั่วยาม
“ท่านเย่ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของข้าอย่างที่ท่านว่ามา ตะ แต่ข้าไม่รู้เรื่องด้วยนะ เขาขโมยเงินโดยที่ไม่ได้มารายงานข้า” หลังจากสอบสวนเสร็จ หลินจื่อก็ลากตัวโจรหนุ่มมาให้เย่เย่
ทันทีที่กู๋จื่อเช่าเห็นใบหน้าของโจรหนุ่ม ความทรงจำในวันก่อนก็แว้บเข้ามาในหัว
“เป็นเจ้า! เอาตั๋วทองข้าคืนมานะ!” กู๋จื่อชี้หน้าด่าทอด้วยความโกรธ
โจรหนุ่มผู้นี้มีนามว่า เจี้งเสี่ยวเขาเพิ่งบรรลุนิติภาวะและเข้าร่วมกับพรรคงูเขียวได้ไม่นาน วันก่อนเขาสังเกตเห็นท่าทีที่งุ่มง่ามของกู๋จื่อเช่าจึงแอบตามเขาไปที่โรงเตี๊ยมก่อนชิงตั๋วทองในขณะที่เหยื่อหลับ
เย่เย่ชายตามองเจิ้งเสี่ยวด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก ทำให้โจรหนุ่มรู้สึกกระวนกระวายราวกับถูกจับตามองอยู่ตลอดเวลา ความรักตัวกลัวตายนั้นทำให้เขายอมรับสารภาพแต่โดยดี
“ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยไม่ทราบมาก่อนเลยว่าชายผู้นี้จะเป็นน้องชายของท่าน หากข้าน้อยรู้ฐานะของเขาต่อให้มีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใดข้าน้อยก็ไม่มีวันแตะต้องเขาแม้แต่ปลายเล็บแน่! นี่คือตั๋วทองที่ข้าน้อยบังอาจชิงมาเมื่อวาน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถอะ!”
เมื่อได้ยินเจิ้งเสี่ยวสารภาพออกมาอย่างหมดเปลือก พญางูเขียวหยินจื่อก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แม้เจิ้งเสี่ยวจะถือเป็นสมาชิกพรรคที่เพิ่งเข้าร่วมมาได้ไม่นาน แต่เขาเองก็ละเมิดกฎพรรคชิงของมีค่ามาโดยที่ไม่แจ้งให้เขาทราบ ทำให้มีโทษถูกขับออกจากพรรคในทันที ดังนั้นการส่งตัวเจิ้งเสี่ยวให้เย่เย่ก็ไม่ถือว่าผิดต่อคำสาบาน…
Related