บทที่ 21
การแข่งขัน
อย่างไรก็ตาม มีเพียงแค่เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่อยู่ในระดับแข็งแกร่งแล้วเท่านั้นที่ต้องการยาควบแน่นจิตวิญญาณนี้ เพราะจ้าววรยุทธ์ระดับอื่นหากซื้อไปก็เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงถึง 90,000 เหรียญทองนี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาๆจะเอื้อมถึงได้ง่ายๆแล้วด้วย หรือต่อให้เป็นระดับจ้าววรยุทธ์ที่เก่งกล้าเองก็ยังต้องรู้สึกหนักใจไม่น้อยเลย กระนั้นแล้วราคาจึงยังสูงขึ้นเรื่อยๆแต่ในขณะเดียวกันก็สูงขึ้นอย่างช้าลงเช่นกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้ายังไงขอให้สิ่งนี้เป็นของข้า เย่หู ผู้นี้ก็แล้วกัน ทุกท่านที่ยอมแพ้ในการประมูล ข้าจะขอขอบคุณพวกท่านและจารึกลงไปในใจถึงความมีเมตตาตราบนานเท่านาน!”
เย่เย่หันมองตามเสียงด้วยความประหลาดใจ แต่ภายใต้ความประหลาดใจนั้นเขาก็รู้จักชายเจ้าของเสียงนั้นดีอยู่แล้ว ซึ่งคนคนนั้นคือ เย่หู จ้าววรยุทธ์เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเย่นอกจากเย่เย่และเย่เทียนที่เพิ่งจะเป็นจ้าววรยุทธ์ได้ไม่นาน
เย่หูคือพี่ชายของเย่เซียง แต่ถึงอย่างนั้นนิสัยใจคอของเขาและเย่เซียงกลับต่างกันเอาเสียมากๆ ในขณะที่เย่เซียงจะมีนิสัยชอบทะเลาะวิวาทและร้อนรุ่มดั่งไฟ แต่เย่หูกลับรักในการฝึกฝนตนเองจนกระทั่งเขากลายเป็นคนของตระกูลเย่คนแรกที่บรรลุเป็นจ้าววรยุทธ์ได้ก่อนที่หลินหยูฉีจะเข้ามาในตระกูลและแสดงศักยภาพราวกับอัจฉริยะกลับชาติมาเกิด
เขาเข้าไปเป็นศิษย์ของอารามจ้าววรยุทธ์เมื่อหลายปีมาแล้ว เพราะฉะนั้นในตอนนี้เย่หูจึงมีลำดับขั้นเป็นศิษย์ชั้นสูงของอารามจ้าววรยุทธ์นี้ หากจะมีใครในตระกูลเย่ที่ทำให้ หลินหยูฉีต้องจับตามอง เห็นทีก็คงจะมีแต่เย่หูนี่แหละ
ตั้งแต่เข้าเป็นศิษย์แห่งอารามจ้าววรยุทธ์เย่หูก็ดำดิ่งลงไปอยู่กับการฝึกฝนตนเองและไม่ได้ติดต่อกับตระกูลเย่อีกเลย ซึ่งมันทำให้เขาสามารถเข้าใกล้การเป็นเทพยุทธ์มากๆแล้วในตอนนี้ การที่เขาอยู่ที่นี่ ณ ปัจจุบันนี้นั่นก็เพื่อที่จะได้มาซึ่งยาควบแน่นจิตวิญญาณขวดนี้ เขายอมถึงกับแสดงความร้อนรุ่มใจและด้านที่ดูแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ยากจนไม่ว่าใครต่างก็รับรู้ได้ว่าคนคนนี้กำลังจะบรรลุเทพยุทธ์ได้ในเร็วๆนี้แน่ๆ
“นั่นมัน เย่หู มังกรหลับแห่งตระกูลเย่นี่!”
“ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ขั้นสูงของอารามจ้าววรยุทธ์แล้ว ข้าไม่อยากจะเป็นศัตรูกับเขาเลย งั้นข้ายอม!”
“ใช่ๆ ถึงแม้ว่าตระกูลเย่จะไม่มีอะไรน่ากลัว แต่อารามจ้าววรยุทธ์น่ะลำพังความแข็งแกร่งของพวกเรากดไม่ลงหรอก!”
หลังจากที่เย่หูประกาศก้องออกมาเช่นนั้นแล้ว หลายๆคนก็เริ่มที่จะปรึกษากันเองแล้ว และทิศทางของคำตอบนั้นเหมือนจะไปในทิศทางเดียวกันหมดนั่นก็คือไม่มีใครอยากจะมีเรื่องกับอารามจ้าววรยุทธ์ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งใจจะหยุดประมูลกัน
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นจ้าววรยุทธ์ที่อยู่ในสำนักต่างๆก็จริง แต่สำนักเหล่านั้นล้วนเทียบไม่ได้เลยกับอารามจ้าววรยุทธ์ที่เป็นใหญ่ในแผ่นดินเฟิงเจิ้นนี้ หนำซ้ำเย่หูยังเป็นคนที่เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงในอารามจ้าววรยุทธ์อีกด้วย มันก็ยิ่งทำให้คนที่กล้ายืนหยัดต่อหน้าเขานั้นมีน้อยลงไปอีก
เย่เย่ที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็เดาได้เลยว่าเย่หูคงใกล้จะได้เป็นเทพยุทธ์แล้วจึงได้สนใจที่จะประมูลยาควบแน่นจิตวิญญาณขวดนี้ให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม และเมื่อเห็นดังนั้นแล้ว เย่เย่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายเสนอราคาต่อ จุดประสงค์ของเขานั้นไม่ใช่เพื่อจะชิงเอายานี่คืนมา หากแต่เป็นเพราะราคามันยังไปต่อได้ต่างหาก
“พวกเจ้าจะเลิกกันเหรอ? งั้นข้าต่อนะ ข้าให้ 95,000 เหรียญทองเลย!”
ในขณะที่เหล่าจ้าววรยุทธ์ทั่วทั้งโถงประมูลเริ่มเงียบกัน เย่เย่ก็เอ่ยราคาขึ้นมาโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่เย่หูพูดไว้ก่อนหน้าเลย สิ่งเดียวที่เย่เย่กลัวในตอนนี้ คือการที่เย่หูไม่สู้ราคาต่อมากกว่าเย่หูหันมาสู้กับเขาแทนเสียอีก และเพราะความกลัวนี้มันเลยทำให้เย่เย่ขยับราคาขึ้นทีละนิดละหน่อยแทน ไม่อย่างงั้นมีหวังได้ซื้อของของตัวเองในราคาแพงหูฉีกแบบนี้แน่ๆ
ยามที่เสียงของเย่เย่เงียบลง ทุกสายตาที่อยู่ภายในโถงประมูลก็หันมามองเย่เย่เป็นสายตาเดียวกัน รวมไปถึงเย่หูด้วย
ถึงจะไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายปี แต่พวกเขาต่างก็เป็นเด็กๆตระกูลเย่เหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเย่หูจะจำเย่เย่ได้ตั้งแต่เมื่อแรกเห็น เหตุผลที่เขาออกจากตระกูลในครั้งนั้นนอกจากจะเพื่อเป็นจ้าววรยุทธ์แล้ว เย่เย่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกที่จะออกมา
แม้เย่หูจะหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝนซ้ำแล้วซ้ำแล้วและดูเหมือนจะไม่สนใจอำนาจใดๆในตระกูล กระนั้นเขาก็ยังเป็นลูกชายของเย่เฉินหนานและเป็นพี่ชายของเย่เซียง ครั้นเมื่อตอนที่เขาฝึกวิชาอยู่ภายในอารามจ้าววรยุทธ์นั้น เขาได้ยินมาว่าเย่เซียงถูกเย่เย่ทำให้กลายเป็นคนไร้ความสามารถรวมไปถึงเย่เฉินหนานยังถูกถอดยศจากเย่เทียนเนื่องจากหันเขี้ยวเล็บใส่อีกด้วย เรื่องพวกนี้ทำให้เย่หูไม่สามารถนิ่งเฉยได้ เขาจึงวางแผนที่จะกลับไปยังบ้านตระกูลเย่และช่วยเหลือครอบครัวของเขา
ไม่ว่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามว่าเย่เซียงและเย่เฉินหนานทำอะไรไว้และต้องรับผลอย่างไร ในเมื่อเขานั้นก็เป็นลูกและเป็นพี่ ดังนั้นการที่ปล่อยให้ทั้ง 2 คนนี้ต้องเผชิญกับความเป็นความตายโดยไม่เหลียวแลคงจะใจร้ายไปเสียหน่อย
ทว่าเย่หูไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้เจอเย่เย่ที่นี่ ซึ่งในขณะที่ทั้งสองกำลังมองหน้ากันเองนั้น บรรยากาศโดยรอบก็เหมือนจะมีกระแสไฟฟ้าที่ช็อตกันอยู่จนทุกๆคนต่างรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ตอนนี้
“ฮึๆๆ น่าสนใจ เด็กๆจากตระกูลเย่กำลังสู้กันเองแบบนี้หาดูได้ยาก ตอนแรกข้าว่าจะรอซื้อยาควบแน่นจิตวิญญาณนี่ก่อนที่งานประมูลจะจบ แต่ดูเหมือนศึกนี้ไม่มีข้าคงไม่สนุกเสียแล้ว!”
ในขณะที่ทั้งโถงประมูลนั้นกำลังเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศอึมครึมของสองหนุ่มที่ปะทะสายตากันอยู่นั้นเอง หลี่เฉียนก็สังเกตการณ์ทุกอย่างอยู่ในความแออัดของผู้คนนี้ด้วยพร้อมกับรอยยิ้มนึกสนุกบนใบหน้า
ก่อนที่เย่หูหรือเย่เย่จะได้เสนอราคาต่อ หลี่เฉียนก็ยืนขึ้นและมองไปยังเวทีประมูลก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความโอหัง “ข้าให้ 95,0100 เลย ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งของของข้าไปแน่ๆ ด้วยเกียรติของท่านอาจารย์ของข้าอย่างท่านหลี่ชวน ผู้ยิ่งใหญ่แห่งอารามจ้าววรยุทธ์เลย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะต้องเป็นผู้ครอบครองยาควบแน่นจิตวิญญาณนี่ให้ได้ เช่นนั้นแล้วหากพวกท่านยังมีจิตใจกล้าแกร่งอยากจะต่อราคาข้าก็เชิญ!”
คำพูดของหลี่เฉียนนั้นทำเอาเหล่าจ้าววรยุทธ์ที่อยู่ภายในโถงประมูลนี้ถึงกับขมวดคิ้วและโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนเป็นไฟกันหมด แต่ด้วยการที่หลี่เฉียนนำชื่อของอารามจ้าววรยุทธ์มาพูด มันจึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะต่อราคาเขาจริงๆ ซึ่งดูคนจะกลัวเขาเสียยิ่งกว่าเย่หูที่เป็นศิษย์ขั้นสูงของอารามจ้าววรยุทธ์เสียอีก ตอนนี้มันกลายเป็นว่าพวกเขาต่างหันไปมองยังเย่เย่และเย่หูแทนเพื่อหวังว่าจะให้ทั้งสองคนนี้สู้เพื่อพวกเขา สู้เพื่อไม่ให้ยาขวดนี้ตกไปอยู่ในมือของปีศาจร้ายแห่งอารามจ้าววรยุทธ์นี้ได้!
เย่หูมองหลี่เฉียนพร้อมกับขมวดคิ้ว สำหรับเขานั้นความอยากจะก้าวขึ้นเป็นเทพยุทธ์มันสูงกว่าความกลัวในพลังของอาจารย์หลี่เฉียนอยู่มากนัก ดังนั้นแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรที่ตัดสินใจยาก เย่หูสลัดความลังเลเพียงน้อยนิดนั้นออกไปก่อนจะเสนอราคาอีกครั้ง “หลี่เฉียน แม้คนอื่นจะเกรงกลัวในตัวเจ้า แต่คนอื่นนั้นหาใช่ข้า! 96,000 เหรียญทอง!”
“หน็อย เจ้า!”
การโดนเย่หูเกทับเช่นนี้ทำเอาหลี่เฉียนโกรธมากๆ และในจังหวะที่เขาเตรียมจะข่มขู่เย่หูนั้นเอง เย่เย่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งก็นึกคึกไม่ยอมแพ้ต่อหลี่เฉียนเช่นกัน
“97,000 เหรียญทอง! ถ้าคิดว่าแน่จริงก็เชิญ!”
หลังจากที่เย่เย่เพิ่มราคาไปเขาก็นั่งลงและทำตัวไม่แยแสต่อไฟโมโหที่เริ่มครุกรุ่น
“98,000 เหรียญทอง!”
เย่หูกัดฟันเพิ่มราคาให้สูงขึ้นอีกครั้งซึ่งทำให้บรรยากาศภายในที่แห่งนี้ตึงเครียดขึ้นไปอีก
เฟิงเซียนซีเองก็รับรู้ได้ถึงไฟโกรธของผู้ร่วมประมูลกลุ่มนี้ อันที่จริงราคาประมูลของยาควบแน่นจิตวิญญาณ ณ ตอนนี้ก็ทำให้นางภูมิใจมากๆแล้ว และนางก็เชื่อว่าการที่ราคามันสูงได้ถึงขนาดนี้ก็อยู่ในการคำนวณของเย่เย่แล้วเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เขาถึงลงมาดูการประมูลด้วยตนเอง
ราคามันสูงมากแล้ว เพราะงั้นยามที่ได้ยินเย่หูเสนอราคานั้นมา เย่เย่จึงเริ่มรู้สึกกดดันและตัดสินใจยอมแพ้การประมูลหลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
หลี่เฉียนที่เห็นดังนั้นก็แสยะยิ้มอย่างเย้ยหยั่นก่อนจะกลับมาให้ความสนใจแก่เย่หูแทน “98,100 เหรียญทอง! มาดูซิว่าเจ้าจะทนได้อีกซักแค่ไหน!”
แววตาของเย่หูดูหงุดหงิดกับหลี่เฉียนไม่น้อย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้ ดังนั้นแล้วเขาจึงเสนอราคามาอีกครั้ง
“99,000 เหรียญทอง!
“99,100 เหรียญทอง!”
“100,000 เหรียญทอง!”
เมื่อเย่หูเอ่ยราคา 100,000 เหรียญทองออกมา สีหน้าของหลี่เฉียนก็ดูเลิ่กลั่กขึ้นมาทันที
แต่เดิมแล้วเป้าหมายของเขาจริงๆก็คือมาซื้อโสมราชาที่ควรจะเป็นอย่างสุดท้ายที่ถูกนำประมูลแท้ๆ แต่นี่มันไม่คาดคิดเลยจริงๆว่าตัวเขาจะดันมาเจอยาควบแน่นจิตวิญญาณระดับสูงที่เขาต้องการมากๆแบบนี้เสียก่อน เขาตั้งใจจะหันมาซื้อสิ่งนี้แทนทว่าราคาของมันนั้นกลับสูงเหนือความคาดหมายเขาเอาเสียมากๆ ต่อให้ทุนทรัพย์เขาหนาขนาดไหน แต่ถ้าหากยังดึงดันสู้ราคากับเย่หูต่อไป และในท้ายที่สุดเขาจะได้ยาควบแน่นจิตวิญญาณมาก็ตาม เขาต้องไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้อโสมราชาแน่ๆ
หลังจากที่ครุ่นคิดถึงหลักเหตุและผล หลี่เฉียนเองก็ตัดสินใจยอมแพ้ให้กับราคาของยาควบแน่นจิตวิญญาณในรอบนี้และเก็บเงินไว้ประมูลโสมราชาที่เตรียมจะนำประมูลเป็นอย่างต่อไปแทน อย่างไรก็ตามแม้จะปล่อยผ่านยาควบแน่นจิตวิญญาณไปแล้ว แต่หลี่เฉียนก็ใช่ว่าจะไม่โกรธแค้นอะไรเย่หู เขาเลือกที่จะเก็บความแค้นนี้ไว้จัดการทีหลังแทน!
ทันทีที่หลี่เฉียนยอมแพ้การประมูลและนั่งลง เฟิงเซียนซีก็รีบประกาศให้เย่หูเป็นผู้ชนะการประมูลยาควบแน่นจิตวิญญาณไปในราคา 100,000 เหรียญทองทันที ซึ่งหลังจากเสียงประกาศนี้ทั่วทั้งโถงประมูลก็เกิดเสียงครึกโครมขึ้นอีกครั้ง
นั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าขนาดสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งสุดท้ายของการประมูล ยังสามารถถูกประมูลไปถึง 100,000 เหรียญทองแบบนี้ ยิ่งท่ามกลางคนเหล่านี้มีเหล่าผู้ที่เพิ่งมางานประมูลครั้งแรกปะปนอยู่ด้วย สิ่งนี้มันทำให้คนเหล่านี้ถึงกับตกใจไปตามๆกันจนเกือบจะล้มเลิกความคิดที่จะอยู่ประมูลของชิ้นต่อไปไปแล้ว
ด้วยบรรยากาศของโถงประมูลที่ระอุไปด้วยความร้อนรุ่มนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเฟิงเซียนซีมันก็ยิ่งสดใสมากขึ้นเท่านั้น นั่นก็เพราะในตอนนี้ มันถึงเวลาของสิ่งประมูลสิ่งสุดท้ายแล้ว นั่นก็คือ โสมราชาที่ถูกนำขึ้นมาบนเวทีประมูลแทบจะทันที
“นี่คือสิ่งสุดท้ายสำหรับงานประมูลในครั้งนี้แล้ว โสมราชา! มีคุณสมบัติในการเพิ่มพลังกายให้แก่เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่ทานมันเข้าไปโดยไม่มีผลข้างเคียง! และแม้ว่าโสมราชาต้นนี้จะยังต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะแก่ แต่ก็ถือว่าเพียงพอแล้วต่อจ้าววรยุทธ์ ราคาเริ่มต้นเปิดที่ 70,000 เหรียญทอง ดังนั้น…การประมูล เริ่มได้!”
เฟิงเซียนซีไม่ได้เอ่ยกล่าวถึงคุณสมบัติรวมถึงที่มาของโสมราชานี้มากนัก นั่นเพราะนางเชื่อว่าคนส่วนใหญ่นั้นรู้เรื่องเกี่ยวกับโสมราชานี่ดีกันอยู่แล้ว
ถึงแม้ว่าโสมราชานี้จะไม่ได้ช่วยให้วรยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นโดยตรง แต่มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งทางกำลังกายได้ในทันที นอกจากนั้นแล้วมันยังถือเป็นพืชที่หาได้ยากชนิดหนึ่งบนโลกใบนี้อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ เหล่าจ้าววรยุทธ์ที่ต้องการโสมราชานี้ ส่วนใหญ่ต่างก็เป็นผู้ที่มีวรยุทธ์แก่กล้าแต่ขาดกำลังกายที่กล้าแกร่งกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้เองมันจึงทำให้พวกเขาต้องการที่จะได้โสมราชานี้ไป อะไรก็ตามที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ เงินก็ไม่ใช่ปัญหา เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาแข็งแกร่งขึ้นได้ เขาจะหาเงินอีกเท่าไหร่ก็ได้
เหตุนี้เอง หลังจากที่เฟิงเซียนซีประกาศเปิดการประมูลโสมราชาแล้ว เหล่าผู้ประมูลที่เล็งไว้ต่างก็เริ่มเสนอราคาขึ้นมาทันที ความคึกคักนี้เองที่ทำให้บรรยากาศภายในโถงประมูลดุเดือดขึ้นมาอีกครั้ง
“75,000 เหรียญทอง!”
“มีปัญญาแค่นั้นก็เก็บเงินไว้รักษาตัวเองเถอะ! 80,000 เหรียญทอง!”
“จะ 8 หมื่นหรือ 7 หมื่นก็เท่ากันนั่นแหละ เจอนี่ 90,000 เหรียญทอง! มีใครอยากจะมีปัญหากับข้าหรือเปล่า!”
“มีแค่นั้นก็อย่าลำพองตัวน่า ข้าให้ 100,000 เหรียญทองเลย!”
พริบตาเดียวเท่านั้น โสมราชาชิ้นนี้ก็มีราคาสูงถึง 100,000 เหรียญทองแล้ว และดูท่ามันจะยังคงขึ้นเรื่อยๆอย่างรวดเร็วด้วย
ถึงแม้ว่าโสมราชาที่ถูกนำมาประมูลนี้จะยังอ่อนไปนิดหนึ่ง แต่เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับจ้าววรยุทธ์ ยังไงเสียโสมราชาก็เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าสำหรับการฝึกวรยุทธ์อยู่ดี ดังนั้นแล้วราคาของมันจึงสามารถเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆเกินกว่าที่คนคนหนึ่งจะคาดคิดได้
เย่เย่มองเหล่าผู้คนที่พากันประมูลราคาของสิ่งนี้ด้วยความครึกครื้นและแออัด โดยที่ตัวเขาก็แอบลังเลด้วยว่าจะประมูลดีหรือเปล่า
แม้ประสบการณ์ของเขานั้นจะค่อนข้างเยอะแล้ว แถมตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากจะใช้โสมราชาเร็วๆนี้ แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาสามารถทำให้โสมราชานี้แก่ขึ้นได้ด้วยพลังของแอปแลกเปลี่ยนครอบจักรวาล ซึ่งนั่นหมายถึงเขาสามารถทำให้มูลค่าของมันสูงขึ้นได้ มันเลยทำให้เย่เย่เกิดอยากร่วมประมูลด้วยขึ้นมาทีละนิดๆแล้ว
เมื่อโสมราชานี่แก่ได้ที่แล้ว เป็นไปได้ว่ามูลค่าของมันจะสูงกว่าที่มันเป็นอยู่ตอนนี้อีกหลายเท่าเลย หากเย่เย่ยอมลงทุนเพื่อให้ได้มันมา แล้วนำมาเร่งอายุ ยามที่นำไปขายต่อจะต้องได้เงินก้อนใหญ่แน่ๆ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าได้อย่างมากเลย
แม้ในตอนแรกจุดประสงค์ของเย่เย่ก็คือการขายยาควบแน่นจิตวิญญาณเพื่อที่จะนำไปแลกยาจิตวิญญาณแห่งสวรรค์และก้าวเข้าสู่การเป็นเทพยุทธ์ต่อ แต่การที่จะไปต่อในแผนนี้เขาจำเป็นต้องใช้เหรียญจักรวาลจำนวนมหาศาลมากๆ
อันดับแรก กระบวนท่ากลืนสวรรค์นั้นเหมาะสมกับแค่ระดับจ้าววรยุทธ์เท่านั้น หากเมื่อไหร่ที่เขาก้าวขึ้นเป็นเทพยุทธ์ได้ ราคาของกลืนสวรรค์ก็จะสูงขึ้นในระดับที่เริ่มแพง
อันดับที่สอง กระบวนท่าอสรพิษคืบคลานของเย่เย่นั้นถึงขีดจำกัดแล้ว เมื่อไหร่ที่เขาขึ้นเป็นเทพยุทธ์ได้ เขาคงจะต้องเปลี่ยนกระบวนท่าฝึกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์และความแข็งแกร่งที่ดีขึ้น
และอันดับสุดท้าย การที่เป็นเทพยุทธ์แล้ว ทั้งยาและกระบวนท่าที่จะนำมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้นั้นจะมีราคาแพงขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากเขาต้องการจะใช้ระบบแลกเปลี่ยนครอบจักรวาลนี้ เขาต้องมีเงินมากกว่านี้อีก!