ระบบใช้จ่าย – ตอนที่ 23

บทที่ 23 : หนึ่งเดียวเท่านั้นไม่มีผู้อื่น

 

ฉากนี้ทําให้เพื่อนร่วมชั้นโดยรอบต่างสนใจกันเป็นจํานวนมาก พวกเขาส่วนใหญ่ตกใจ ทั้งๆที่พวกเขามองจากที่ไกล พวกเขาชี้ไปที่เหตุการณ์และพูดคุยกันเอง

 

” ดูนั่นสิ

นั่นรถของหลิวหมิงเฉิง ”

” ใช่แล้ว แผ่นป้ายทะเบียนก็ตรงเป๊ะ แต่มันยับเยินแบบนั้นเลยหรอ? “

” หงต้าหลี่บ้าไปแล้วจริงๆ เขาทําลายรถมูลค่า 700,000 หยวนแบบนั้น…”

” เราไม่สามารถเข้าใจได้หรอกว่าคนอย่างเขาคิดอะไรอยู่ ดูหงต้าหลี่ที่กําลังหยามหลิวหมิงเฉิงอยู่เงียบๆเถอะ ”

” อืม จะมีใครกล้าทําลายรถต่อหน้าหลิวหมิงเฉิงในที่สาธารณะแบบนี้กัน แถมยังเป็นเวลากลางวันด้วย ใครมันกล้าทําแบบนี้กันฮะ?”

 

“ ช่ววว … หลิวหมิงเฉิงกําลังมองอยู่นะ…”

 

หลิวหมิงเฉิงยืนอยู่อีกมุมหนึ่ง เขาได้ให้กุญแจรถตัวเองแก่หงต้าหลีก็จริง แต่รถมันก็ยังเป็นของเขาอยู่ เขาไม่กล้าเข้าใกล้หงต้าหลี่ แม้ว่าเขาจะโกรธแค้นเพราะเห็นรถตัวเองเป็นซากไปแล้วในที่สาธารณะแบบนี้ก็ตาม เมื่อก่อนหน้านี้หงต้าหลี่ก็ได้ล้มลงต่อหน้าเขาไป หลิวหมิงเฉิงไม่กล้าทําให้หงต้าหลี่กลัวอีก ไม่งั้นเขาคงต้องรับผลกรรมที่ตามมาแน่ๆ เขาไม่สามารถทําอะไรได้เลย

 

” ท่านหลิว รถนั่น … เราควรทํายังไงดี? “ ลูกน้องของเขาถามอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่เขามองไปที่รถโพไซดอนของเขาที่พังยับเยินจนเกินกว่าจะจําได้” ให้เราไปจัดการมันไหมครับ ..

 

” นายจะพูดอะไรกัน? จะไปจัดการมันงั้นเหรอ? “ หลิวหมิงเฉิ งกัดฟัน “ เราสิจะเป็นคนถูกจัดการเอง เมื่อเช้านี้ฉันยังไม่แตะ ตัวมันเลย แต่มันก็ล้มลงไปแล้ว นี่ฉันยังให้รถมันไปแล้วมันกลับกล้า ทําแบบนี้อีก หยามกันเกินไปแล้ว! “

 

ลูกน้องของเขาเองก็แสดงความไม่พอใจออกมา “บ้าบอสิ้นดี …. เราควรทําอะไรดีขอรับ? หรือได้แค่ดูเท่านั้น? ”

 

ดูเหมือนว่าวิทยาลัยเทียนจิงจะแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม ตระกูลหงของหงต้าหลี่ นํากลุ่มประกอบด้วยคนส่วนใหญ่ตั้งแต่ปี 2 ชั้น 14

ท่านหลิวหมิงเฉิง เป็นผู้นํากลุ่มอีกหนึ่งกลุ่ม ส่วนใหญ่มาจากปี 2 ชั้น 6 ดูเหมือนจะมีความบาดหมางที่ไม่สิ้นสุดระหว่างคนสองกลุ่มนี้ ก่อนหน้านี้หลิวหมิงเฉิงมีความสามารถเหนือกว่าหงต้าหลี่เสมอ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป โดยไม่ต้องคํานึงถึงเงินมูลค่ากว่า 500,000 หยวนที่หลิวหมิงเฉิงให้กับหงต้าหลี่ ในตอนนี้เขาก็รู้สึกอับอายเต็มทนที่เห็นหงต้าหลี่ทําลายรถของเขาต่อหน้าทุกคน

 

กลุ่มต่อไป นําโดยอัจฉริยะดอนเจียนใบ ปี 3 เขาเป็นเจ้าชายที่มีเสน่ห์มาก ยอดเยี่ยมทั้งสมองและกล้ามเนื้อ เขายังเป็นที่หมายปองในอุดมคติของเด็กผู้หญิงนับไม่ถ้วน กลุ่มสุดท้ายนําโดยบูหลีสัว ปี 1 เขาเป็นหนุ่มน้อยของบริษัท 1 ใน 500 บริษัท ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แม้ว่าตระกูลของเขาจะอยู่ในระดับที่ต่ํากว่าตระกูลของหงต้าหลี่ แต่ก็ยังเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม

 

กลุ่มของทั้งสองคนนี้ จากปีที่ 3 และปีที่ 1 ดอนเจียนใบ ปีที่ 3 จะจบการศึกษาและกําลังจะเข้ามหาวิทยาลัยในไม่ช้า เขาจึงไม่สร้างปัญหามากในโรงเรียน จุดแข็งทางเศรษฐกิจของบูหลีสัวปีที่ 1 นั้นต่ํากว่าของหงต้าหลี่และหลิงหมิงเฉิงมากเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะต่อต้านพวกเขา ซึ่งทําให้กลุ่มของหงต้าหลี่และหลิวหมิงเฉิงเป็นตัวปัญหามากที่สุด

 

ตอนนี้หลิวหมิงเฉิงอับอายและพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ เขารู้สึกโกรธแค้น แต่เขากลับทําอะไรไม่ได้ เขาหันหลังกลับและพูดว่า “ วันนี้ฉันยอมรับว่าฉันแพ้ ไป กลับ! “ เขาไม่พลาดที่จะเหลือบมองถังปูซินก่อนที่เขาจะจากไป ในตอนนี้เขาไม่มีความกล้าพอที่จะสู้กับหงต้าหลี่ และทําได้แค่เฝ้าดูรถของตัวเองที่หงต้าหลี่ทําพังโดยที่ยังมู่ซินยืนพ่วงอยู่ข้างๆ

 

ในไม่ช้าผู้คนก็แยกย้ายกันไป

 

หงต้าหลี่ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง เขาไม่ได้สนใจอะไรมากเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างคนในกลุ่มต่างๆ เขาเคยเสียชีวิตบนโลกก่อนหน้านี้มาแล้วและเดินทางมายังโลกนี้ ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องเล็กๆเท่านั้น สําหรับเหตุผลที่เขาทําลายรถของหลิวหมิงเฉิง ทุกๆอย่างที่ทําไป หงต้าหลี่เพียงแค่อยากสนุกจากการทําลายให้มันพังพินาศเท่านั้น เขาไม่สามารถขับรถของหลิวหมิงเฉิงได้ ดังนั้นหากเขาต้องการทําลายบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ซึ่งไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะต้องไปทําลายรถของครอบครัวตัวเอง

 

ใช้เวลานานแค่ไหนในการทําลายรถยนต์? ตอนนี้หงต้าหลี่รู้แล้ว เพียงแค่ 3 นาที

 

ในเวลาเพียงสามนาทีรถหรูของหลิวหมิงเฉิงที่มีมูลค่า 700,000 หยวนหรือเทียบเท่ากับ 3.5 ล้านหยวนในโลกนี้ที่เทียบเท่าได้กับรถแรมโบกินี ตอนนี้มันได้กลายเป็นเศษโลหะไปแล้ว สิ่งเดียวที่จําได้จากกองเศษโลหะคือ ฝากระโปรงรถที่เบี้ยวยับเยินและปีกรถโพไซดอนที่ขาดออกไม่เหลือชิ้นดี

 

เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ หงต้าหลี่หักนิ้วของเขาและพูดว่า ” ขายเศษโลหะทิ้งซะ อ่า เสียงรถที่พังลงไปมันช่างไพเราะและผ่อนคลายดีจริงๆ “ เขาหันไปหาถึงมู่ซินและพูดว่า ” โอเค ซินซิน ไปทานอาหารกลางวันกันเถอะ เธออยากจะกินอะไร?

 

“ อะไรก็ได้” การยืนอยู่ข้าง ๆ หงต้าหลี่ ทําให้ถึงมู่ซินรู้สึก … ปวดหัวเสียจริง

 

” ไปกันได้แล้ว! ” พวกเขาขึ้นรถโซแองเจิ้ลและมีรถแองเจิ้ลเพลย์ขับนําทาง มุ่งหน้าไปยังเย่ไหลเซียง ไม่มีสิ่งกีดขวางระหว่างการเดินทาง … จนกระทั่ง เมื่อพวกเขามาถึงทางแยก ชายชราผู้หนึ่งซึ่งดูอายุประมาณหกสิบปีกําลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าผ่านมา และดูเหมือนว่าเบรคของเขาจะไม่ทํางาน ขณะที่เขาเลี้ยวจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่งแล้วชนเข้ากับรถโซแองเจิ้ลที่ซึ่งหงต้าหลี่นั่งอยู่

 

เกิดเสียงดังขึ้น เมื่อชายชราชนเข้ากับรถของหงต้าหลี่ ปัง! คน ขับตกตะลึงและชายชราก็ล้มลงจากสกูตเตอร์ไฟฟ้า หงต้าหลีก็ตก ตะลึงเช่นกัน กระจกมองข้างของรถถูกกระแทก

เมื่อเห็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ชายชราก็ตกตะลึง

เขาไม่รู้จะทําอย่างไร และเมื่อเขามองการณ์ไกล เขาก็รู้ว่าไม่สา มารถจ่ายค่าเสียหายให้กับรถคันนี้ได้ แค่เงินจ่ายค่าก ระจอกมองข้างเขายังไม่มีเลย

 

เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ตรงหน้าเขา คนขับรถก็ออกจากรถและพุ่งไปหาชายชรา นี่คือรถโซแองเจิ้ล ซึ่งเป็นรถหรูที่มีมูลค่ามากกว่า 4 ล้านหยวน

 

กระจกมองข้างจะมีราคาอย่างน้อย 30,000 หยวน เพื่อที่จะหาเงินมาคืน คนขับรถก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วนอกจาไปคุยกับชายชรา

 

ก่อนที่คนขับรถจะลงจากรถ หงต้าหลี่ก็เลื่อนกระจกหน้าต่างรถลงและมองไปที่ชายชราผู้น่าสงสารที่นั่งอยู่ข้างถนน “ลุง ทําไมลุงยังนั่งอยู่ตรงนี้? ลุงจะไม่หนีไปไหนเลยหรอ? ”

 

หา? วิ่งหนี? ชายชราไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่หงต้าหลี่พูด

 

“ ใช่ ลุงชนกับรถของฉันแล้วลุงก็ไม่สามารถจ่ายค่าเสียหายได้ไม่ใช่เหรอไง? ลุงควรวิ่งหนีแทนที่จะรอให้ฉันเรียกร้องค่าชดเชยจากลุงนะ “ หงต้าหลี่เงยหน้าขึ้นมองชายชราบนพื้น “ลุง นี่มันซื่อสัตย์เกินไปแล้ว! ”

 

ใครจะไปสนใจเกี่ยวกับความซื่อสัตย์ในตอนนี้กันล่ะ? ทําไมไม่ หนีไปเล่า!

 

ชายชราลุกขึ้นและจับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขา และเริ่มวิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต เขาดูไม่เหมือนคนอายุหกสิบปีที่เพิ่งประสบอุบัติเหตุ เขาดูเหมือนกับชายหนุ่มที่กําลังวิ่งแข่งระดับชิงแชมป์อบตเลยทีเดียวเชียว

 

” ดูสิว่าเขาวิ่งได้เร็วขนาดไหน! ตอนเด็กๆ เขาคงจะเป็นนักแข่งแน่ ๆ “ หงต้าหลี่หัวเราะ ขณะที่เขาเลื่อนปิดหน้าต่างกระจกรถ “ โอเค เรารีบไปกันเถอะ ฉันหิว…”

 

” นายจะปล่อยเขาไปแบบนั้นหรอ? “ ถังปูซินพูดอย่างลุกลี้ลุกลน ” กระจกข้างรถคันนี้มีราคา 20,000 ถึง 30,000 หยวนเลยนะ! ”

 

“ ชายแก่คนนั้นไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะขายตัวไปก็คืนได้ไม่หมดหรอก ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ ฉันเองก็เป็นอาเสี่ยอยู่แล้ว มันไม่สําคัญหรอก ถ้าฉันไม่ถลุงเงินตอนนี้ ฉันจะเอาเวลาไหนไปถลุงล่ะ? ” หงต้าหลี่หัวเราะ “ ทําไมล่ะ? ซินซิน เธอตั้งใจจะขอให้เขาชดใช้เงินให้พวกเราหรอ? ”

 

“ ฉัน…ฉันไม่ได้ขอให้เขาชดใช้ให้เราหรอกนะ เขาก็เป็นเพียงแค่ชายชราผู้น่าสงสารเท่านั้น ฉันก็แค่อยากจะรู้ว่าทําไมนายถึงทําแบบนั้น “ ถังปูซินหน้าแดงและก้มหัวลง เธอนั้นได้แต่คิดบางอย่างแปลก ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเลว แต่เขาก็ดูไม่ใช่คนเลวเลย

 

แต่สิ่งที่หงต้าหลี่พูดต่อไปทําให้เธอแทบบ้า “ แค่ชิ้นส่วนกระจกมองข้างรถโซแองเจิ้ล เราควรไปฉลองกัน!”

 

กระจกมองข้างของรถได้หล่นลงมาและเขาก็ไม่ได้รับค่าชดเชยใด ๆ แต่เขายังจะไปฉลองอีก คงมีเพียงหงต้าหลี่เท่านั้นที่ทําแบบนี้

 

“มีเขาเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นไม่มีผู้อื่นเหมือน”

 

ระบบใช้จ่าย

ระบบใช้จ่าย

เรื่อง ระบบใช้จ่าย โดย นำเรื่อง ระบบใช้จ่าย มาเป็นบางส่วน บทนำ เขาได้ตายไปเพราะช่วยเหลือคนจากการถูกรถชน จากนั้นก็ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง พร้อมกับระบบแปลกๆและยังโลกใบเดิมที่ผิดไปจากเดิมอีก เรื่องย่อ ” หงต้าหลี่ เพศชายอายุ 22 ปี ไร้ครอบครัว ได้เสียชีวิตอย่างโชคร้ายโดยที่ได้ช่วยเหลือเด็กสองคนที่กำลังจะถูกรถชน หลังจากหารือหลายครั้ง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตัดสินใจให้เกียรติเขาในฐานะวีรบุรุษและนักศึกษามหาวิทยาลัยดีเด่นของจังหวัด “ – หนังสือพิมพ์รายวันประชาชน … ” ไม่!ไม่!ไม่! ไม่มีทาง หนูจะไม่หมั้นกับตระกูลหงเด็ดขาด! ” ถังมู่ซินพูด เธอซ่อนศรีษะไว้ใต้หมอนและกะดิกขาไปมาอย่างหงุดหงิด ” หงต้าหลี่เป็นพวกเศษเดนที่คนรู้จักกันทั่วเมือง เขาเป็นพวกสุรุ่ยสุร่ายและเป็นที่ขายหน้าของตระกูลหง เขาทั้งอ่อนแอและสมองทึบอีกด้วย ไม่มีทางที่หนูจะเอาคนแบบนี้มาเป็นคู่หมั้นหรอกนะ! “ ถังมู่ซิน เป็นลูกคนเดียวของ ถังรุ่ยชี ประธานบริษัทถังเวชกรรม เธอเป็นคนที่มีความสามารถทั้งการอ่านและเขียน ทั้งนี้เธอยังเป็นคนที่เที่ยงธรรมและเป็นคนที่สวยงามอีก ด้วยรูปลักษณ์ของเธอ เปรียบได้กับดอกไม้ที่สวยที่สุดราวกับว่าทุกอย่างนั้นดีไปหมดเมื่ออยู่กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังเป็นสุดยอดแม่ครัว ทำให้เธอเป็นภรรยาในแบบอุดมคติเลยทีเดียวเชียว การที่ทั้งทำอาหารได้อร่อยและหน้าตาเป็นเลิศเช่นนี้ เธอจะต้องเป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายหลายคนในโรงเรียน วันนี้ เธอได้ยินเสียงจากพ่อว่าจะพาเธอไปหาตระกูลหงต้าหลี่ที่แสนน่าอับอาย เพื่อที่จะได้หมั้นตัวเธอกับลูกชายของตระกูลหง ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถยอมรับได้เลยสักนิดเดียว ” ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของเขาตามใจและพวกเขายังมีลูกแค่คนเดียว คนไร้ค่าอย่างเขาคงจะถูกไล่ออกจากตระกูลหงไปนานแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้ เขาจะยังสามารถใช่เงินสุรุ่ยสุร่ายได้แบบนี้อีกงั้นเหรอ? “ เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาว ถังรุ่ยชีซึ่งนั่งอยู่หน้าเตียงก็ได้ยิ้มแย้ม ” ซินซิน1 ไม่ใช่ว่าพ่อมีทางเลือก การแต่งงานระหว่างหนูกับหงต้าหลี่ถูกตัดสินโดยคุณปู่เมื่อหลายปีก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นเด็กน้อยทึ่ม ๆ คนหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ใช่มั้ย จากสิ่งที่พ่อรู้จริง ๆ แล้ว หงต้าหลี่เป็นเด็กที่หน้าตาดีเลยนะ … “ ถังรุ่ยชี สวมเสื้อกล้ามสีเขียวที่สะอาดสะอ้านและเน็คไทที่มีปมเรียบง่ายตรงคอของเขา เขามีหนวดเคราอยู่เหนือริมฝีปาก เขาถือกล่องยาสูบไว้ในมือและผมสีดำสั้นของเขาก็ได้ถูกหวีอย่างเรียบร้อยไปทางด้านหลังของศีรษะอย่างดูดี ความแปลกเพียงอย่างเดียวก็คือ ตอนนี้ดวงตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดหนทางและไม่เต็มใจ พูดตามตรง เพราะเขาไม่มีทางเลือกหรอกนะ เขาจะยอมมอบลูกสาวที่มีค่าของตัวเองให้กับคนไร้ค่าอย่างหงต้าหลี่งั้นหรอ? สาเหตุที่เขาเรียกว่าคนไร้ค่างั้นเหรอ ก็เพราะหงต้าหลี่อาจเรียกได้ว่าเป็นคนประหลาดที่สุดบนโลกใบนี้ สิ่งเดียวที่เขาชอบทำก็คือ การถลุงเงินที่มีอยู่ของตนเอง คำพูดประจำตัวของเขาคือ ” ฉันจะต้องฟุ่มเฟือยสิ ถ้าฉันไม่ใช้เงิน เงินที่พ่อแม่ของฉันที่หามาก็คงสูญเปล่าใช่ไหมละ? “ คำพูดของเขาได้สร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนในเมืองเทียนจิง ผู้ปกครองจำนวนมากต่างก็ได้สอนลูกของพวกเขาโดยพูดว่า ” ถ้าลูกกล้าเรียนรู้เรื่องการใช้เงินจากหงต้าหลี่ ไปกินข้าววัดเลยไป! “ ดังนั้นแล้ว จึงเป็นที่เข้าใจได้เลยว่าทำไมถังมู่ซินถึงได้อารมณ์เสีย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset