บทที่32: ยอมรับว่าตัวเองซวย
ฉินซูรีบใช้มือบังหน้าอก และอธิบาย: “เมื่อครู่ฉันไม่ระวังทำไวน์หกใส่ค่ะ ทำให้คุณหัวเราะเยาะ”
“คุณนายหญิงฉู่ไม่ต้องเป็นห่วงครับ เชิญมากับผมครับ” หันโม่หยังยื่นมือออกมาอย่างสุภาพ ยิ้มอ่อนๆและส่งสัญญาณให้
ฉินซูค่อนข้างลังเล
“งานเลี้ยงอีกสองชั่วโมงจบ คุณนายหญิงฉู่คงไม่อยากกลับไปแบบนี้มั้งครับ?” หันโม่หยังอธิบาย: “ชั้นบนมีห้องเปลี่ยนเสื้อ ผมให้คนส่งเสื้อผ้ามาให้คุณ”
คำพูดของเขา ทำให้ฉินซูไม่มีเหตุผลไปปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะ”
หันโม่หยังพาฉินซูมาที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ และถามว่า: “ได้ยินมาว่าคุณนายหญิงฉู่กับคุณชายฉู่คือรักแรกพบ ไม่ทราบว่าพบเจอกันยังไงครับ?”
“นั่น……เป็นแค่อุบัติเหตุค่ะ”ฉินซูตอบอย่างคลุมเครือ เพื่อจะได้ไม่พูดผิด
เห็นหันโม่หยังไม่คิดจะจากไปในเร็วๆนี้ เธอเป็นฝ่ายเปิดปากพูดเอง: “ผู้จัดการหัน
ขอบคุณที่นำทางให้ฉันค่ะ คุณคงมีเรื่องมากมายต้องยุ่ง ไม่ต้องรอฉันอยู่ที่นี่แล้วค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เรื่องของงานเลี้ยงผมจัดการเรียบร้อยแล้วครับ คุณนายหญิงฉู่เป็นแขก
วีไอพี ผมจะต้องแน่ใจว่าเสื้อผ้าที่ส่งมาไม่มีปัญหา ไม่งั้นก็คือผมดูแลไม่ทั่วถึงแล้วครับ”
หันโม่หยังยิ้ม ไม่นึกเลยว่าจะนั่งลงที่โซฟา
ฉินซูพูดไม่ออกเหมือนคนใบ้
คำพูดของเธอชัดเจนมากแล้ว ผู้ชายคนนี้……..จงใจแกล้งทำเป็นฟังไม่รู้เรื่องเหรอ
หันโม่หยังได้พูดคุยกับเธอขึ้นมาอีก เพราะไม่รู้เบื้องลึกของผู้ชายคนนี้ เธอก็เลยตอบแค่คำถามขั้นพื้นฐาน อย่างอื่นล้วนรับมืออย่างคลุมเครือ
“เหมือนคุณนายหญิงฉู่ระแวดระวังผมมากเลยนะครับ” หันโม่หยังพูดเล่น
แต่สีหน้าท่าทางกลับไม่เหมือนล้อเล่น
ฉินซูยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร
ขณะนี้ ประตูของห้องเปลี่ยนเสื้อถูกเปิดออก ร่างเงาสูงใหญ่ได้ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา
“เสื้อคุณเลอะโทรหาผมก็พอ ทำไมต้องรบกวนผู้จัดการหันด้วย”
สายตามืดมนของฉู่หลินเฉินกวาดไปที่ฉินซูกับหันโม่หยัง เขายกถุงที่อยู่ในมือขึ้น “ผมเอาเสื้อผ้ามาให้คุณ”
ฉินซูตาแหลมคมจับความไม่สบอารมณ์ได้จากสายตาเขา เธอพูดว่า: “ฉันก็แค่เจอ
ผู้จัดการหันโดยบังเอิญค่ะ”
ฉู่หลินเฉินฝืนยิ้ม แล้วหันไปมองหันโม่หยัง: “ด้านล่างยังต้องการให้ผู้จัดการหันออกโรงจัดการ เรื่องเล็กๆของภรรยาผม ก็ไม่รบกวนคุณดีกว่า”
หันโม่หยังถึงลุกขึ้น “คุณนายหญิงฉู่ งั้นคุณเปลี่ยนเสื้อนะครับ ผมขอตัวไปในงานก่อน”
พอพูดจบ เขาก็ได้จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
หลังจากประตูห้องเปลี่ยนเสื้อถูกผิด ฉู่หลินเฉินไม่ปกปิดสีหน้าอีกต่อไป
มองคราบไวน์ตรงอกเธอทีนึง แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้สาดใส่เอง
“ใครเป็นคนทำ?”
เผชิญกับสายตาเย็นชาของเขา ฉินซูแจ้งชื่อของทั้งสามคนให้เขาตามความจริง
ฉู่หลินเฉินขมวดคิ้วแน่น เอาถุงใส่เสื้อผ้ามาวางที่ข้างกายเธอ “เปลี่ยนซะ”
จากนั้นยังได้หยิบมือถือออกมาโทรไปสั่งการ: “ยกเลิกโปรเจ็กต์ที่ร่วมงานกับตระกูลซุยตระกูลเหอ ทั้งสองตระกูลนี้ ส่วนแผนธุรกิจที่ตระกูลเหวินที่ส่งมายังไม่ได้พิจารณาใช่มั้ย? ก็ไม่ต้องพิจารณาแล้ว”
ฉินซูมองเขาด้วยความตกใจทีนึง แล้วเข้าใจทันที ฉู่หลินเฉินไม่ได้ช่วยเธอเอาคืน แต่กำลังแสดงอำนาจของตระกูลฉู่ให้พวกเธอดู
วันนี้เธอมาออกงานในฐานะคุณนายหญิงของตระกูลฉู่ การท้าทายเธอ ก็เท่ากับได้ท้าทายตระกูลฉู่
ผู้หญิงสามคนนั้น คงต้องยอมรับว่าตัวเองซวยแล้วจริงๆ
ฉู่หลินเฉินโทรศัพท์เสร็จ ก็พบว่าในมือของฉินซูยังถือเสื้ออยู่ เขาพูดอย่างไม่พอใจ: “ทำไมยังเปลี่ยนไม่เสร็จอีก?”
เธอพูดอย่างจนปัญญา: “คุณชายฉู่ คุณหลบไปก่อนได้มั้ยคะ?”
ห้องเปลี่ยนเสื้อนี้ แม้แต่ที่บดบังก็ยังไม่มี จะให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาก็คงไม่ใช่มั้ง?
ฉู่หลินเฉินก็เข้าใจแล้ว จากนั้นได้หันหลังไปอย่างเย็นชาและเย่อหยิ่ง
ถึงไม่คิดจะไปจาก แต่ก็ไม่อยากจะมองเธอ
ฉินซูอ้าปากเล็กน้อย สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ
เสื้อผ้าที่เขาเอามาเหมือนเสื้อผ้าที่เธอใส่อยู่ ไม่ว่าจะไซส์หรือแบบล้วนเหมือนกันหมด
ฟังเสียงลูบไล้ผ้าที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ฉู่หลินเฉินเงยหน้าขึ้นมาอย่างเรื่อยเปื่อย แต่กลับอึ้งค้างไว้
คาดไม่ถึงว่าผนังของห้องเปลี่ยนเสื้อจะตกแต่งด้วยแผ่นควอตซ์ แผ่นควอตซ์นี้ก็เหมือนกระจกทรายบานนึง สะท้อนท่าทางของผู้หญิงด้านหลังออกมา
ร่างกายผอมเพรียว ทรวดทรงองค์เอวสมส่วน
จู่ๆฉู่หลินเฉินรู้สึกลำคอบีบแน่น เขาจึงได้หลับตาลง แต่ภาพๆนั้นกลับเข้าไปอยู่ในหัวของเขาแล้ว
โดยเฉพาะตอนที่เธอก้มตัวใส่กระโปรง………
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ฉินซูไม่เห็นความผิดปกติของฉู่หลินเฉิน
เธอเอาเสื้อผ้าสกปรกใส่เข้าไปในถุง “ชุดนี้ทำยังไงคะ?”
ฟังเสียงไพเราะของเธอ ฉู่หลินเฉินพูดออกมาอย่างราบเรียบ: “โยนทิ้งซะ”
“แต่ชุดนี้…….”แพงมากเลยนะ
แพงมากเลยนะยังไม่ได้พูดออกมา เขาก็เอาถุงที่อยู่ในมือเธอทิ้งลงไปในถังขยะ จากนั้นได้หันหลังเดินออกไปข้างนอก
ฝีเท้าเร่งรีบ เหมือนกำลังหนีเธอยังไงอย่างงั้น
ฉินซูได้แต่รีบเดินตามเขาไป
ในขณะที่งานเลี้ยงกำลังถึงช่วงที่บรรยากาศครึกครื้นที่สุด ฉู่หลินเฉินได้พาฉินซูออกไปจากงานก่อน
เพราะยังไงซะ เป้าหมายที่เขามาครั้งนี้ได้บรรลุแล้ว
ทั้งสองเพิ่งเดินมาถึงลานจอดรถ เตรียมตัวขึ้นรถ จู่ๆมีผู้หญิงคนนึงพุ่งออกมาจากข้างๆ
“ฉู่หลินเฉิน ทำไมมึงต้องทำแบบนี้กับกูด้วย? ! มึงทำให้กูมีอยู่ชีวิตอยู่ต่อไม่ได้ กูก็จะให้มึงตาย——”
ผู้หญิงผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าท่าทางบ้าๆบอๆ มีดปอกผลไม้ในมือส่องแสงระยิบระยัง
ซอกแซกเข้าไปในตาของฉินซู
ฉินซูยืนอยู่ที่ข้างกายของฉู่หลินเฉิน ใกล้กับฝ่ายตรงข้ามมากกว่า
เห็นมีดเล่มนั้นแทงมาตรงๆ เธอจึงยกมือขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
พอแขนเจ็บปุ๊บ ได้กรีดเป็นแผลยาวๆแผลนึง เลือดสดไหลออกมาทันที
ฉู่หลินเฉินเห็นสถานการณ์แล้ว แววตามีความอึ้งแว๊บผ่าน
“คุณชายฉู่!”
เว่ยเหอก็มีปฏิกิริยาที่ว่องไว โดดลงมาจากรถ และเดินไปขัดขวางผู้หญิง ฉกมีดมาจากมือของเธออย่างไว และกดเธอไว้บนกระจกรถ
ปัดผมที่ยุ่งเหยิงของผู้หญิงออก เว่ยเหอแยกแยะฐานะของเธอออก: “นั่นคือลูกสาวของถังป่าวเย่ ถังซานครับ”
ใบหน้าของฉู่หลินเฉินเผยความเกลียดชังออกมา เขาพูดด้วยเสียงเย็นชา: “อย่าให้มันมาคลุ้มคลั่งที่นี่อีก”
ผู้หญิงยังคอยขัดขืนอยู่ ทั้งร้องทั้งด่า: “มึงทำให้กูไม่มีแม้แต่สิทธิ์ความเป็นผู้หญิง กูจะเอาให้มึงพิการ……!”
เว่ยเหอใช้มือตีท้ายทอย ขัดขวางคำพูดบ้าๆบอๆของเธอ
จากนั้นเอาผู้หญิงที่สลบโยนไปที่เสาข้างๆ
ฉู่หลินเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ขึ้นรถ”
ฉินซูมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างไม่ไว้วางใจ ถึงแม้รู้ว่าเธอแค่ถูกตีจนสลบไป แต่——เห็นได้ชัดว่าสภาพจิตใจของผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยดี
“ทิ้งเธอไว้ที่นี่เลยเหรอคะ จะไม่เกิดเรื่องเหรอคะ? หรือไม่ก็เรียกรถพยาบาลมั้ยคะ?”
เดิมทีฉู่หลินเฉินอยากตำหนิเธอว่าแส่ไม่เข้าเรื่อง แต่สายตาก็ตกอยู่ที่แขนของเธอ นึกถึงเธอที่เมื่อครู่เพื่อช่วยตัวเองบังมีดที่จะแทงมา จึงได้กลืนคำพูดกลับไป
พูดสั่งการเว่ยเหอด้วยเสียงทุ้มต่ำ: “เรียกคนของบ้านถังมาเอาตัวไป และถือโอกาสเตือนพวกมันด้วย เรื่องเมื่อกี๊ อย่าให้มีครั้งที่สอง!”
“ครับ!”
หลังจากเว่ยเหอโทรศัพท์เสร็จ ฉู่หลินเฉินเปิดปากพูดอีก: “ไปโรงพยาบาล”
“คุณชายฉู่ ขอบคุณความหวังดีของคุณค่ะ แค่แผลภายนอกเล็กน้อย ฉันสามารถจัดการเองได้ค่ะ”ฉินซูพูด ไม่อยากวิ่งไปโรงพยาบาลเพราะแผลเล็กๆนี้
ฉู่หลินเฉินมองเธอด้วยความสงสัยทีนึงแล้วถาม: “เมื่อกี๊ทำไมคุณต้องเดินออกมาช่วยผมบังมีดด้วย?”
ครั้งแรกที่มีคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นผู้หญิงคนนี้ ถ้าเธอนึกว่าทำแบบนี้ก็จะได้ความไว้วางใจจากตัวเอง มันช่าง……….
“คุณชายฉู่ คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
ฉู่หลินเฉินกำลังครุ่นคิดอยู่ ฉินซูเปิดปากพูดอย่างจนปัญญา: “ฉันไม่เคยคิดจะช่วยคุณบังมีดเลย แค่ฉันยืนอยู่ที่ตำแหน่งนั้นพอดี เห็นมีดเล่มนึงแทงมา ร่างกายก็อดไม่ได้ที่จะทำปฏิกิริยาออกมาด้วยจิตใต้สำนึกค่ะ”
“……”
อากาศราวกับว่าแข็งตัวอย่างไงอย่างงั้น
เว่ยเหอก็คาดไม่ถึงว่าฉินซูจะพูดแบบนี้
เขาดูไปที่กระจกมองหลังด้วยความประหลาดใจ ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าของคุณชาย
ตัวเองมีความอึดอัด……..