รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน – ตอนที่ 41 ตายคามือเธอ

บทที่ 041 ตายคามือเธอ

ฉินซูอยากจะเดินหน้าต่อ แต่ว่ากลับถูกฉู่หยุนซีขวางทางเอาไว้ซะได้นี่ “ครั้งนี้มีอี้หลินอยู่ด้วย คงไม่ต้องให้คนอย่างคุณต้องมาลงมือด้วยตนเอง คนเลวอย่างคุณอยู่ห่างๆ ไว้ซะดีกว่า!”

ขนาดหลิ่วเหวยลู่ยังไม่ไว้หน้าฉินซูเลยด้วยซ้ำ เพราะว่าเธอเชื่อจนจำฝังใจว่าฉินซูเป็นคนทำให้ซ่งจิ่นหรง “หายใจติดขัด”

ฉินซูได้แต่ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ส่วนสายตาเอาแต่จับจ้องมองไปยังร่างกายของซ่งจิ่นหรง เพื่อวิเคราะห์ท่าทางของเธอ อยู่ในใจ

หลินเฟิงรู้สึกเกินคาดกับท่าทีของคุณหญิงฉู่และคุณหนูฉู่

เขาอยากจะช่วยฉินซูพูดสักสองสามคำ อีกอย่างใจก็อยากจะช่วยคุณผู้หญิงจากใจจริง เลยรีบพูดอธิบายกับฉู่หลินเฉินอย่างทันท่วงที “คุณนายหญิงฉู่มีความเข้าใจทางการแพทย์เป็นอย่างดี หรือว่าให้เธอคอยช่วยดูอาการให้คุณผู้หญิงดีไหม?”

สายตาของฉู่หลินเฉินจ้องมองอยู่ที่ตัวของหวังอี้หลิน พลางกล่าวว่า “คุณหวังเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมากับเธอ ฉะนั้นความสามารถทางด้านการแพทย์ย่อมดีกว่าเธอมาก”

เมื่อเปรียบเทียบกับฉินซูแล้ว สำหรับหวังอี้หลินแล้วเขาค่อนข้างมั่นใจมาก เพราะว่าในคืนนั้น “เธอ” เป็นคนช่วยชีวิตของเขาเอาไว้

หลินเฟิงอึ้งกิมกี่ไปสักพัก พลางมองมาทางหวังอี้หลิน เพราะว่าเจ้าตัวกำลังนั่งคุกเข่าหันหลังให้เขาอยู่นั่นเอง ฉะนั้นเลยไม่อาจจะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอได้

เขารู้สึกว่าฉินซูนั้นเป็นคนที่เก่งกาจมากทีเดียว ถ้าคุณหวังท่านนี้เป็นคนที่เก่งกาจมาก เช่นนั้นคุณผู้หญิงก็คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง….

เขาเชื่อคำพูดของฉู่หลินเฉิน เลยไม่ได้พูดอะไรต่ออีก เลยได้แต่ยืนเงียบๆ คอยยืนดูอย่างเดียว

หวังอี้หลินรู้สึกว่าเหมือนมีสายตาของคนหลายคนกำลังจับจ้อง จนรู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ถ้าหากสามารถช่วยเหลือคนคนนั้นให้ได้สติกลับมาได้ งั้นเรื่องที่เธอจะอาศัยอยู่ที่ตระกูลฉู่ นั้นก็สามารถอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งแล้ว

เมื่อคิดได้ตามนี้แล้ว หวังอี้หลินก็เริ่มลงมือทันที

เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นโมโหจนเป็นลมล้มพับไป เธอเลยแหวกคนของซ่งจิ่นหรงออกอย่างไม่ลังเล พร้อมทั้งใช้มืออีกข้างหนึ่งกดลงบริเวณหัวใจของเธอเอาไว้ทันที

การกระทำของเธอผ่านไปสักพัก ซ่งจิ่นหรงก็ไม่ได้สติกลับมา เลือดยังไหลออกจากจมูกหนักกว่าเก่าเสียอีก แถมการหายใจเข้าออกยิ่งรวยรินเข้าไปทุกที

หวังอี้หลินเริ่มกระวนกระวายใจเล็กน้อย

สีหน้าของหลายๆ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ เริ่มแสดงท่าทีหนักใจออกมามากขึ้น

ฉู่หยุนซีเริ่มพูดอย่างร้อนรน “อี้หลิน มันผิดปกติแล้วนะ ดูจากอาการแล้วเหมือนว่าย่าฉันอาการหนักจนจะไม่ไหวอยู่แล้ว?”

คำพูดพรรค์นี้มันต้องให้คนอย่างคุณมาพูดอีกเหรอ?

อี้หลินได้แต่สบถด่าฉู่หยุนซีอยู่ในใจ ทว่าสีหน้าไม่ได้แสดงท่าทีออกมาเท่านั้นเอง ส่วนนิ้วมือนั้นเริ่มสั่นเทาเล็กน้อย

ถ้าหากว่าหญิงชราคนนี้มาเสียชีวิตอยู่ในมือของตนเองแล้วล่ะ….

หวังอี้หลินรีบตัดสินใจทันที ไม่กล้าที่จะอวดว่าเก่งมากอีกแล้ว พลางหันมาหาหลิ่วเหวยลู่พร้อมทั้งพูดกับทันที “คุณหญิงฉู่คุณย่าอาการไม่ดีมาก การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแบบนี้เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เตรียมรถเสร็จหรือยัง? ต้องส่งตัวไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!”

เมื่อเห็นสีหน้าของใครหลายคนที่แสดงอาการผิดหวังออกมา เธอรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย

ส่วนฉู่หลินเฉินไม่ได้มองมาที่เธออีกต่อไปแล้ว พร้อมทั้งก้าวเท้ายาวเดินออกไปด้านนอก น้ำเสียงเร่งรีบของเขาดังมาแต่ไกล

“ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าหมอจะมาถึง? รถติดหรือไง?! โทรศัพท์หาหมอเดี๋ยวนี้ พร้อมทั้งเคลียร์ถนนให้โล่งด้วย! ต้องมาถึงในเวลาสิบนาที…”

หลิ่วเหวยลู่และคนอื่นๆ ต่างยืนอึ้งแน่นิ่งอยู่ข้างๆ นอกจากอาการรีบร้อนแล้ว เพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีถึงทำให้มันดีขึ้น

ส่วนหวังอี้หลินที่รู้ว่าความสามารถของตนเองมีไม่พอ ทำได้แค่ถอยหลังออกไป แถมยังแสดงท่าทางเก้อเขินอีกมากมาย

ในช่วงจังหวะที่คนอื่นๆ ที่กำลังถอยหลังไปยืนข้างๆ นั้น ทว่าฉินซูกลับก้าวเดินออกมาข้างหน้าแทน

“คุณจะทำอะไร?!” ฉู่หยุนซีคว้ามือของเธอเอาไว้ สีหน้าแสดงท่าทีตักเตือน

สีหน้าที่เป็นกังวลของฉินซูเริ่มพูดอธิบาย “อาการของคุณผู้หญิงนั้นอันตรายหน้าสิ่วหน้าขวาน เกรงว่ารอให้หมอมาถึงคงไม่ทันการณ์”

“จะโทษก็มาจากคุณทั้งนั้น ที่ทำให้คุณย่าของฉันต้องโมโหจนตกอยู่ในสภาพเป็นแบบนี้ไป!” ฉู่หยุนซีเหลือกตาใส่อย่างกล่าวโทษ

ส่วนหลินเฟิงกังวลกับอาการของคุณผู้หญิงฉู่ เลยรีบถามทันที “คุณนายหญิงฉู่ คุณมีวิธีใช่ไหม?”

ฉินซูพยักหน้าให้ พร้อมทั้งมองไปมาที่หลิ่วเหวยลู่ “ให้ฉันลองได้ไหม?”

ณ เวลานี้ มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจได้

หลิ่วเหวยลู่ขมวดคิ้วมองมายังเธอ แววตาที่ซ่อนอยู่ภายในแสดงท่าทีว่าไม่เชื่อใจ

ครั้งที่แล้วฉินซูก็เป็นคนช่วยชีวิตของคุณผู้หญิงเอาไว้ แต่สถานการณ์ในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามันไม่เหมือนเดิม ขนาดหวังอี้หลินยังไม่มีปัญญาเลยด้วยซ้ำ แล้วคนอย่างเธอจะมีปัญญาทำได้เหรอไง?

ส่วนหวังอี้หลินได้แต่ยืนเบะปากดูถูกมองอยู่ด้านข้าง

เพราะว่าหญิงชราอาการมาถึงขั้นนี้แล้ว อีกเดี๋ยวก็จะหมดลมหายใจแล้ว ฉินซูดันว่าอวดเก่งในเวลานี้เนี่ยนะ มันช่างโง่ดักดานรนหาที่ตายชัดๆ!

ถ้าหญิงชรามาตายในมือของเธอ ฮ่าๆ ตระกูลฉู่ไม่มีวันปล่อยนางไปง่ายๆ แน่!

เมื่อคิดถึงข้อนี้ได้ หวังอี้หลินกะพริบตาอยู่ครั้งหนึ่ง พร้อมทั้งพูดทันที “คุณหญิงฉู่ หรือว่าให้ฉินซูลองดูสักครั้งเถอะ? เพราะไม่รู้ว่าหมอจะมาถึงตอนไหน อาการของคุณย่า ไม่สามารถทนรอเวลาต่อไปได้”

หลิ่วเหวยลู่มองดูอาการของซ่งจิ่นหรงอยู่แวบหนึ่ง ในใจก็เริ่มแบ่งรับแบ่งสู้ ถึงยอมพยักหน้าตกลงอย่างขัดใจ

เธอพูดเพิ่มอีกว่า “ถ้าเกิดใดๆ ขึ้นก็ตาม ผลลัพธ์ที่ตามมาเธอย่อมรู้ดี”

ฉินซูไม่ได้พูดอะไรต่อ พลันนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ของคุณผู้หญิงฉู่ทันที

หลินเฟิงเริ่มประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ฉินซูจะได้รับเป็นผลตอบแทน เพราะว่าเมื่อเอามาเปรียบเทียบแล้ว บรรดาพวกของคุณหญิงฉู่เป็นมิตรกับคุณหวัง

ทว่าเขาไม่ได้คิดอะไรมากนั้น การกระทำของฉินซูมันเรียกความสนใจของเขาไปได้อย่างเร็ว

จากนั้นก็เห็นว่า ฉินซูไม่ได้แตะต้องร่างกายส่วนใดของคุณผู้หญิงฉู่เลยสักนิด แต่กลับเปิดกระเป๋าที่ติดตัวเธอมาแทน พร้อมทั้งเอากระเป๋าผ้ายาวๆ ออกมาจากด้านในกระเป๋าแทน

ยามเมื่อกระเป๋าผ้าใบนั้นเปิดออกมา ภายในมีแต่เข็มเงินที่จัดเรียงกันเป็นชุดอย่างมีระเบียบ

หลินเฟิงถึงกลับตกตะลึงไปทันที คุณนายหญิงฉู่คนนี้….ยังสามารถฝังเข็มได้ด้วย?

หลิ่วเหวยลู่และคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจกับชุดเข็มเงินชุดนี้กันเป็นแถบ

“แก แกอย่างมามั่วซั่ว” ฉู่หยุนซีรีบตักเตือนอย่างเคร่งเครียด

หวังอี้หลินแอบยิ้มอยู่ในใจ

เรื่องการฝังเข็มพวกนี้ เธอไม่สันทัดนัก แต่ว่าก็รู้ว่าไม่ควรเอามาใช้มั่วๆ บนร่างกายของคน

เธอจำได้ว่าฉินซูเคยพูดเอาไว้ว่า ย่าของเธอเคยสอนการฝังเข็มให้เธอ แต่ว่าย่าของเธอคนที่สอนนั้น เป็นแค่หมอพื้นบ้านในชนบทเท่านั้นเอง ไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด

ตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยเห็นฉินซูใช้การฝังเข็มมาก่อนเลยสักครั้ง เห็นได้ชัดว่าฝีมือไม่ดีพอ เลยไม่กล้าให้คนเห็นฝีมือกับตา แต่ตอนนี้ดันกล้าเอาออกมาทำให้ขายหน้าเสียนี่?

ถ้าการฝังเข็มของฉินซูทำให้คุณผู้หญิงฉู่ไปเฝ้าพระอินทร์ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ งั้นชีวิตฉินซูก็จบสิ้นกันที

หวังอี้หลินย่อมอยากเห็นผลลัพธ์ตามนี้

ฉินซูไม่สนใจสายตาและวิธีคิดของคนที่อยู่ด้านข้างสักนิด เพราะในเวลานี้เธอตั้งใจ และสุขุมมาก

เพราะว่าเธอนั้นทราบดีว่าอาการของคุณผู้หญิงฉู่มันหนักหนาสาหัสมาก หากมีความผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว ความตายก็มาเยือนทันที

แต่ว่าเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉู่หลินเฉินพูดออกมาเมื่อครู่นั้น ว่าอีก 15 นาที หมอจะมาถึงที่นี่ ด้วยอาการของคุณผู้หญิง…. รอได้มากที่สุดแค่ 10 นาทีเท่านั้นเอง!

ฉินซูเริ่มเบิกเปลือกตาของซ่งจิ่นหรง พลันเห็นเส้นเลือดแตกออกมาเป็นสาย เมื่อมองมาที่บริเวณหู ติ่งหูเริ่มแดงขึ้น เมื่อดูในรูหู ก็เห็นว่ามีเลือดไหลออกมา

เธอไม่มีท่าทีลังเลอีกต่อไป พร้อมทั้งดึงเอาเข็มออกมาทันที

จากนั้นก็ฝังเข็มลงบนศีรษะซ่งจิ่นหรงสามเล่ม บริเวณหน้าอก 2 เล่ม เล่มสุดท้าย ก็ทิ่มลงตรงปลายนิ้วกลางมือซ้าย เพราะนั่นเป็นจุดเส้นประสาท

เพิ่งจะฝังเข็มเสร็จ พลันมีเสียงโกรธเคืองตะคอกมาดังลั่น “ใครให้คุณมาทำเรื่องมั่วซั่วแบบนี้กัน!”

ฉู่หลินเฉินสาวเท้าเข้าก้าวยาวๆ มายังด้านข้างของฉินซู พลันคว้าตัวเธอเข้าหา แววตาจ้องเธอตาเขม็ง

ผู้หญิงคนนี้กล้าฝังเข็มบนตัวของคุณยาย เธอไม่รู้หรือยังไงว่าการฝังเข็มนั้นไม่สามารถฝังมั่วๆ ได้?

หลินเฟิงรีบพูดทันควัน “คุณชายฉู่ คุณนายหญิงฉู่กำลังช่วยคุณผู้หญิงอยู่”

ฉู่หลินเฉินเป็นห่วงความปลอดภัยของคุณย่า ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เลยไม่ได้สนใจว่ารอบตัวยังมีคนอยู่ด้วย

พอตอนที่หลินเฟิงพูดออกมานั้น เขาถึงได้สติกลับมา จนน้ำเสียงเริ่มอ่อนข้อลงเล็กน้อยพลางพูดว่า “อาการของคุณย่าร้ายแรงอันตรายอย่ามาทำเรื่องมั่วๆ เดี๋ยวหมอก็จะมาแล้ว”

ทว่าฉินซูพูดจาอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน “เมื่อครู่ฉันเพิ่งฝังเข็มเพื่อให้ลมปราณของคุณย่าได้เดินคล่อง เพื่อจะทำให้เลือดที่ตันอยู่ในเส้นเลือดได้สลายไป เพราะว่าในเวลาอาการของท่านนั้นไม่มีความปลอดภัยอยู่เลย”

ฉู่หลินเฉินจ้องมองใบหน้าที่ตรงไปตรงมาของเธอ จนไม่อาจหาเหตุผลในความสงสัยจากตัวเธอได้เลย

ส่วนฉู่หยุนซีนั้นกลับพูดอย่างไม่ถูกใจสักนิด “พูดซะเหมือนจริง เลยฝังเข็มไปสักกี่จุดแค่นั้นก็พอแล้วหรือไง?”

พูดไป เธอก็อดไม่ได้จนต้องพุ่งเข้ามา เพื่อตรวจสอบจนอย่างละเอียด

“เอ่อ การหายใจของคุณย่านั้นเริ่มกลับมาเป็นปกติดีแล้ว เลือดกำเดาก็ไม่ได้ไหลออกมา….” เธอจ้องมองฉินซูอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา จนอ้าปากค้าง แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี

Comment

Options

not work with dark mode
Reset