รักซ่อนร้าย นายซาตานรักผิดคน – ตอนที่ 42 ช่างไม่เหมือนกับเธอเสียจริง

บทที่ 042 ช่างไม่เหมือนกับเธอเสียจริง

หลิ่วเหวยลู่พลันรีบหันขวับมามองฉินซูทันที พร้อมทั้งเก็บอารมณ์ความตกใจเอาใจเสียก่อน จนนั่งคุกเข่าด้านข้างซ่งจิ่นหรง พร้อมทั้งตะโกนเรียกออกมา “แม่?”

“อย่าแตะเข็มพวกนั้น คุณผู้หญิงต้องรออีกสักพักถึงจะฟื้นกลับมา” ฉินซูรีบเตือนทันควัน

หลิ่วเหวยลู่กับฉู่หยุนซีไม่กล้าแตะต้องเข็มพวกนั้นเลย ได้แต่คอยนั่งเฝ้าอยู่ด้านข้างอย่างเคร่งเครียด พร้อมทั้งสังเกตอาการของซ่งจิ่นหรงไปด้วย

ส่วนหวังอี้หลินยืนตัวสั่นอยู่ที่เดิมตั้งแต่แรกแล้ว

เป็นไปได้อย่างไร? คนอย่างฉินซูจะมีปัญญาที่สามารถช่วยชีวิตหญิงชราให้กลับมาได้เนี่ยนะ?!

ขนาดตนเองยังไม่มีปัญญาเลย แล้วทำไมฉินซูถึงทำได้ล่ะ? มันเป็นแค่การฝังเข็มไม่กี่เล่มนั้นจริงๆ ใช่ไหม?!

เมื่อได้นึกถึงตอนที่เรียนหนังสืออยู่ด้วยกัน ฉินซูมักจะคะแนนสูงกว่าเธอมากในการสอบทุกครั้ง แถมยังเข้าร่วมงานวิจัยในทุกวิชาฉินซูยังเป็นจุดเด่นเป้าสายตาของครูอีกด้วย!

ฉินซู! ฉินซู! ตนเองไม่อาจสามารถทัดเทียมกับเธอได้จริงเหรอ?!

หวังอี้หลินอิจฉาริษยาจนต้องกัดฟันกรอด

ไม่นานนัก หมอก็มาถึง

ฉินซูเอาเข็มสีเงินดึงออกมาตั้งแต่แรก พร้อมทั้งเก็บเรียบร้อยแล้ว

หมอได้ตรวจสอบร่างกายของซ่งจิ่นหรง จนมั่นใจแล้วว่าไม่มีอะไรที่ผิดปกติไป จนคุณท่านค่อยๆ ลืมตาได้สติตื่นขึ้นมา

ฉู่หลินเฉินประคองคุณผู้หญิงขึ้นมา พร้อมทั้งถามว่า “ทำไมคุณย่าถึงได้เป็นลมล้มพับไปได้?”

“คุณผู้หญิงความดันสูง เลือดลมแปรปรวน ถึงได้เลือดกำเดาไหลจนเป็นลมล้มพับไป” คุณหมอพูดไปก็ถามกลับ “คุณผู้หญิงก่อนที่จะเกิดอาการนั้นกินยาอะไรเข้าไปไหม?”

“กินยาเหรอ?” หลิ่วเหวยลู่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พร้อมทั้งพูดออกมา “ปกติแล้วแม่ฉันจะกินของบำรุงร่างกายบางอย่างอยู่ แต่ว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลากิน เลยยังไม่ได้กินเลย”

ฉู่หยุนซีพูดอย่างสงสัย “คุณย่าฉันไม่ใช่ว่าโมโหจนเป็นลมไปหรอกเหรอ? อี้หลินคุณคิดว่ายังไง?”

ในตอนนี้หวังอี้หลินโกรธจนอยากจะเอาหน้าซุกแผ่นดินหนี เพราะว่าฉู่หยุนซีแหกปากตะโกนเรียกชื่อเธอซะงั้น

เธอทำได้แค่เงยหน้าขึ้นมา เพื่อเผชิญหน้ากับสายตาของทุกคนที่มองมา พร้อมทั้งพูดอย่างเก้อเขิน “เรื่องนั้น ฉันเห็นว่าอาการของคุณย่ามันเหมือนว่า…. ดังนั้นถึงได้คาดเดาเอาไว้ว่าคุณท่านคงอารมณ์โกรธจัด จนความดันเลือดพุ่งสูง”

คุณหมอพยักหน้าให้ “นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเหตุผล”

หวังอี้หลินถึงกลับถอนหายใจโล่งอก เพราะว่ากว่าจะเรียกหน้าตากลับมาได้ไม่ง่ายเลย

เวลานั้นเอง สายตาของฉินซูก็มองมาที่แก้วชาที่ซ่งจิ่นหรงดื่มก่อนหน้านี้

เธอมองสิ่งของที่อยู่ในแก้ว พร้อมทั้งหรี่ดวงตามอง พร้อมทั้งเดินไปหยิบเอามา “คุณหมอค่ะ คุณลองดูสิว่าใช่อันนี้ไหม?”

หลังจากที่คุณหมอได้ตรวจสอบอย่างมั่นใจเรียบร้อยแล้ว จนพูดด้วยท่าทางตื่นตระหนก “โสม ถังเช่า… นี่คือของที่เอาไว้คอยบำรุง ปกติแล้วคุณผู้หญิงใช้ของพวกนี้ในการต้มชาเหรอ?”

“ก็ไม่ได้ดื่มเป็นปกติ วันนี้อี้หลินเพิ่งเป็นคนเอามาส่งให้” หลิ่วเหวยลู่พูดไป ก็มองมาทางหวังอี้หลิน

หวังอี้หลินหน้าซีดเผือด

ชาแก้วนี้…มันมีปัญหาหรือไง?

คุณหมอถอนหายใจพร้อมทั้งพูดอธิบาย “ปกติแล้วโภชนาการของคุณผู้หญิงก็ดีมากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องบำรุงอะไร ชาในแก้วนี้เป็นยาที่บำรุงชั้นเลิศ ถ้าเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอดื่มเข้าไปย่อมถือว่าเป็นการบำรุง ทว่าเมื่อคุณผู้หญิงดื่มเข้าไปแล้ว ระบบภายในของร่างกายที่ปกติอยู่แล้วก็ถูกตีทำลาย จนทำให้ร่างกายตกอยู่ในอันตราย!”

ฉู่หยุนซีเมื่อฟังจบแล้ว พลันพูดอย่างตกอกตกใจ “จะเป็นแบบนี้ไปได้ไง? อี้หลินก็เรียนหมอมาเช่นกัน ไม่มีทางเข้าใจผิดแน่นอน!”

เมื่อคุณหมอได้ยินประโยคนี้แล้ว เขาหันไปหาหวังอี้หลินพร้อมทั้งใช้ความคิด “ที่แท้คุณหนูท่านนี้เข้าใจเรื่องทางการแพทย์นี่เอง ทว่าชาของคุณนั้นไม่ควรที่ให้คุณผู้หญิงได้ดื่ม ทว่าดีที่ว่าคุณนั้นช่วยชีวิต ไว้ได้ทัน จนสามารถช่วยชีวิตของคุณผู้หญิงให้กลับมาได้ ไม่งั้น เกรงว่าคงรอฉันไม่ไหว”

“คนที่ช่วย คือคุณนายหญิงฉู่” หลินเฟิงเป็นคนพูด

หวังอี้หลินอายจนหน้าแดงทันที

คุณหมอตกใจพร้อมทั้งประหลาดใจมาก พลางหันไปทางฉินซู

ฉินซูได้แต่ยิ้มให้เล็กน้อย พร้อมทั้งพูดว่า “คุณหมอคะ ฉันเห็นอาการของคุณย่าไม่ค่อยสู้ดีนัก อีกอย่างก่อนหน้านี้ท่านเคยมีอาการโรคลมชัก หรือว่าคุณหมอจะส่งตัวท่านไปตรวจร่าง

กายให้ละเอียดที่โรงพยาบาลเถอะ”

ความจริง ถึงแม้ว่าซ่งจิ่นหรงจะฟื้นขึ้น แต่ว่าใบหน้าซีดเผือด ขนาดแรงที่จะอ้าปากพูดออกมาสักคำยังไม่มีแรงเลยด้วยซ้ำ

พยักหน้าให้ พร้อมทั้งพูดกำชับออกมา “เว่ยเหอแกกับฉันจะไปส่งคุณย่าที่โรงพยาบาล”

ซ่งจิ่นหรงที่กำลังเกิดอาการมึนหัวอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหมอแล้ว ได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ

เพราะว่าท่านกลัวไปโรงพยาบาลที่สุดเลย

เมื่อเห็นเหตุการณ์ดังนั้น ฉินซูเดินเข้ามาหายังด้านข้าง พร้อมทั้งกระซิบอย่างแผ่วเบา “คุณย่า เมื่อครู่ท่านก็ได้ผ่านความตายมาด้วยตนเองแล้ว สามารถฟื้นกลับมาได้หนึ่งครั้ง แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าครั้งต่อไปจะฟื้นขึ้นมาได้ การที่ไปโรงพยาบาลนั้นคือไปตรวจร่างกาย เพราะจะดูสาเหตุและอาการของร่างกายของท่านให้ชัดเจน ไม่ได้ไปผ่าตัดและก็ไม่ได้มีการกินยาแต่อย่างใด….”

หลายคนในตระกูลฉู่เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ย่อมขมวดคิ้วเข้าหากัน ผู้หญิงคนนี้พูดแบบนี้งั้นเหรอ? แถมยังมีครั้งหน้าเนี่ยนะ นี่ช่างใครกัน?

ทว่าเมื่อซ่งจิ่นหรงได้เงยหน้าขึ้นมา สีหน้าที่ยุ่งเหยิงอีนุงตุงนัง แต่สุดท้ายแล้ว ในส่วนของความสงสัยนั้นก็ได้พยักหน้าให้เห็นด้วย

คนที่จะต้องตีให้ตายไปก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอย่างคุณผู้หญิงฉู่แต่กลับมาถูกฉินซูพูดจาจนตกอกตกใจจนเริ่มคิดตามแล้ว!!

ฉู่หลินเฉินได้แต่มองฉินซูอย่างลึกซึ้ง รอยยิ้มที่มุมปากกระดกขึ้นทันที

ฉินซูเองก็เพิ่งเห็น ได้แต่ตกตะลึงทันที

รอจนเวลาที่เธอตั้งสติกลับมาได้แล้ว ฉู่หลินเฉินก็ได้ประคองคุณผู้หญิงฉู่ เดินออกไปข้างนอกพร้อมกับคุณหมอแล้ว

หวังอี้หลินเองก็เห็นฉู่หลินเฉินยิ้มให้ฉินซูในตอนนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม ทำให้สมองของเธอระเบิดจนอื้ออึง ราวกับโดนสายฟ้าผ่ากลางสมอง

คุณชายฉู่ยังไม่เคยแสดงท่าทีแบบนั้นก็เธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ

หลินเฟิงเองก็อยากจะตามไปด้วย ทว่าเมื่อคิดได้ว่าคุณผู้หญิงไม่อยากเห็นหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว ถ้าเขาไปก็เหมือนไปทำให้ท่านรำคาญหูรำคาญตา เลยได้แต่ยืนอยู่ที่เดิม

เวลานั้นเองหลิ่วเหวยลู่ถามขึ้นมาพอดี “อี้หลินตกลงว่าชาแก้วนี้มันยังไงกัน?”

หลินเฟิงมองไปหาผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาไม่รู้จักในห้องโถงนี้ ชื่อว่าหวังอี้หลิน

แต่มองอย่างพิถีพิถันอยู่ชั่วครู่แล้ว น่าจะเคยเจอที่ไหนมาก่อน?

หวังอี้หลินรู้ว่าตนเองทำผิดย่อมได้รับโทษทัณฑ์ เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตา เม้มริมฝีปากแล้วพูดอธิบายออกมา “คุณหญิงฉู่ ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่คิดเลยว่าชานี้ให้คุณผู้หญิงดื่มแล้วจะทำให้มีปฏิกิริยาที่หนักเอาการเช่นนี้ ตอนที่ฉันซื้อก็ได้ถามคนขายยาอย่างละเอียดก่อนแล้ว เขาบอกว่าชานี้มีประสิทธิภาพที่ดีมากสำหรับคนชรา”

“คุณเรียนแพทย์มา ไม่ควรทำตามคนขายยาเขาพูดอะไรนี่ อีกนิดเดียวก็จะเกิดเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว” หลิ่วเหวยลู่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนจริงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกความไม่พอใจอะไร แต่ว่าในคำพูดนั้นก็มีการกล่าวโทษอยู่ไม่น้อย

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนั้น ฉู่หยุนซีรีบช่วยพูดให้หวังอี้หลินทันที “แม่ เขาอุตส่าห์มีจิตใจที่ดี ใครจะไปคิดล่ะว่าจะเกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นได้ แล้วทำไมต้องโยนความผิดให้เธอด้วยล่ะ? อีกอย่าง มันก็แค่ชาเท่านั้นเอง คุณย่าเป็นลมเพราะชาแก้วนี้หรือเปล่า? ฉันยังไม่เชื่อสักเท่าไหร่”

หวังอี้หลินมองเธออยู่แวบหนึ่งด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ส่วนฉินซูที่ไม่พูดอะไรสักอย่าง เวลานี้ก็ยิ้มเกร็งๆแล้วมองไปทางหวังอี้หลิน

หวังอี้หลินสบตากับเธอ จนตะลึงไปทันที

ฉินซูเริ่มพูดตักเตือน “ฉันพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า ชาบำรุงที่มีสรรพคุณที่มีราคา18,800แบบนี้ ไม่สามารถดื่มมั่วได้”

คำพูดของเธอทำให้คนอื่นได้แต่หันมามองอย่างไม่รู้ตัว

เมื่อได้ยินความหมาย ฉินซูเหมือนว่ารู้เรื่องอะไรมางั้นแหละ?

หวังอี้หลินกำหมัดมือไว้แน่น

เธอไม่อาจที่จะให้ฉินซูพูดเรื่องนั้นออกมา

ด้วยอาการที่กระวนกระวายใจหวังอี้หลินรีบพูดดักคอเอาไว้ก่อน “แกนี่แหละ! ชาพวกนี้แกเป็นคนแนะนำให้ฉันเอง แกต้องการขายยาเยอะ เลยจงใจทำแบบนี้ใช่ไหม?”

ฉินซูมองเธอใส่ร้ายตนเอง ได้ตั้งโลกทัศน์ใหม่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ทว่าบนใบหน้าของฉินซูกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ แผ่ซ่านออกมา

หลินเฟิงกลับขมวดหัวคิ้วไว้แน่น เขานึกออกว่าหวังอี้หลินเป็นใครแล้ว

แต่ว่าการที่เธอเบี่ยงเบนความจริงไปก็พอแล้ว สิ่งที่ทำให้เขายิ่งสงสัยนั้นก็คือ ฉินซูเป็นคุณนายหญิงฉู่และตอนนี้ก็อยู่ในตระกูลฉู่ ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงกล้าใส่ร้ายป้ายสีให้กับคุณนายหญิงฉู่ไปได้ล่ะ? ใครกันนะที่ให้ท้ายเธออยู่?

ฉู่หยุนซีอยู่ฝ่ายของหวังอี้หลินโดยตลอด ไม่อยากทำให้หลิ่วเหวยลู่มีความรู้สึกไม่ดีต่อหวังอี้หลินเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อน

ดังนั้น เธอเลยพูดเสริมไปว่า “อี้หลินมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? เกี่ยวกับฉินซูอะไรอีก?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset