บทที่ 050 ใครล่ะที่เก้อเขินมากที่สุด
บ้านตระกูลหวัง
ด้านหน้าคอมพิวเตอร์ หวังอี้หลินอัปโหลดบทความอันสุดท้ายเข้าไปในส่วนของต้นฉบับ จนค่อยปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจออกมา
เงินนี่เป็นของดีจริงๆ เธอแค่ต้องจ่ายเงินนิดหน่อย ก็สามารถหาคนมาช่วยตนเองเขียนบทความของสาขาพวกนี้ได้แล้ว
ใครว่าเงินใช้ซื้อความรู้ไม่ได้?
นี่ก็ไม่ได้ยืนยันแล้วเหรอ ขอแค่มีเงินมากพอ ไม่ว่าอะไรก็สามารถมีได้
แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเรียน คะแนนธรรมดา ก็สามารถเป็นคนเก่งกาจได้ในคืนเดียว
สายตาของหวังอี้หลินจับจ้องไปที่แฟ้มสีดำข้างตัว เป็นของฉินซู เธอเจอเอกสารวิจัยด้านในฉบับหนึ่ง เขียนได้ไม่เลวเลย
แต่ว่าตอนนี้ ลายเซ็นบทความวิจัยฉบับนี้เป็นของเธอแล้ว
จางเหวินผลักประตูเปิดเข้ามา “ลูกจ๋า ไปดื่มชายามบ่ายกันมั้ย?”
“แม่ พูดกี่ครั้งแล้ว ก่อนเข้าห้องหนูเคาะประตูก่อนได้มั้ย?” หวังอี้หลินกล่าวอย่างหมดคำพูด กดปิดหน้าเว็บทันที
หันหน้ามามองจางเหวิน “ยังมีอีก นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูจะลดน้ำหนัก ไม่ดื่มชาตอนบ่ายแล้ว!”
“ลดน้ำหนักอะไรกัน ลูกยังอยากเป็นดาราอยู่อีกจริงๆ เหรอ?”
จางเหวินเดินมาถึงตรงหน้าของหวังอี้หลินมองเธอขึ้นและลง กล่าวอย่างงุนงง “ใช้ชีวิตเป็นคุณหนูที่มั่งคั่งร่ำรวยและมีเกียรติไม่ดีเหรอ? ต้องไปเป็นดาราให้เหนื่อย ลูกรู้มั้ยดาราพวกนั้นนอกจากโชว์ความสวยงามแล้ว ต้องเหนื่อยขนาดไหน?”
“คุณหนูพันล้าน? คุณหนูตระกูลหวังนะเหรอคะ?”
หวังอี้หลินยิ้มให้ ห่อริมฝีปากกล่าวว่า “ในไห่เฉิงจะมีสักกี่คนเชียว ที่รู้จักตระกูลหวังของเรา? เลิกล้อเล่นได้แล้ว แม่คะ พวกเราเป็นแค่ชนชั้นเล็กๆ ที่เพิ่งลืมตาอ้าปาก ถึงแม้ตอนนี้จะมีเงิน แต่ก็ไม่รู้ว่ากว่าบริษัทของพ่อขยายใหญ่ได้ต้องรอไปจนถึงตอนไหน”
“หนูไม่อยากแต่งเข้าตระกูลฉู่ไปแบบนี้ ถึงตอนนั้นคนอื่นๆ ก็จะเหน็บแนมว่าหนูเกาะคนรวยกินเหมือนอย่างฉินซูตอนนี้ เหน็บแนมหนู หนูต้องการแต่งงานอย่างยิ่งใหญ่ และเป็นที่จับตามอง ตอนนี้มีเงินมีทรัพย์สินเพียบพร้อมแล้ว ขอแค่หนูดัง กลายเป็นเจ้าแม่วงการหนังแล้ว ถึงตอนนั้นกลายเป็นคุณนายหญิงของตระกูลฉู่อีก ก็จะได้เป็นที่นับหน้าถือตาแล้ว!”
ในดวงตาของหวังอี้หลินเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
สิ่งที่เธอต้องการ มีเยอะกว่าที่คนอื่นคิด
จางเหวินประหลาดใจอยู่บ้าง เหมือนได้รู้จักลูกสาวของตัวเองใหม่อย่างไรอย่างนั้น
ทำเมื่อก่อนถึงไม่เคยพบว่า ที่แท้ลูกสาวมีความคิดแบบนี้? แต่ว่านี่ก็ถือเป็นเรื่องดี
“ลูกพูดถูก แม่สนับสนุนลูก งั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป แม่จะรักษาหุ่นไปกับลูกเอง”
จางเหวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม แล้วนึกขึ้นมาได้เรื่องหนึ่ง เตือนเธอว่า “แต่ว่าลูกจะตั้งหน้าตั้งตาเป็นดาราอย่างเดียวไม่ได้นะ ทางด้านตระกูลฉู่ยังต้องเทียวไปบ่อยๆ คุณผู้หญิงฉู่อยู่โรงพยาบาล ลูกต้องคอยไปดูสถานการณ์ด้วยล่ะ”
หวังอี้หลินพยักหน้า “อืม หนูกำลังคิดอยู่เลยว่าวันนี้จะไปสักรอบ”
ถ้าเธอยังไม่ไปแสดงท่าทีอยู่อีกล่ะก็ ยายแก่คนนั้นอาจจะเกลียดเธอเพราะเรื่องชาถ้วยนั้นขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
……
ฉินซูเอาข้อมูลรายงานที่ทำทั้งคืนยันเช้ามาส่งให้อาจารย์หม่า
เธอสวมหน้ากากอยู่ แต่เมื่อหม่าเฉิงเห็นรอยคล้ำใต้ตาและสีหน้าขาวซีดของเธอ ก็รู้ว่าเธอทำงานโต้รุ่งและรีบทำออกมาแน่ๆ
เธอมาส่งตรงเวลาแล้ว แต่ของที่รีบทำออกมาในคืนเดียวจะได้คุณภาพสักเท่าไหร่กันเชียว?
นี่มันจะไม่ค่อยทุ่มเทหรือเปล่า?
ศาสตราจารย์ฉางเข้มงวดมาตลอด รายงานฉบับนี้ถึงมือเขา ต้องโมโหมากแน่ๆ
เมื่อคิดอย่างนี้ หม่าเฉิงเหนื่อยหน่ายจนขี้เกียจกับแม้กระทั่งพลิกก็พลิกดูรายงานของฉินซูพูดอย่างเฉยเมยออกมาประโยคหนึ่งว่า “เธอกลับไปเถอะ รายงานฉบับนี้ฉันจะส่งให้ท่านฉางดูแน่”
“ขอโทษนะคะอาจารย์หม่าเพิ่มความยุ่งยากให้คุณแล้ว” ฉินซูพยักหน้าแล้วจากไป หม่าเฉิงส่ายหัว
เด็กคนนี้ ท่าทางและการพูดคุยนับว่ามีมารยาทดีทีเดียว แต่ความคิดทุ่มเทส่งการบ้านในครั้งนี้ จะต้องถูกท่านฉางเตะทิ้งไปแน่ๆ
ออกจากห้องแล็บ ฉินชูแวะซื้ออาหารเช้าข้างทางชุดหนึ่ง
ร่างกายผ่านการทำงานจนรุ่งเช้า ตอนนี้ตัวเธอทั้งเหนื่อยทั้งง่วง กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ถึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
เรื่องเมื่อคืนเธอยังจดจำอยู่ในใจ แต่ยังไม่รีบร้อนไปคิดบัญชีกับหลินมึ่งฟานในทันที
หนึ่งเพราะตอนนี้ในมือเธอยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน สองคือ…เมื่อวานเธอยังได้ยินเสียงผู้หญิงอีกเสียงหนึ่งชัดๆ กล่าวได้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของหลินมึ่งฟานคนเดียว
เสียงของผู้หญิงคนนั้นดูคุ้นเคยอยู่บ้าง น่าจะเป็นคนรู้จัก
ฉินซูไปโรงพยาบาลฟู่คัง คุณย่าจะเข้ารับการผ่าตัดเร็วๆ นี้ เธออยากไปดูเยอะๆ หน่อย
ในเวลาเดียวกัน หวังอี้หลินก็ถือตะกร้าดอกไม้ผลไม้มาจากบ้าน
ฉินซูเพิ่งเยี่ยมคุณย่าเสร็จ ถามเรื่องการผ่าตัดกับคุณหมอเรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมจากไป
เพราะวอร์ดที่คุณผู้หญิงฉู่พักอยู่ก็อยู่ติดกัน เธอเลยเดินผ่านประตูไป
หวังอี้หลินก็กำลังมุ่งหน้ามาพอดี เจอเข้ากับฉินซู
มองเห็นสองมือของฉินซูว่างเปล่า สายตาของเธอมองไปรอบๆ ใช้เสียงที่ให้คนด้านในประตูได้ยินกำลังดี ทักทายเธอ “ฉินซูเธอก็มาดูคุณย่าเหรอ?”
ในตอนนี้เอง ประตูห้องก็เปิดออก
ที่มาเปิดประตูเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ท่าทางมีสง่าราศี รูปร่างสูงยาว
ฉินซูกับหวังอี้หลินมองฝ่ายตรงข้ามในเวลาเดียวกัน ต่างตกตะลึง
ฉินซูรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง
ส่วนหวังอี้หลินโดนความหล่อเหลาหมดจดของผู้ชายคนนี้ทำให้ประหลาดใจ
ใบหน้าของผู้ชายคนนี้มีส่วนคล้ายกับฉู่หลินเฉินหลายส่วนทีเดียว ดูหรูหราและแพง
สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าของฉินซูผ่านหน้ากาก รู้ว่าเธอคือใคร ยิ้มแล้วเรียก “หลานสะใภ้”
เสียงเรียกนี้ ปลุกความจำของฉินซู
เธอนึกออกแล้ว
เมื่อคืน เธอล้มใส่อ้อมแขนของผู้ชายคนนี้…
และก็เป็นเขา ร่วมมือแสดงกับเธอ ไล่นักข่าวพวกนั้นไป
ฉินซูสงบความคิดได้อย่างรวดเร็วแล้วพักหน้า เรียกเสียงเบาว่า “คุณฉู่อื้อแย้เหรอคะ?”
หวังอี้หลินที่อยู่ด้านข้างประหลาดใจ
คุณฉู่อื้อแย้?
นี่ก็คืออารองของฉู่หลินเฉิน ที่เล่าลือว่าสุขุมนุ่มลึก คุณฉู่อื้อแย้ที่สง่างามคนนั้น?
ได้ยินว่าเขาเป็นลูกหลงของคุณผู้ชายฉู่ยังไม่ได้แต่งงาน คิดไม่ถึงว่า จะเป็นหนุ่มหล่ออายุนี้ ดูเหมือนจะอายุแค่สามสิบกว่าเท่านั้น
ไม่อาจไม่พูดว่ายีนของตระกูลฉู่ดีจริงๆ ผู้ชายแต่ละคนต่างหล่อเหลาโดดเด่นสะดุดตา!
แม้เธอจะชอบใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติที่คุณชายฉู่ ที่วันๆ เอาแต่ทำสีหน้าอิจฉามากที่สุด แต่คุณฉู่อื้อแย้คนนี้ ก็หล่อเหลาเอาการ!
หวังอี้หลินเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว เผยรอยยิ้มที่สง่างาม
แต่ฉู่สวี้ไม่สนใจอย่างเห็นได้ชัด แม้มองยังไม่ได้มองเธอมากเท่าไหร่ เพียงยิ้มเบาๆ และพูดกับฉินซูว่า “เธอคือภรรยาของหลินเฉินจะมาแบ่งแยกอะไรกัน? เธอเรียกฉันว่าอารองก็พอแล้ว”
ใบหน้าของหวังอี้หลินหน้าตึง พร้อมทั้งความรู้สึกไม่พอใจ
ทำไม? ในตระกูลฉู่ยังมียังมีคนที่ยังไม่รู้สถานะปลอมๆ ของฉินซูอีกเหรอ?
“อันที่จริง…”
ตอนที่ฉินซูอ้าปากเตรียมจะอธิบายนั้น หวังอี้หลินก็ขัดจังหวะเธอขึ้นมา จงใจเรียก “อารอง!”
อารอง?
ตอนนี้ฉู่สวี้ถึงเพิ่งสังเกตเห็นเธอ มองสำรวจรูปลักษณ์ที่ไม่คุ้นเคย “คนนี้คือ?”
หวังอี้หลินไม่ได้รู้สึกเขินอายที่อีกฝ่ายไม่รู้จักตน เธอยิ้มอย่างเหมาะสม กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้การแต่งงานของฉันกับหลินเฉินเกิดมีปัญหานิดหน่อย เพื่อรักษาหน้าตระกูลฉู่ จึงให้ฉินซูแทนที่ฉันเป็นคุณนายหญิงของตระกูลฉู่ไปชั่วคราว เรื่องนี้หลินเฉินไม่ได้บอกคุณเหรอคะ?”
ถูกเปิดเผยตัวตนต่อหน้าแบบนี้ น่าจะเป็นฉินซูที่ควรจะอึดอัดใจที่สุดมากกว่า!
หวังอี้หลินใช้หางตามองเธออย่างมีชัย
คิดไม่ถึงว่าฉินซูจะพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “คุณฉู่อื้อแย้ตามนั้นเลยค่ะ”
ตระกูลฉู่ต่างรู้กันทั่วว่าตนเองกับฉู่หลินเฉินเป็นสามีภรรยาปลอมๆ มีคุณฉู่อื้อแย้รู้เพิ่มมาอีกคนฉินซูก็ไม่ได้สนใจนัก