บทที่39: เยี่ยมเยียนคุณย่า
“เหลวไหล จะให้อี้หลินทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง?”ซ่งจิ่นหรงขมวดคิ้ว
หวังอี้หลินรีบพูดแสดงความคิดเห็น: “คุณผู้หญิง หนูเจอคุณผู้หญิงครั้งแรกก็เหมือนเจอคนสนิท เห็นคุณผู้หญิงเป็นคุณย่าของหนู หนูสมัครใจอยู่ดูแลคุณผู้หญิงเองค่ะ พอดีเลยจะได้อยู่เป็นเพื่อนคุณผู้หญิงเยอะๆค่ะ”
“เด็กคนนี้นี่……”ซ่งจิ่นหรงสีหน้าชื่นใจ ลึกๆกลับละอายใจต่อหวังอี้หลินเพิ่มมากขึ้น ย่อมยิ่งเกรงใจให้เธอมาดูแลตัวเองอยู่แล้ว
หลิ่วเหวยลู่พูดเสียงเบา: “คุณแม่คะ อี้หลินอยู่ที่นี่ก็เป็นเรื่องดี เพราะยังไงซะ ช้าเร็วก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้วค่ะ”
ซ่งจิ่นหรงก็ยังค่อนข้างลังเลอีกเช่นเคย: “แม่ลองคิดดูก่อนแล้วกัน”
…………..
เมื่อคืนฉินซูอ่านหนังสือที่อาจารย์ซวูให้จนถึงกลางดึก เช้าวันรุ่งขึ้น เธอรับสายของฉู่หลินเฉินอย่างเบลอๆ ในหัวยังคิดถึงความรู้จากในหนังสือ
“อีกยี่สิบนาทีให้เว่ยเหอมารับคุณกลับบ้านเก่าตระกูลฉู่ อย่าลืมแต่งตัวดีๆล่ะ”
เสียงที่ทุ้มต่ำเย็นชา พริบตาเดียวได้ขับไล่ความง่วงไปหมด
ยี่สิบนาที กลับบ้านเก่าตระกูลฉู่?
ฉินซูลุกขึ้นมาจากเตียงโดยกระโดดเหมือนปลาคาร์ฟกระโดด แล้วพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ
ตอนที่เว่ยเหอมาถึง เธอก็เพิ่งแต่งตัวเสร็จ เธอเดินไปหารถด้วยและมัดผมไปด้านหลังด้วย
เธอแต่งตัวได้ไม่มีปัญหา มีแต่ใบหน้าสดที่ไร้เครื่องสำอางนั้น ดีที่ผิวของเธอดีมาก พอดูแบบนี้ กลับมีความสง่างามที่สวยใสงดงาม
ฉินซูขึ้นรถแล้วถาม: “ทำไมจู่ๆต้องไปที่บ้านเก่าตระกูลฉู่ วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
เว่ยเหอบอกว่าตัวเองก็ไม่รู้ คุณชายฉู่ส่งข้อมูลมาปุ๊บ เขาก็รีบทำตามเลย
ฉินซูเห็นสถานการณ์แล้วก็อาศัยระยะทางที่ค่อนข้างไกลนี้ หลับตาลง งีบหลับจากอาการที่ยังนอนไม่อิ่ม
ถึงหน้าบ้านพักฉู่ ฉู่หลินเฉินก็ได้โทรเข้ามา
“คุณถึงแล้วใช่มั้ย? เข้าไปพักผ่อนก่อน ผมกับคุณอาหลินเดี๋ยวก็มาถึงแล้ว”
ฉินซูครุ่นคิดไปครู่นึง: “คุณอาหลิน คนที่เจอกันในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้เหรอคะ?”
“อืม คุณอาหลินจะมาเยี่ยมเยียนคุณย่า คุณไปที่คุณย่าก่อนเถอะ”ชัดเจนว่าหลินเฟิงอยู่ข้างกายของฉู่หลินเฉิน ดังนั้นน้ำเสียงของเขาฟังแล้วอ่อนโยนขึ้นเยอะ
ถ้าไม่ใช่หลินเฟิงเสนอ ฉู่หลินเฉินก็ขี้เกียจให้เว่ยเหอไปรับฉินซู
แต่หลินเฟิงกับตระกูลฉู่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แล้วเขาก็เพิ่งคว้าคนมาจากมือของหันโม่หยัง ต้องการให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายแข็งแรง เรื่องยิบย่อยพวกนี้ก็ละเลยไม่ได้
ฉินซูก็ไม่ได้พูดมากกับเขา เธอตอบแค่“โอเค”คำเดียว ก็ได้วางสายทิ้งแล้ว
ถึงว่าเมื่อวาน หลินเฟิงถึงได้ซื้อของบำรุงสำหรับผู้สูงอายุ ที่แท้วันนี้มาเยี่ยมเยียนคุณผู้หญิงนี่เอง
ฉินซูเดินเข้าไปที่ประตูของบ้านพักฉู่ด้วยสีหน้าท่าทางที่เรียบเฉย
ทางฝั่งของคุณผู้หญิง กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน
หมิงซูได้รับข้อมูลจากคนรับใช้ เขาเดินไปที่ตรงหน้าของซ่งจิ่นหรงและพูด: “คุณนายหญิงมาแล้วครับ”
คุณนายหญิง?
สรรพนามนี้ทำให้หวังอี้หลินอึ้งไปครู่นึง พอเธอดึงสติกลับมา ฉู่หยุนซีได้เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่พอใจก่อนแล้ว: “ไม่ได้เชิญสักหน่อย เธอมาทำไม?”
หลิ่วเหวยลู่กังวลฉู่หยุนซีจะอารมณ์วู่วามเกินไป และก่อเรื่องขึ้นมา จึงได้เดินตามไป
หมิงซูขวางยังไงก็ขวางไม่อยู่ เขาได้พูดกับซ่งจิ่นหรงอย่างจนปัญญา: “เว่ยเหอเป็นคนส่งเธอมาครับ เดี๋ยวคุณชายก็มาถึงแล้วครับ บอกว่าคุณหลินเฟิงของจะมาเยี่ยมเยียนด้วยครับ”
ได้ยินชื่อนั้น ซ่งจิ่นหรงขมวดคิ้วและสีหน้าเย็นชาลงมา เธอพูดว่า: “ฉันไม่เจอคนๆนี้”
“คุณผู้หญิง นี่มันก็นานหลายปีแล้วนะครับ…….”หมิงซูอยากเกลี้ยกล่อม แต่มองสีหน้าท่าทางของซ่งจิ่นหรง ก็ได้กลืนคำพูดกลับไปอย่างรู้ตัว
เรื่องของสมัยนั้น เป็นหนามที่คอยทิ่มแทงใจคุณผู้หญิง เกรงว่าทั้งชาติก็คงขจัดทิ้งไม่ได้แล้ว
เขาหันหลังไปฝากคำพูดให้หลินเฟิง
หวังอี้หลินเห็นสีหน้าของซ่งจิ่นหรงที่จู่ๆห้อยลงมา สีหน้าเต็มไปด้วยความหดหู่ เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย
หวังอี้หลินจิตใจคล้อยตาม เธอแกะกล่องของขวัญที่เอามา ชงชามาแก้วนึงแล้วยื่นไปด้วยความเคารพ
“คุณผู้หญิง เชิญดื่มชาค่ะ”
“จ้า”ซ่งจิ่นหรงฝืนเก็บอารมณ์เอาไว้ และรับน้ำชามา
ฉู่หลินเฉินกับหลินเฟิงมาถึงแล้ว หมิงซูมาบอกความต้องการของคุณผู้หญิง ปฏิเสธการเยี่ยมเยียน
หลินเฟิงถอนหายใจอย่างควบคุมไม่ได้: “สมัยนั้นผมเลอะเลือนเอง ได้ทำความผิดอันใหญ่หลวงไป ทำให้คุณผู้ชายฉู่พลอยเดือดร้อนไปด้วย……คุณผู้หญิงไม่ยอมให้อภัยผม มันก็อยู่ในความคาดหมายอยู่แล้วครับ”
หลิ่วเหวยลู่พูดปลอบใจ: “คุณอย่าถือสาเลยนะ สักวันคุณผู้หญิงคงคิดปลงได้ เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตระกูลฉู่ของเราก็เข้าใจความลำบากใจของคุณในตอนนั้น”
หลินเฟิงยิ้มขมขื่นทีนึง: “คุณหญิงฉู่ ขอบคุณที่คุณเข้าใจครับ แต่ผิดก็คือผิด วันนี้ที่ผมมา นอกจากมาเยี่ยมเยียนคุณผู้หญิงแล้ว ยังอยากมาจุดธูปไหว้คุณผู้ชายฉู่ด้วยครับ”
หลิ่วเหวยลู่อึ้งไปครู่นึง และมองไปที่ฉู่หลินเฉินด้วยจิตใต้สำนึก การจัดเตรียมนี้ เห็นได้ชัดว่าเขารู้
เธอก็เลยไม่พูดอะไรมาก แค่พยักหน้า
“ขอบคุณมากครับ คุณหญิงฉู่”หลินเฟิงซาบซึ้งใจสุดๆ หันหลังเอากล่องไม้ที่อยู่ในมือยื่นให้กับหมิงซู: “ถึงแม้คุณผู้หญิงไม่ยอมเจอผม แต่นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของผม ได้ยินมาว่าคุณผู้หญิงนอนไม่ค่อยหลับ บางทีอันนี้อาจจะสามารถช่วยให้คุณผู้หญิงหลับสบายขึ้นครับ”
พอพูดจบ ได้มองฉินซูที่ยืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ
“คุณอาหลิน ไปเถอะครับ ผมพาคุณอาหลินไปที่ป้ายบูชาบรรพบุรุษครับ” ฉู่หลินเฉินพูดและเดินนำหน้า
หลินเฟิงเพิ่งเดินได้สองก้าว ก็เปิดปากถามด้วยความข้องใจ: “คุณนายหญิงฉู่ไม่ไปด้วยกันเหรอครับ?”
แววตาของฉู่หลินเฉินมืดมนเล็กน้อย: “เธอ……”
หลิ่วเหวยลู่รีบอธิบาย: “คุณผู้หญิงมีธุระหาเธอค่ะ”
ระหว่างพูด ได้ส่งสายตาให้ฉินซู: “ใช่มั้ย?”
ถึงแม้ฉินซูไม่เข้าใจ แต่ก็ได้ตอบอย่างให้ความร่วมมือ: “ใช่ค่ะ”
ทีนี้หลินเฟิงถึงไปกับฉู่หลินเฉิน หลิ่วเหวยลู่ก็ได้ไปกับพวกเขาด้วย
“นังตัวปลอม แกนึกว่าป้ายบูชาบรรพบุรุษของตระกูลฉู่ใครๆก็จะสามารถเข้าไปได้งั้นเหรอ?”ฉู่หยุนซีพูดจาเหน็บแนมเสียงเบาคำนึง แล้วเดินตามพวกเขาไปอย่างเชิดหน้าชูตาด้วยความเย่อหยิ่ง
ฉินซูก้มหน้ายกมุมปาก อยู่ดีๆเธอก็ไม่อยากไปไหว้คนอื่นหรอก
“คุณนายหญิง ไปที่คุณผู้หญิงกับผมก่อนเถอะครับ”หมิงซูพูด
ฉินซูพยักหน้า: “โอเคค่ะ”
ตอนที่เดินตามหมิงซูเข้ามาที่ห้องรับแขก ซ่งจิ่นหรงกำลังพูดคุยกับหวังอี้หลินอย่างคึกคัก เรื่องของหลินเฟิงเป็นแค่ฉากสอดแทรกเล็กๆที่ไม่รื่นรมย์
“คุณผู้หญิง นี่เป็นน้ำใจของคุณหลิน ให้ผมฝากมาให้ท่านครับ ผมไปจัดเตรียมอาหารเที่ยงที่ห้องครัวก่อนครับ”หมิงซูวางกล่องลง แล้วหันหลังออกไป
ที่ห้องรับแขกไม่มีคนอื่น
ฉินซูเห็นหวังอี้หลิน หลังจากแปลกใจเล็กน้อยก็ได้ฟื้นกลับมามีสีหน้าท่าทางที่เหมือนเดิม และเรียกคำนึง: “คุณผู้หญิง”
ซ่งจิ่นหรงพยักหน้า ให้เธอนั่งตามสบาย จากนั้นได้พูดคุยกับหวังอี้หลินต่อ
ฉินซูก็เลยหาที่นั่งแล้วนั่งลงมา
สีหน้าของหวังอี้หลินกลับไม่เป็นธรรมชาติแล้ว
เพราะเธอกำลังพูดคุยถึงเรื่องที่ตัวเองพบเจอคุณชายฉู่กับคุณผู้หญิงอยู่!
ขณะนี้ ซ่งจิ่นหรงซักถามด้วยความแปลกใจ: “จากนั้นล่ะ? หนูกับอาเฉินก็เจอกันในป่า? แล้วเกิดอะไรขึ้นอีก?”
หวังอี้หลินตื่นเต้น มองไปที่ทางฝั่งของฉินซูด้วยจิตใต้สำนึก
ฉินซูเอียงศีรษะ และมองดูเธอพอดี
หวังอี้หลินรู้สึกเหมือนถูกบีบคอเอาไว้ พูดไม่ออกสักคำ
ฉินซูก็นั่งอยู่ที่ตรงนี้ ถ้าเกิดตัวเองพูดหลุดปาก ถูกเธอฟังพิรุธอะไรออก งั้นทุกอย่างไม่ถูกเปิดเผยหมดเหรอ……….