ทั้งสองคนเดินไปที่ประตูด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“เดี๋ยวก่อน”
เมื่อพวกเขาไปถึงประตู เฉียวเมียนเมียนก็หยุดพวกเขาไว้
ไป๋เสี่ยวหันกลับมาและพูดอย่างดุเดือด
“อยากจะพูดอะไรอีกล่ะ”
ริมฝีปากของเฉียวเมียนเมียนเม้าขึ้น สายตาของเธอลดลง ก้มลงไปที่กระเป๋าที่อยู่ในมือของไป๋เสี่ยว แล้วเธออย่างสบาย ๆ ว่า
“เธอไปได้ แต่ทิ้งของนั่นไว้ด้วย แฟนฉันเขาคิดว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีกัน เขาจึงมอบของขวัญให้เธอ แต่เธอกับฉันไม่ใช่เพื่อนกันอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้นคืนของขวัญที่เขาให้เธอด้วย”
เมื่อไป๋เสี่ยวและจางอี้เว่ยกำลังจะจากไป พวกเขาหยิบชุดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ได้รับในตอนแรกติดมือไปด้วย
“ฮะฮ่า ฉันคิดว่าเธอจะสูงส่งอะไรซะอีก เธอเอาแต่คิดว่าคนอื่นทำนั่นทำนี่ผิดไปหมด เธอยังมีหน้าจะเอาของที่คนอื่นมอบให้ไปด้วยเหรอ ละอายใจซะบ้างเถอะ”
เจียงหลัวลี่โกรธพวกเขาสองคนมาก และจึงไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้เยาะเย้ยพวกเขา
ท่าทีของทั้งสองคนเปลี่ยนไป
จางอี้เว่ยรู้สึกตัว โยนกระเป๋าลงพื้นอย่างเย็นชา
“ฉันคืนให้ ฉันไม่อยากได้มันหรอก”
ไป๋เสี่ยวไม่เต็มใจที่คืนสักเท่าไหร่
เธอยืดตัวขึ้น
“ทำไมต้องคืนของที่ให้ไปแล้วด้วย เครื่องสำอางชุดนี้ ให้ฉันแล้วมันก็ต้องเป็นของฉันสิ ฉันจะเอาไม่เอามันก็เป็นเรื่องของฉัน”
เจียงหลัวลี่ตกใจกับความไร้ยางอายของเธอ
แม้แต่เฉียวเมียนเมียนก็รู้สึกว่าเธอเพิ่มรู้จักและเข้าใจเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนที่อยู่ด้วยกันมาตลอดสามปีเต็มในวันนี้
หลังจากที่ไป๋เสี่ยวพูดจบ เธอก็ถือกระเป๋าและจับมือกับจางอี้เว่ยเดินออกไป
“ไร้สาระสิ้นดี”
เมื่อมองทั้งคู่เดินออกไป เจียงหลัวลี่ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดออกมา
“ฉันไม่คาดคิดเลยว่าไป๋เสี่ยวจะไร้ยางอายขนาดนี้ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นแบบนี้ ส่วนจางอี้เว่ยก็มีจิตใจที่มืดมนไ
“สามปีที่นอนห้องเดียวกันกับพวกเขามา ดูเหมือนว่าฉันไม่รู้จักพวกเขาเลย”
“ฉันก็ด้วย”
ริมฝีปากของเฉียวเมียนเมียนงอขึ้น เธอก็หัวเราะกับตัวเอง
“เดิมทีฉันคิดว่า แม้ว่าฉันจะเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเขาไม่ได้ แต่เราก็ยังคงมีสัมพันธ์ที่ดีต่อไป ดูเหมือนว่าฉันจะไร้เดียงสามากเกินไป”
เธอควรจะขอบคุณเหมาเยซือ
ท้ายที่สุดอาหารของเขาทำให้เธอเห็นทั้งสองคนได้อย่างชัดเจน
“เมียนเมียน ไม่ต้องเสียใจไปหรอก เธอควรจะดีใจที่ได้เห็นพวกเขาทันเวลา เธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเสียความรู้สึกไปกับพวกเขาอีกต่อไปในอนาคต”
“อืม ฉันรู้”
เฉียวเมียนเมียน ไม่เสียใจมาก แต่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย
พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากนักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ดังที่เจียงหลัวลี่กล่าว เธอควรจะดีใจที่ได้เห็นความจริงในใจของพวกเขา ระหว่างมื้ออาหารนี้
“ตอนนี้…”
เจียงหลัวลี่มองไปยังโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร ใบหน้าของเธอแสดงออกมาอย่างเจ็บปวด
“อาหารเยอะขนาดนี้เราสองคนจะกินหมดได้ยังไง”
เฉียวเมียนเมียนขมวดคิ้ว
เมื่อเทียบกับเจียงหลัวลี่แล้ว เธอรู้สึกเจ็บปวดมากยิ่งกว่า
ท้ายที่เธอก็เป็นคนจ่ายทั้งหมด
**
อาหารจานใหญ่แม้ว่าทั้งสองคนจะยัดลงกระเพาะไปเท่าใด ก็ยังเหลืออีกมาก
ท้ายที่สุดเฉียวเมียนเมียนก็เรียกให้พนักงานเสิร์ฟแพ็คอาหารสองสามอย่างที่พวกเขายังไม่ได้รับประทาน
เธอรู้สึกอายเล็กน้อยเมื่อต้องห่ออาหารกลับบ้าน
หากคุณสามารถมาที่ร้านอาหารหรูขนาดนี้ได้ ไม่มีใครจะนำอาหารที่ทานเหลือกลับไปหรอก
เธอเป็นคนแรกที่กล้าขอให้แพ็คอาหารลงกล่อง
บริการตัวแข็งเมื่อได้ยินเธอขอให้แพ็คอาหารที่เหลือ แต่เขารีบพูดด้วยความเคารพ
“ได้ครับ คุณเฉียวโปรดรอสักครู่”
หลังจากห่ออาหารแล้ว ทั้งสองไปที่เคาน์เตอร์เพื่อชำระเงิน
แคชเชียร์ยิ้ม
“คุณเฉียวคะ มีคนชำระเงินให้คุณแล้วค่ะ”
เฉียวเมียนเมียนตะลึง
“จ่ายเงินแล้วหรือ?”