“คุณนอกใจว่าที่ภรรยาในอนาคตของตนเอง และทำสิ่งที่น่าขยะแขยง ไร้ยางอายแบบนี้ได้ยังไง ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังไม่รู้สึกละอายใจ แถมยังมาตำหนิ พูดจาสกปรกใส่เมียนเมียนอีก คุณนี่มันไร้ยางเกินเกินไปแล้ว มันหน้าตัวเมียรู้บ้างไหม”
“คุณมีหอยเป๋าฮื้อและปลิงทะเลอยู่ในบ้าน แต่คุณเองที่ยังไม่อิ่ม ทำไมต้องกินของเสียในบ้านด้วย แม้ว่าจะแย่ยังไง คุณก็ควรหาคนที่มีมาตรฐานสูงกว่าคนเก่าหน่อยนะ ไม่ใช่คลำแล้วไม่มีหางก็เอาไม่เลือก”
คำพูดของเจียงหลัวลี่นั่นหยาบคายเป็นอย่างมาก เธอยังคงพูดจาตำหนิเขา ขณะที่ใบหน้าของซูเจ๋อเปลี่ยนไปอย่างน่าเศร้า
เขาโกรธมากจนเส้นเลือดสีเขียวปูดขึ้นบนหน้าผากของเขาจะระเบิดออกมา เขากัดฟันพูด
“เจียงหลัวลี่ ผมต้องการให้คุณถอนคำพูด และขอโทษผมเดี๋ยวนี้”
เจียงหลัวลี่ ถามด้วยความไม่ยอมความ
“ทำไมฉันต้องถอนคำพูดเหล่านั้นด้วย หรือมันไม่จริง”
ซูเจ่อโกรธมาก สายตาของเขาคุกคาม
“ได้ ถ้าเธอไม่ยอมถอนคำพูด เธอได้เห็นดีแน่”
หลังจากพูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดเบอร์โทรออก
ในไม่ช้าบอดี้การ์ดหลายคนก็เข้ามา
เจียงหลัวลี่ตระหนักถึงฐานะปัจจุบันของตนเอง เธอรู้สึกกระวนกระวายเล้กน้อย
เธอก้าวถอยหลัง
“ซูเจ๋อ คุณกำลังจะทำอะไร”
“ขอโทษซะ” ซูเจ๋อกำลังคุยกับเธอ แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่เฉียวเมียนเมียน
“ขอโทษผม สำหรับสิ่งที่คุณเพิ่งพูดไปซะ”
“ไอเชี่ย นาย ซูเจ๋อ นายนี่มันขยะจริง ๆ”
เจียงหลัวลี่กัดฟันของเธอและพุดอย่างจริงจังว่า
“คุณไม่กล้ายอมรับความจริงที่ตนเองได้ทำลงไปเหรอ? ฉันไม่เคยพบเคยเห็นผู้ชายอย่างคุณมาก่อนเลยจริง ๆ”
ในฐานะคุณชายใหญ่ทายาทตระกูลซู เขาเติบโตขึ้นมาด้วยความเคารพและไม่มีใครกล้าดุด่าเขาเช่นนี้
เจียงหลัวลี่ คนนี้คิดว่าเพียงเพราะเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเฉียวเมียนเมียน เธอจะสามารถทำได้ทุกอย่างที่ต้องการได้เหรอ
เขาจะสอนบทเรียนให้เธอในวันนี้เอง
“ซูเจ๋อ นายกล้าดียังไง”
เฉียวเมียนเมียนก้าวไปยืนขวางตรงหน้าเจียงหลัวลี่ เพื่อขัดขวางเธอและมองไปที่ซูเจ๋ออย่างเย็นชา
“นายใหญ่แห่งตระกูลซูกล้าลงมือกับผู้หญิงในที่สาธารณะ คุณไม่รู้จักอับอายบ้างรึไง”
ซูเจ๋อเห็นเธอก้าวออกไปเพื่อกั้นกลาง ดวงตาที่ขุ่นมัวของเขาก็หรี่ลง
“เธอเป็นคนพูดนอกในที่สาธารณะก่อน ถ้าผมไม่สอนเธอวันนี้ เธอจะไม่รู้ฐานะของตนเอง”
“เธอพูดแล้วยังไง”
ดวงตาของเฉียวเมียนเมียนเต็มไปด้วยความประชดประชัน
“เธอแค่พูดความจริง ฉันบอกเธอเรื่องเหล่านั้นเอง ถ้าคุณคิดว่าเธอควรได้รับการสั่งสอน คุณไม่ต้องสั่งสอนฉันด้วยหรือ”
ซูเจ๋อบีบริมฝีปากแน่นและลดมือลง
ใบหน้าของเขายังคงโกรธและน้ำเสียงของเขาก็เย็นชา
“เมียนเมียน ผมจะไม่ถือสาคุณ แต่เจียงหลัวลี่ต้องขอโทษและถอนคำพูด”
“ฉันไม่ขอโทษคุณหรอก”
เจียงหลัวลี่กำหมัดแน่น
“ทำไมฉันต้องขอโทษคนขี้โกงอย่างคุณด้วย เมียนเมียนอยู่กับคุณมาหลายปีแล้ว แต่คุณไม่ได้ทรยศเธอเท่านั้น ตอนนี้คุณยังดูถูกเธอมาก ซูเจ๋อคุณไม่ใช่มนุษย์เลย อยากจะทำอะไรกับฉันก็เชิญ ฉันไม่กลัวหรอก ยังไงซะคนขี้โกงอย่างคุณก็ไม่มีจิตสำนึกอยู่แล้ว เรื่องธรมดาที่จะเอาชนะผู้อื่นเพื่อแก้แค้นล่ะสิท่า”
เจียงหลัวลี่เสียงดังมาก
พนักงานที่แผนกต้อนรับและลูกค้าบางคนที่เดินผ่านไปมาได้ยิน
เมื่อพวกเขาได้ยินเธอพูดว่า “ทุบตีผู้อื่น” พวกเขาก็หันมาสนใจซูเจ๋อ
มีคนกระซิบวา
“คุณชาย ทายาทตระกูลซูไม่ใช่เหรอ เรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”