คำพูดที่นุ่มนวลและอ่อนโยนของชายคนนี้ เป็นเหมือนน้ำผึ้งหวานต่อหัวใจของเฉียวเมียนเมียน
หัวใจของเธอได้เต้นระรัวขึ้นอีกครั้ง
ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นเธอก็พบกับดวงตาที่ลึกซึ้งและมีเสน่ห์ของเขา การหายใจของเธอก็ไม่สม่ำเสมอ
เหมาเยซือ…
ผู้ชายคนนี้จะมีเสน่ห์ร้องแรงขนาดนี้ได้ยังไง
เขามีทักษะในการใช้คำพูดที่โรแมนติกและทำให้หลงใหลไปกับมันอย่างสมบูรณ์แบบ
เธอไม่สามารถตั้งหลักได้ทันเลย หัวใจของเธอถูกเขายั่วยุได้อย่างง่ายดาย ขึ้นลงเร็วและช้า…
**
ครึ่งชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็มาถึงวิทยาลัย
เจียงหลัวหลี่ลงจากรถออกไปก่อน
หลังจากลงจากรถเธอก็ยืนอยู่ข้างรถและยกกระเป๋าของขวัญที่เขาให้ก่อนหน้านี้ที่อยู่ในมือขึ้น เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“เจ้าชายสุดหล่อ ขอบคุณสำหรับของขวัญและอาหารมื้อค่ำที่แสนอร่อยนะคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ หากมีเวลาว่างฉันอยากจะเลี้ยงข้าวคุณกับเมียนเมียนเป็นการตอบแทนค่ะ”
ความประทับใจของเจียงหลัวลี่ที่มี่ต่อเหมาเยซือนั้นท่วมท้น
เธอรู้สึกว่าเหมาเยซือดีกว่าซูเจ๋อร้อยเท่า
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังดูดีกว่าซูเจ๋อมาก อีกทั้งยังร่ำรวยกว่าซูเจ๋ออีกด้วย และสิ่งสำคัญที่สุดคือเธอเห็นแล้วว่าเขาจริงใจกับเฉียวเมียนเมียนมากเพียงใด เห็นได้ชัดจากท่าทีของเขาที่มีต่อพวกเรา
ถ้าเขาไม่สนใจเฉียวเมียนเมียนอย่างลึกซึ้ง เขาจะไม่ให้ของขวัญเพื่อนร่วมห้องและไม่เชิญพวกเราไปทานอาหาค่ำหรอก
โดยปกติแล้วคนที่อัตลักษณ์คล้ายกับเขาทุกคนมักจะหยิ่งผยอง
เมื่อนึกถึงซูเจ๋อ เขาไม่เคยชวนพวกเราไปทานอาหารเลย นับประสาอะไรกับของขวัญ
และทุกครั้งที่เขามาที่วิทยาลัย เพื่อมาหาเฉียวเมียนเมียน เขาก็จะวางตัวอยู่เหนือผู้อื่น
เหมาเยซือยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้ารับ “ได้สิ”
“เอาล่ะ ถือว่านั่นคือสัญญาแล้วนะคะ”
เจียงหลัวลี่ดูมีความสุข
“ฉันไม่สามารถพาไปร้านอาหารหรูแบบเมื่อกี้ได้หรอกนะ แต่ฉันรู้จักร้านบาร์บีคิวที่รสชาติดีและสะอาดอยู่ร้านหนึ่ง ว่างเมื่อไหร่ก็บอกมาทางเมียนเมียนนะคะ พวกเราจะพาคุณไปไ
“คุณกับเมียนเมียนยังต้องมีเรื่องที่ต้องคุยกันต่อ งั้นฉันขอกลับไปที่หอพักเพื่อเก็บข้าวของก่อน”
หลังจากที่เธอพูดจบ เธอก็โบกมือให้เฉียวเมียนเมียน และเหมาเยซือจากนั้นก็หันหลังเดินออกไป
ภายในรถ
เหมาเยซือเหลือบมองกระจกมองหลังแล้วพูดว่า
“คุณมีเพื่อนที่ดีนี่ เธอชื่ออะไรนะ”
“เจียงหลัวลี่”
เมื่อฟัง เหมาเยซือ ก็กล่าวชมเพื่อนของเธอ เฉียวเมียนเมียนรู้สึกมีความสุขมากกว่าการได้รับคำชม เธอกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“หลัวหลัว เป็นคนดีมากและเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน”
“อืม”
เหมาเยซือเพียงแค่ถามแบบไม่เป็นทางการและไม่ได้ตั้งใจที่จะเจาะลึกลงไปในหัวข้อนี้ หลังจากตอบเขา เขาก็พูดกับเฉียวเมียนเมียน ซึ่งยังคงนั่งอยู่ด้านหลังว่า
“ย้ายมานั่งข้างผมสิ”
คิดว่าเขามีอะไรจะบอกเธอ เฉียวเมียนเมียนปลดเข็มขัดนิรภัยและลงจากรถ จากนั้นเธอก็เดินอ้อมไปด้านหน้าของรถและนั่งทีเบาะผู้โดยสารข้าง ๆ คนขับ
ทันทีที่เธอนั่งลงเธอก็ถูกแรงดึงก่อนที่เธอจะนั่งลง
เธอกระแทกเข้ากับศีรษะของชายคนนั้น จมูกของเธอก็เต็มไปด้วยกลิ่นสะอาดจากร่างกายของเหมาเยซือ
เฉียวเมียนเมียนมีนเมาอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่าเธอเมาและเวียนหัว
ปกติแล้วเธอไม่ชอบผู้ชายที่ฉีดโคโลญจน์
แต่กลิ่นของเหมาเยซือเป็นที่น่าพอใจมาก
เหมาเยซือขบกรามของเธอขึ้น ดวงตาที่ลึกล้ำและมีเสน่ห์ของเขาทำให้เธอของเขาทำให้ ริมฝีปากบาง ๆ เผยอขึ้นเล็กน้อย เสียงทุ้มที่มีเสน่ห์ลอดออกมาว่า
“ที่รัก ตอนนี้เพื่อนของคุณก็ไปแล้ว คุณไม่อธิบายให้ผมฟังเหรอ?”
“อธิบาย…อธิบายอะไรคะ”
เฉียวเมียนเมียนกระพริบตา การแสดงออกของเธอยังคงขุ่นมัวอยู่เล็กน้อยด้วยความงุนงง
เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร