ณ เวลา 4 ทุ่ม
สนามขนาดใหญ่ว่างเปล่า
มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองคนวิ่งไปรอบ ๆ บริเวณสนาม
หลังจากผ่านไปสามรอบ เฉียวเมียนเมียนที่ค่อนข้างฟิตยังหอบหนัก พวกเขานั่งพักกันข้างสนาม
เหงื่อไหลหยดลงตามหน้าผากของเธอเป็นเม็ดใหญ่
ผมและเสื้อผ้าของพวกเขาเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เพื่อน เธอไม่ควร…มากับฉันเลย”
เจียงหลัวลี่พยายามพูดในขณะที่หอบ
เธอนอนอยู่บนพื้นไม่สามารถขยับตัวได้
เฉียวเมียนเมียนนอนลงข้าง ๆ เธอ และเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของตนเองแล้วยิ้ม
“เธอจะไม่ต้องมาลงเอยด้วยความขัดแย้งกับพวกเขาแบบนี้ ถ้าเธอไม่ได้ทำเพื่อฉัน ฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ฉันจะปล่อยให้เธอรับโทษเพียงคนเดียวได้ยังไง?”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ได้วิ่งได้ดีแบบนี้มานานแล้ว ไม่รู้สึกแย่เท่าไหร่หรอก”
“ฮ่า ๆ ๆ รู้สึกดีทีเดียว”
พวกเขานอนอยู่บนสนามหญ้าสักพัก ขณะที่กำลังหายใจเข้า การหายใจของพวกเขาก็เริ่มช้าลงและควบคุมได้ พวกเขาลุกขึ้นนั่ง
“บิ๊บ” เสียงโทรศัพท์มือถือของเฉียวเมียนเมียนดังขึ้น
เธอหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาจากกระเป๋าและเห็นว่าเหมาเยซือส่งข้อความมาถึงเธอ
เหมาเยซือ : คุณย้ายห้องเสร็จหรือยัง ห้องเตียงใหญ่เป็นยังไงบ้าง
เฉียวเมียนเมียน ตอบกลับ : ยังไม่ได้ย้ายเลยค่ะ
เหมาเยซือ : ทำไมล่ะ
เฉียวเมียนเมียน หยุดคิดก่อนจะพิมพ์ตอบ : มีเรื่องนิดหน่อยคะ เลยทำให้ช้า
เหมาเยซือ : เกิดเรื่องอะไร
เฉียวเมียนเมียนเห็นคำถามของเขาก็ลังเลที่จะบอกเขา
ก่อนที่จะตัดสินใจตอบ ก็มีคนคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอออกจากมือ
เจียงหลัวลี่ : เจ้าชายสุดหล่อค่ะ เมียนเมียนถูกรังแก ช่วยเธอด้วยค่ะ
เจียงหลัวลี่แย่งโทรศัพท์ไปจากมือและพิมพ์ตอบกลับเหมาเยซือ
“หลัวหลัวส่งคืนให้ฉัน” เฉียวเมียนเมียนเอื้อมมือไปหาโทรศัพท์มือถืออย่างช่วยไม่ได้
เจียงหลัวลี่ส่งข้อความก่อนส่งคืนให้เธอไปเสียแล้ว
เธอมองไปที่เฉียวเมียนเมียนอย่างจริงจัง
“เมียนเมียน เธอมีแฟนที่น่าทึ่งมาก ใช้เขาบ้างเถอะถ้าเธอต้องการ วันนี้เราไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เราต้องรับผลที่ตามมา ยิ่งฉันคิดถึงมันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาเริ่มก่อนเองนะ”
“เมื่อกี้เธอไม่เห็นการแสดงออกของพวกเขาเหรอ? พวกเขาทำหน้าสะใจด้วย”
เหมาเยซือโทรหาเฉียวเมียนเมียน ทันทีที่เธอได้รับโทรศัพท์คืน
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออก
เขาต้องได้ฟังจากปากของเธอ
เธอจ้องมองเจียงหลัวลี่ในขณะที่รับสาย
“ใครทำอะไรคุณ?” ชายปลายสายน้ำเสียงเย็นชาและเป็นอันตราย
“เอ่อ…”
เฉียวเมียนเมียนไม่แน่ใจว่าควรจะตอบว่าอย่างไร
เธอไม่ได้รู้สึกว่าตนเองถูกรังแก
ท้ายที่สุดเธทำได้ดีกว่าทั้งสองคนในเรื่องการต่อสู้เมื่อสักครู่
“พูดอะไรสักอย่างสิ”
ชายคนนั้นจริงจังมากขึ้น
เฉียวเมียนเมียนเล่าความจริง
“ฉันทะเลาะกับพวกเขา พวกเขาสู้ฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉันไม่คิดว่าตัวเองถูกรังแกหรอกค่ะ”
“คุณทะเลาะกับใครบางคนจริง ๆ สินะ”
เฉียวเมียนเมียนพูดไม่ออก
เธอบอกได้ว่าน้ำเสียงของเหมาเยซือไม่น่าพอใจเท่าไหร่ เสียงเขาดูโกรธ