“แต่…” ทันใดนั้นเธอก็ยิ้มและพูดว่า
“มันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ ถ้าหาผู้ชายที่โดดเด่นเหมือนเจ้าชายสุดหล่อได้ ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันคงใช้เวลาอยู่กับความรัก แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นก็น้อยนิดเสียจริง เพราะงั้นฉันคิดว่า อยู่เป็นโสดแบบนี้ ดีที่สุดแล้ว”
“อืม หลัวหลัวของเราโดดเด่นมาก ถ้าไม่พบผู้ชายที่ดี เขาจะเหมาะสมกับเธอได้ยังไง”
เฉียวเมียนเมียนพยักหน้า “เป็นโสดดีกว่าอยู่กับผู้ชายที่ไม่เหมาะสมเสียอีก”
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกว่าผู้ชายจำนวนมากไม่เหมาะสมกับเจียงหลัวลี่
เจียงหลัวลี่เป็นคนสวย เธอตัวสูง 1.70 เมตร และหุ่นดีด้วย เธอเป็นคนสวยและโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น
เธอกับเฉียวเมียนเมียนเป็นผู้หญิงที่แตกต่างกัน
เฉียวเมียนเมียนเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อย งดงามเหมือนเทพธิดาตัวน้อย
ส่วนเจียงหลัวลี่เป็นเหมือนนางฟ้าที่ร่าเริง
ในสองคนนี้ คนหนึ่งดูเฉยเมย ในขณะที่อีกคนดูกระฉับกระเฉงมากกว่า พวกเขาเป็นที่รู้จักกันในนาม “คู่สุดสวย” ในกลุ่มผู้ชายบางคนในวิทยาลัยแห่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหลัวลี่ ยังเป็นเด็กที่รักอิสระมาก ครอบครัวของเธอไม่ค่อยมีฐานะดีนัก แม้แต่ค่าเรียนสามปีของเธอ เธอก็ยังหามาได้ด้วยตนเอง
รูปร่างหน้าตาของเธอโดดเด่น ร้านค้าออนไลน์หลายแห่งก็ให้เธอมาเป็นนางแบบ เสื้อผ้าหลากสไตล์ที่เธอเป็นนางแบบส่วนใหญ่ขายดีมาก
ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างเป็นที่จักในสาขานั้นและทำเงินได้ดีทีเดียว
แม้วาเธอจะไม่ใช่คนดัง แต่รายได้ของเธอก็ดีกว่าคนทั่วไป
**
หลังจากพักผ่อนแล้วพวกเขาก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปที่ห้อง
เมื่อพวกเขามาถึงประตู พวกเขาก็เห็นเงาคนหนึ่งวิ่งออกมา
เฉียวเมียนเมียนและเจียงหลัวลี่ต่างหวาดกลัว
ก่อนที่พวกเขาจะเห็นใบหน้าของบุคคลนั้น พวกเขาได้ยินเสียที่สุภาพ
“นักศึกษาเฉียวและนักศึกษาเจียงในที่สุดก็มาสักที”
เฉียวเมียนเมียนและเจียงหลัวลี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นั่นไม่ใช่…เสียงของอาจารย์ที่ปรึกษาเหรอ
ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นและเห็นชายหนุ่มสุภาพท่าทางหวาดกลัวยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา ที่ปรึกษาของพวกเขาไม่ใช่เหรอ
เขาดูเข้มงวดและหนักแน่นน้อยกว่าเมื่อก่อนมาก
มอของเขาประสานเข้าหากันและเขาดูราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับผู้บังคับบัญชาทั้งสองคนแทนที่จะเป็นนักศึกษา
เฉียวเมียนเมียนและเจียงหลัวลี่มองหน้ากันด้วยความสับสน
เกิดอะไรขึ้นนะ?
ทำไมที่ปรึกษาถึงทำตัวแปลกไป?
และเขาพูดกับพวกเธออย่างสุภาพราวกับพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพของเขาอย่างไงอย่างงั้น
ก่อนที่พวกเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ อาจารย์ที่ปรึกษาก็ถอยออกไปและโค้งคำนับเข้าหาพวกเขา
“นักศึกษาเฉียว นักศึกษาเจียง ฉันทำผิดไปแล้ว ที่ลงโทษพวกเธอ ทั้งที่เป็นความผิดของคนอื่น หลังจากไตร่ตรองตัวเองแล้ว ฉันก็ตระหนักว่าเป็นความผิดพลาดของฉันเอง ฉันจะไม่ทำผิดเช่นนี้อีก โปรดให้โอกาสฉันได้แก้ตัวด้วย โปรดยกโทษให้ฉันด้วย”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงโค้งคำนับอีกครั้งต่อพวกเขา
ทั้งสองคนยังคงเงียบและอยู่ในความตกใจ
เกิดอะไรขึ้น?
เหตุใดอาจารย์ที่ปรึกษาจึงต้องไตร่ตรองตนเองและมาขอโทษพวกเธอเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ อาจารย์ที่ปรึกษาจึงตื่นตระหนก
“นักศึกษาเฉียว นักศึกษาเจียง ฉันตระหนักถึงควมผิดพลาดของตัวเองแล้วจริง ๆ”