แต่เมื่อเธอได้ยินคำประโยคนั้ เธอก็หยุดเดินและหันกลับมา
“เธอหมายถึงฉันเหรอ?” เธอค่อนข้างไม่แสดงออกและน้ำเสียงของเธอสงบลงอย่างน่าประหลาดใจ
ไป๋เสี่ยวมองไปที่เธอและหัวเราะเยาะ
“ใครอยากจะรับก็รับสิ คนที่ทำตัวแบบนั้น ย่อมรู้ตัวดี”
“อืม”
เฉียวเมียนเมียนยังคงจ้องมองไปที่หล่อนอย่างไม่แสดงออก
เธอพบว่ามันน่าขันมากกว่าความโกรธ
“อืม สิ่งที่เธอพูดก็ถูกนะ”
ไป๋เสี่ยวและจางอี้เว่ยตกตะลึง ขณะที่พวกเขามองไปที่เธออย่างสงสัย
พวกเขาดูถูกเธอ แต่เธอกับบอกว่าถูกต้องแล้ว?
โง่รึเปล่าเนี้ย?
เฉียวเมียนเมียนมองพวกเขาเหมือนพวกเขาเป็นคนโง่ ๆ แทน และพูดอย่างใจเย็นว่า
“ก็ฉันมีใบหน้าที่สวยน่ะนะ คนรวยมักจะชอบผู้หญิงอย่างฉัน มันก็ช่วยไม่ได้นี่”
ไป๋เสี่ยวและจางอี้เว่ยพูดไม่ออก
เจียงหลัวลี่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
ที่รัก เธอพูดแบบนี้ออกมาจริง ๆ เหรอ?
เธอจะให้เสียบรรยากาศแบบนี้เหรอ?
“การอิจฉาไม่มีประโยชน์เลย พ่อแม่ของเราให้รูปลักษณ์ของเราแต่ละคน จะเปลี่ยนแปลงได้ยังไง แม้แต่การหาเงินด้วยรูปร่างหน้าตาก็เถอะมันก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถหรือมีโชคดีเหมือนกันหมด ท้ายที่สุดแล้วสวรรค์ก็เข้าข้างคนกลุ่มน้อยนี่ล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบกลับแต่อย่างใด
“และคนอย่างฉันตั้งใจจะแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวยเพื่อให้มีชีวิตที่ดี เธอก็เห็นนี่ มาดามรวย ๆ กี่คนที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงิน? พวกเขาแค่ปล่อยให้ผู้ชายหาเลี้ยงเหมือนกับฉัน สิ่งที่ฉันต้องทำคือทำให้แน่ใจว่าฉันยังคงสวย”
ไม่มีเสียตอบกลับแต่อย่างใด
“ทุกคนมีชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่มีจุดหมายที่จะไม่พอใจกับมันนี่ ถ้าพวกเธออิจฉาฉัน จริง ๆ มันก็พอมีทางเปลี่ยนโชคชะตาของพวกเธออยู่นะ”
เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยความจริงใจว่า
“พวกเธอไปทำศัลยกรรมให้สวยเป็นไง ถึงตอนนั้นพวกเธออาจจะได้ผู้ชายที่ร่ำรวยสักคน แม้ว่าพวกเธอจะหาได้ไม่ดีเท่ากับฉันก็ตาม ฉันเชื่อว่าพวกเธอทำได้นะ!”
หลังจากพูดจบ เธอยังคงทำท่ากำหมัดแน่เพื่อให้กำลังใจพวกเขา
ทั้งไป๋เสี่ยวและจางอี้เว่ยแสดงออกทางสีหน้าอย่างน่ากลัว
เจียงหลัวลี่เกือบจะน้ำตาไหลจากการกลั้นหัวเราะ
เธอไม่เคยรู้เลยว่า เฉียวเมียนเมียนจะพูดเก่งแบบนี้
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่เธอประสบความสำเร็จในการโต้เถียง
เธอไม่เคยเห็นเฉียวเมียนเมียนทำแบบนี้กับใครมาก่อน แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่ว่าเธอทำไม่ได้ แต่เธอไม่อยากทำแค่นั้นเอง
ไป๋เสี่ยวและจางอี้เว่ยสมควรที่จะถูกกระทำเช่นนี้แล้วจริง ๆ
เจียงหลัวลี่รู้สึกดีมากที่ได้เห็นสีหน้าของพวกเขาในตอนนี้
“ฮึ่ม” พวกเขาได้ยินเสียวเยาะเย้ยมาจากด้านหลังของพวกเขา
เฉียวเมียนเมียนตกตะลึงในตอนแรกเมื่อเธอได้ยินเสียงหัวเราะที่น่าดึงดูดของชายคนนั้น เธอค่อย ๆ หันกลับไปทางโถงทางเดินที่ไฟมืดสลัว
ชายคนนี้สวมชุดดำเต็มยศยืนอยู่ข้างหลังเธอเงียบ ๆ ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาสะท้อนแสงที่อบอุ่นในขณะที่ใบหน้าของเขางดงามอย่างสุดพรรณนา
วิธีที่เขามองเธออย่างอ่อนโยนและลึกซึ้งทำให้เฉียวเมียนเมียนรู้สึกราวกับว่าเขากำลังกวาดวิญญาณของเธออกจากร่าง
การปรากฎตัวนั้น ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่แสนอัตราย
เขาเต็มไปด้วยความปรารถนา