“นายท่านครับ คุณผู้หญิงครับ จะกลับบริษัทรึยังครับ”
พนักงานขับรถไม่เรียกเธอว่า คุณเฉียวอีกต่อไป
“คุณอยากแวะไปหาน้องคุณที่โรงพยาบาลไหม?”
เหมาเยซือมองหน้าแล้วพูดกับหล่อน
“ค่ะ” หล่อนพยักหน้าตอบ
เหมาเยซือพูดกับคนขับ “ไปโรงพยาบาล”
เฉียวเมียนเมียนมีท่าทีลังเลแล้วพูดขึ้นอย่างรีบร้อย “ฉันจะนั่งแท็กซี่ไปเองค่ะ”
หล่อนรู้ว่าเขายุ่งมากขนาดไหน ก่อนออกจากห้องทำงาน ยังเหลือกองเอกสารอยู่บนโต๊ะของเขาอีกตั้งเยอะ
แม้ว่าเขาทั้งสองคนจะแต่งงานกันแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะรักกันเสียหน่อย
เฉียวเมียนเมียนไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะสามีเลย ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยากจะรบกวนเขามากจนเกินไป
เหมาเยซือไม่สนใจคำพูดของหล่อน แล้วหันไปสั่งคนขับรถอีกครั้ง “ไปโรงพยาบาลเลย”
เมื่อเขายืนกรานจะไปส่งก็อยากที่หล่อนจะปฏิเสธได้
หล่อนนั่งนิ่งเงียบไปเพียงครู่ จากนั้นจึงเปิดปากกระซิบออกมาเบา ๆ
“ขอบคุณค่ะ”
ทันทีที่หล่อนพูดจบ สายตาของเหมาเยซือขึมขึ้น เขากวาดสายตามองหล่อนด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก
“คุณต้องพูดสุภาพขนาดนี้ก็สามีด้วยเหรอ? เฉียวเมียนเมียน ผมไม่สนใจหรอกนะว่าคุณจะปรับตัวเข้ากับความสัมพันธ์ของเราได้อย่างไร แต่คราวหน้าผมไม่อยากได้ยินคำพูดแบบนี้จากคุณอีก”
เมื่อเขาพูดจบบรรยากาศภายในรถดูเหมือนอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก
หล่อนกลืนน้ำลายโดยไม่ทันรู้ตัว แล้วพูดออกมาเบา ๆ “ค่ะ”
ดูเหมือนว่าสามีที่หล่อนเพิ่งแต่งงานด้วย จะร่ำรวยและหล่อเหลานั้น จะมีอารมณ์แปรปรวนไม่คงที่เท่าไหร่นัก
แต่ก็แน่ล่ะสิ โลกนี้ไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงหรอก
****
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลแล้ว
คนขับรถรีบลงจากลง แล้วเปิดประตูให้หล่อน หล่อนคิดว่าเขาแค่มาส่งเธอเพียงเท่านั้น
หล่อนหยิบกระเป๋าถือ ก้าวลงจากรถ แล้วโบกมือให้กับเขา
“งั้นฉันไปก่อนนะ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
หล่อนยังไม่ชินกับความสัมพันธ์กับเขา ก่อนหน้านี้เขายังเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่หล่อนไม่เคยรู้จักมาก่อนเสียด้วยซ้ำ แต่ขณะนี้ เขาได้กลายมาเป็นสามีของหล่อนเสียแล้ว
เมื่อหล่อนหันหลังออกเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
สามีของหล่อนก็พูดขึ้น “ใครบอกคุณ ว่าผมจะกลับบริษัท?”
“คะ?”
เฉียวเมียนเมียนหันหลังกลับมายังต้นเสียง
เหมาเยซือก้าวลงจากรถ พร้อมทั้งติดกระดุมข้อมืด ก่อนจะเดินไปหาเธอ
“คุณ…” เจ้าหล่อนทำตัวไม่ถูก
เหมาเยซือเดินมาถึงตรงที่ ที่เธอหยุดยืน
เขายืดแขนออกแล้วดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด มือร้อน ๆ ของเขาโอบรอบเอวของเธอ ทำเอาใบหน้าของเจ้าหล่อนแดงระเรื่อขึ้น
เธอรีบผลักเขาออกห่างตัว เขาจึงพูดด้วยเสียงเย็นเฉียบขึ้นว่า
“เฉียวเมียนเมียน ผมไม่อยากให้เราเป็นเหมือนคู่หลอก ๆ หรอกนะ ตอนนี้คุณแต่งงานกับผมแล้ว ผมก็ควรจะได้เจอกับครอบครัวของคุณจริงไหม”
เจ้าหล่อนยังมีทีท่าแข็งขืน
เธอรู้ว่าและเข้าใจในเรื่องที่เขาพูด
เพราะก่อนที่พวกเราจะจดทะเบียนสมรสกัน เขาเคยบอกหล่อนแล้วว่าอยากเป็นคู่แต่งงานกันจริง ๆ จึงไม่แปลกอะไรที่จะสัมผัสร่างกายของเธอ
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หล่อนจึงเลิกล้มความคิดและท่าทีที่จะผลักเขาออกห่างตัวอีก
หล่อนมีท่าทีแข็งทื่อภายใต้อ้อมแขนของเขาเพียงช่วงครู่ ถึงจะกลับมามีท่าทีปกติ
เหมาเยซือยิ้มเยาะด้วยความพอใจ เขากระชับมือที่จับเอวเจ้าหล่อนเข้าอีกเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ ผมอยากเจอน้องเมียแล้ว”
หลังจากได้ยินคำว่า น้องเมีย จากปากเขาแล้ว ทำให้เจ้าหล่อนกลับมาตัวแข็งทื่ออีกครั้ง
เขาพาหล่อนเดินเข้าภายในโรงพยาบาล เจ้าหล่อนดึงแขนเสื้อเพื่อรั้งเขา
“เดี๋ยวก่อนคะ ฉันมีบางอย่างจะขอพูดกับคุณ”