เฉียวเมียนเมียนได้แต่นิ่งเงียบ
ช่างเป็นคำพูดที่ชัดเจนเสียเหลือเกิน ว่าสามีของหล่อนร่ำรวยมหาศาล
“นี่ครับ…” คนขับรถหยิบการ์ดสีดำออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เธอ
“นายท่านให้ผมมอบให้นายหญิงครับ เป็นบัตรเสริมของนายท่านเอง นายหญิงนำไปใช้ได้ตามสบายเลยครับ”
“ให้ฉันเหรอ?” เฉียวเมียนเมียนมองไปที่การ์ด แล้วยังประหลาดใจไม่หาย
“ไม่เป็นไรจ๊ะ ฉันไม่รับดีกว่า” เธอปฏิเสธตามนิสัยที่ไม่เคยของเงินใครใช้
ผู้ชายคนนี้เป็นสามีเธอแต่ในนามเท่านั้น
กระนั้นเธอยังรู้สึกได้ถึงการที่ชายหนุ่มปฏิบัติต่อเธอในฐานะสามีจริง ๆ
“นายหญิงครับ หากคุณไม่ยอมรับ นายท่านต้องลงโทษผมที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งแน่เลยครับ”
คนขับรถอ้อนวอนให้เธอรับการ์ดใบนั้น
“ถ้านายหญิงไม่ยอมรับการ์ดใบนี้ ผมก็ไม่รู้จะตอบนายท่านว่าอย่างไรดีครับ”
เมื่อเห็นว่าคนขับรถมีทีท่าลำบากใจ หล่อนจึงยอมรับการ์ดจากเขา
โดยเธอไม่คิดจะใช้การ์ดใบนี้จริง ๆ หรอก พอเจอเหมาเยซือ ค่อยคืนให้เขาทีหลัง พร้อม ๆ กับนาฬิกาล่ะกัน
***
เมื่อเธอมาถึงภายในห้าง พนักงาน 2-3 คนออกมาตอนรับเธอ
ดูแล้วพวกเขาน่าจะเป็นพนักงานอาวุโสของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ พวกเขายืมอยู่รอบ ๆ เฉียวเมียนเมียนด้วยท่าทีสุภาพ เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดเมื่อมีคนมาคอยติดตามอยู่รอบตัวตลอดเวลา
“พวกคุณไม่ต้องคอยตามก็ได้ค่ะ ฉันขอเดินเลือกของเพียงลำพังนะคะ”
พนักงานทั้งหันหน้าสบตากัน ลังเลอยู่เพียวครู่ก่อนจะถอยห่างออกไป
นี่เป็นห้างระดับไฮเอนด์ ที่มีแต่ขายเฉพาะสินค้าแบรนด์เนมเป็นหลัก ทั้งอาคารเต็มไปด้วยสินค้าที่หรูหรา
เมื่อครั้งที่ครอบครัวเฉียวยังอู้ฟู่ เฉียวเมียนเมียนสามารถซื้อสินค้าเหล่านี้ได้เป็นครั้งคราว แต่หลังจากที่ธุรกิจของครอบครัวไม่สู้ดีนัก เธอจึงไม่มีโอกาสได้มาสถานที่แห่งนี้มาพักใหญ่
เธอเดินเข้าไปในร้านขายชุดชั้นในผู้หญิง แต่ด้วยเสื้อผ้าพื้น ๆ ที่เธอสวมใส่มาในวันนี้ ทำให้ไม่มีพนักงานคนไหนสนใจที่ให้ออกมาต้อนรับเธอ เฉียวเมียนเมียนไม่ใคร่ใส่ใจนัก ดีเสียอีก เธอจะได้ใช้เวลาเดินดูของรอบ ๆ อย่างสบายใจ ด้วยความที่เธอไม่ได้วางแผนที่จะมาซื้ออะไร เพียงแค่มาเดินเล่นฆ่าเวลา เพื่อรอเหมาเยซือเพียงเท่านั้น
ครู่ถัดมา
ขณะที่กำลังจะเดินออกจากจากร้าน เธอกลับได้ยินเสียงที่คุ้นหู
เสียงผู้หญิงพูดออดอ้อนกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“พี่ซู ชุดนี้เป็นไงคะ ดูดีไหม?”
เฉียวเมียนเมียนหยุดเดิน แล้วหันกลับไปมองอย่างช้า ๆ ภาพคู่รักหนุ่มสาวยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ของห้องลองเสื้อ คนหนึ่งคืออดีตคู่หมั้นของเธอ ส่วนอีกคนคือน้องสาวต่างแม่ของเธอ
เฉียวอันซิน เพิ่งลองชุดใหม่และมองตัวเองในกระจก
“อืม ดูดีมากเลย” ผู้ชายคนนั้นยืนมองและพูดด้วยเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบา ๆ
“ลูกของผมดูดีไปหมดนั่นแหละ”
พนักงานทุกคนที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างมองทั้งคู่ด้วยพลางอิจฉา เมื่อเขาพูดกับเธอว่า “ลูก” ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะพูดเสริมขึ้น “ใช่แล้วค่ะ คุณเฉียวสวยและหุ่นดีมากเลยค่ะ คุณน่ะดูยังไงก็สวย ส่วนคุณซูก็หน้าตาดีด้วยเหมือนกัน คุณทั้งคู่ช่างเหมาะสมกันจริง ๆ เลยค่ะ”
รอยยิ้มของเฉียว อันซินสดใสยิ่งขึ้น เธอหันกลับไปหาซูเจ๋อแล้วยิ้มหวานออดอ้อน “พี่ซูคะ ที่เขาพูดจริงไหมคะ ถ้าไม่ได้ชุดนี้กลับไปด้วยฉันต้องเสียใจแย่เลย”
“เราก็แค่พูดความจริงคะ ในวงการบันเทิงใคร ๆ ก็ต้องรู้จักคุณเฉียวกันทั้งนั้นค่ะ” พนักงานกล่าวเสียงอ่อนหวาน
ซูเจ๋อรู้สึกหัวใจของเขาพองโตด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่ฟังพวกเธอพูด…