ผู้หญิงคนนี้สินะที่ตั้งใจทำให้คุณเฉียวและคุณซูเลิกกัน
ช่างน่าไม่อายไม่จริง ๆ เลย
พนักงานเห็นว่าเฉียวอันซินไม่ชอบพี่สาวของเธอ จึงพูดประจบประแจงขึ้น
“คุณเฉียวคะ ผู้หญิงท่าทางซอมซ่อคนนั้นเป็นพี่สาวคุณหรือเปล่าคะ? น้องสาวเป็นถึงดาราดัง แต่พี่สาวดูตอกต๋อย คุณเฉียวคุณไม่ได้จำคนผิดนะคะ?”
“ใช่แล้วล่ะ คุณเฉียวดูดีน่าดึงดูดซะขนาดนี้ จะไปมีพี่สาวจืดชืดแบบนั้นไปได้ยังไงกัน”
“ชิ หล่อนไม่มีเงินจะซื้อเสื้อผ้าในนี้เสยด้วยซ้ำ แล้วหล่อนมาที่นี่ทำไมกัน? สงสัยเข้ามาอาศัยแอร์เย็น ๆ ล่ะซิไม่ว่า”
“ดูสิหล่อนมีทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ไม่ใช่ว่าอยากจะขโมยของนะ?
เฉียวอันซินฟังพนักงานพูดจากเยาะเย้ยเสียดสีด้วยความรู้สึกอิ่มเอม แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่พอใจและขมวดคิ้ว
“อย่าพูดเรื่องไร้สาระน่า พี่สาวฉันไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอหันไปมองเฉียวเมียนเมียนอีกครั้ง
“พี่คะ อย่าโกรธไปเลย พวกเขาแค่ไม่รู้จักพี่ แล้วดูพี่แต่งตัวสิ จะไม่ให้ใครเขาเข้าใจผิดไปได้ยังไงกัน”
เฉียวเมียนเมียนยิ้มเยาะ
เธอตั้งใจที่จะเพิกเฉยต่อเฉียวอันซิน และตั้งใจจะเพิกเฉยต่อพนักงานเหล่านี้ด้วย
แต่ตอนนี้…
ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกันเพื่อเยาะเย้ยเธอโดยเฉพาะ แล้วเธอจะใจอ่อนปล่อยไปเฉย ๆ ไม่โต้กลับบ้างกระนั้นหรือ
นี่ไม่ใช่นิสัยของเธอเสียด้วยสิ
“คุณไม่รู้จักฉัน แล้วยังจะกล้ากล่าวหากันแบบนี้เหรอ?
เธอจ้องมองไปยังผู้ช่วยของร้านอย่างเย็นชา
“คุณรู้ไหมว่าราคาที่ต้องชดใช้ให้กับการว่าร้ายคนอื่นมันเท่าไหร่”
เมื่อเธอกวาดสายตาไปยังผู้ช่วยของร้าน พวกเขามีทีท่าตัวแข็งและเริ่มหวาดกลัว แต่เมื่อคิดว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง พวกเขาจึงได้ใจก่อนจะเอ่ยบอกพูดออกมาอีกครั้ง
“ฮาฮ่า” ผู้ช่วยของร้านหัวเราะเยาะ
“ปรักปรำงั้นรึ? เราไม่ปรับปรำอะไรคุณนี่ แล้วคุณจะเดินซื้อของร้านค้าแบรนด์เนมอย่างนี้ทำไมในเมื่อไม่เงิน อย่างคุณจะทำอะไรได้นอกจากคิดที่จะขโมย”
“ใช่แวล่ะ เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นขโมย แล้วยัจะมาขู่พวกเราอีก พูดยังกับตัวเองมีอำนาจอะไรอย่างนั้น คิดจะให้เราชดใช้งั้นเหรอ คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันหะ!”
“ฮาฮ่าฮ่า พวกเรากลัวมากเลย กลัวที่จะต้องชดใช้ หึ!”
“พี่คะ” เฉียวอันซินขมวดคิ้วเบา ๆ
“ถ้าพี่มีปัญหาอะไร ก็บอกฉันกับพี่ซูเจ๋อได้นะคะ” คำพูดของเธอเท่ากับยอมรับและสนับสนุนคำพูดของผู้ช่วยร้านค้า เธอยังคิดว่าเฉียวเมียนเมียนมาที่นี่เพื่อขโมยของ
ซูเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะมองไปที่เฉียวเมียนเมียนอย่างลึกซึ้ง
“เฉียวเมียนเมียนช่วงนี้เงินพอใช้ไหม”
เมื่อเห็นว่าเฉียวเมียนเมียนเป็นทุกข์อย่างมากหลังจากที่เลิกกับเขา กระทั่งไม่แม้แต่จะซื้อเสื้อผ้ากลับไปได้สักชิ้น ซูเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
เขาพูดด้วยความสงสาร พร้อมความเจ็บปวดที่ฉายออกมาทางดวงตา ก่อนจะพูดขึ้นอีก
“ถ้าคุณเดือดร้อนเรื่องเงินจริง ๆ คุณบอกผมได้ทุกเมื่อนะ เพราะยังไงเราทั้งคู่ก็… ผมจะช่วยทุกทุกอย่างเอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูเจ๋อแล้ว เฉียวเมียนเมียนรู้สึกว่าตนเองได้รู้จักเขาเพิ่มมากขึ้น
ความรู้สึกของพวกเขาตลอดสิบปี คงจะคล้ายกับการเลี้ยงสุนัขงั้นสินะ
เธอเข้าใจเฉียวอันซินที่เข้าใจผิดเป็นอย่างนั้น
แต่กับเขา…
แม้แต่เขายังคิดว่าเธอมาที่เพื่อขโมยของงั้นเหรอ?
เธอมองเขาราวกับเขาเป็นเพียงผู้ชายงี่เง่าคนหนึ่ง ก่อนจะหันหลังเดินออกจากร้านไปโดยไม่พูดอะไร
“เธอทำจริงใช่ไหมนั่น เธอมาที่นี่เพื่อจะขโมยของจริง ๆ”
“น่าไม่อายจริง ๆ ก็ว่าแหละ ดูยังไง ๆ ก็โจรชัด ๆ”
***
เฉียวเมียนเมียนเดินออกจากร้านไป