เฉียวเมียนเมียนพยักหน้าเล็กน้อย และเดินจากไป
เมื่อพนักงานขายในร้านเห็นว่าการขอร้องเธอไม่มีผล ต่างร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ
ในขณะนี้พวกเขาต่างสำนึกผิด พวกเขาคิดว่าเฉียวเมียนเมียนเป็นดังลูกไก่อ่อนแอและง่ายต่อกลั่นแกล้ง แต่ใครจะคาดคิดว่าเธอจะเบื้องหลังเช่นนี้
พวกเขาต่างตกอยู่ในห้วงความคิดที่น่าเวทนาเช่นนี้ ก็เพียงเพราะต้องการคำชื่นชมจากเฉียวอันซิน พวกเขาหันมาคาดหวังกับเธอก่อนจะเอ่ยปากพูด
“คุณเฉียวค่ะ เราทำให้พี่สาวคุณขุ่นเคืองเพียงเพราะเราอยากจะช่วยคุณ คุณจะเพิกเฉยกับพวกเราทั้งแบบนี้ได้ลงคอเหรอคะ”
“ใช่คะ คุณเฉียวช่วยพูดกับพี่สาวของคุณให้เราด้วย”
พนักงานขายต่างร่ำไห้ และขอร้องให้เฉียวอันซินช่วย
เฉียวอันซินมองไปที่เฉียวเมียนเมียนที่กำลังเดินจากไป ได้แต่นิ่งเงียบและตกตะลึง
ในใจของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอรีบกอดแขนซูเจ๋อแน่น “พี่ซูคะ เกิดอะไรขึ้น?”
เธอต้องการแสดงออกให้รู้ว่าเธอเหนือกว่าเฉียวเมียนเมียน โดยใช้โอกาสนี้กำราบและทำให้พี่สาวต้องอับอาย
แต่ตอนนี้…
เธอพบว่าไฟได้ฉายไปที่เฉียวเมียนเมียนแทน
จะให้เธอยอมรับได้ยังไงกัน ครู่หนึ่งใบหน้าของเธอจึงมืดลงก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น
“ทำไมหัวหน้าคนนั้นถึงได้สุภาพกับพี่เขานัก”
เขาไล่พนักงานออกหลายคนเพียงเพราะเอาใจเฉียวเมียนเมียน แล้วทำไมเฉียวเมียนเมียนถึงได้มีบทบาทมากมายขนาดนั้น
ซูเจ๋อก็ประหลาดใจเช่นกัน เขามองดูเฉียวเมียนเมียนเดินไปที่ประตูของร้าน ใบหน้าเขาซีดลง เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
“คุณเฉียวค่ะ ช่วยพวกเราด้วย”
พนักงานยังคงร้องไห้และขอร้องเฉียวอันซิน
เฉียวอันซินรู้สึกหงุดหงิดกับการถูกรบเร้า กระทั่งไม่สามารถคุมอารมณ์ได้ เธอจึงพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชาออกไปว่า
“พวกคุณทุกคนถูกไล่ออก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน อย่ามารบกวนฉันอีก ฉันช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก”
ให้ขอร้องเฉียวเมียนเมียนเหรอ?
ชั่วชีวิตนี่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก!
พนักงานของร้านเหล่านี้ชื่นชอบเฉียวอันซิน เพราะเธอเป็นลูกค้าวีไอพี และให้การสนับสนุนร้านของพวกเขาเป็นประจำ แต่ตอนนี้พวกเขาถูกไล่ออกแล้ว อีกทั้งเฉียวอันซินยังไม่เต็มใจที่จะช่วยเหลืออะไรพวกเขาเลย จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสุภาพอะไรกับเธออีกต่อไป
กระทั่งมีอดีตพนักงานบางคนโก่นด่าเธอ “คุณเฉียว คุณทำแบบนี้ได้ยังไง ข้ามสะพานไปแล้วก็ทำลายสะพานทิ้งวั้นเหรอ”
“คุณเฉียว ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้”
“เฉียวอันซินวันนี้คุณต้องให้คำอธิบายกับพวกเรามา”
เฉียวอันซินเป็นเหมือนดอกไม้อันบอบบางที่เติบโตในเรือนกระจก เพียงถูกล้อมด้วยพนักงานที่ดุร้ายและก้าวร้าวไม่กี่คน เธอได้แต่หดตัวเข้าสู่อ้อมแขนของซูเจ๋อ
“พี่ซูเจ๋อ”
ซูเจ๋อเกรงว่าพนักงานเหล่านี้จะก้าวร้าวจะเกินไป กระทั่งเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง เขาจึงเอื้อมมือไปจับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนทันที เขาทำหน้าเย็นชาและมองไปที่อดีตพนักงานเหล่านั้น
“พวกคุณถูกไล่ออก แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอันซินกัน เธอทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นรึไง อย่ารังควานเธออีกต่อไป ไม่งั้นผมไม่อยู่เฉยแน่”
ใบหน้าของซูเจ๋อเคร่งขึ้น พร้อมกับแผ่รังสีที่น่ากลัวออกไป
อดีตพนักงานขายนึกกลัวว่าจะเกิดอันตรายกับตนจึงไม่กล้าสร้างปัญหาอะไรอีก พวกเขาจ้องมองเฉียวอันซินอย่างไม่พอใจ
“พวกคุณยังทำอะไรกันอยู่ ออกไปเดี๋ยวนี้” หัวหน้าเฉินชี้ไปที่กลุ่มของอดีตพนักงานพร้อมทั้งพูดด้วยความโมโหว่า
“ฉันได้แจ้งฝ่ายการเงินให้แล้ว ไปรับเงินแล้วออกไปได้แล้ว”
“หัวหน้าเฉินคะ…”
“มันไม่มีประโยชน์ ถึงแม้พวกเธอจะเรียกฉันว่าพ่อก็เถอะ ใครใช้ให้พวกเธอกล้ารังแกคุณเฉียวกันหะ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรซะแล้ว รีบออกไปเดี๋ยวนี้!”