“ไปกันเถอะ คุณไม่ได้บอกเหรอว่าอยากไปทานอาหารยุโรปที่โกลบอลเซนเตอร์ชั้นบนสุดของที่นี่?”
ซูเจ๋อเพิ่งตระหนักว่าสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้าไม่ถูกต้องนัก เขาจึงพูดเอาใจเธอด้วยเสียงเอาใจกว่าปกติ
“หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เราไปหาซื้อเครื่องประดับอีกรอบไหมครับ คุณอยากได้สร้อยคอไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเราไปหาซื้อด้วยกันนะครับ”
เฉียวอันซินมีท่าทีที่ดีขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาและอ่อนเยาว์ของซูเจ๋อ กระทั่งอารมณ์ขุ่นมัวสลายไปจนหมด แล้วถ้าเฉียวเมียนเมียนคบหากับรวยจริง ๆ ล่ะก็ คนที่เธอสนิทด้วยก็คงเป็นลุงแก่ ๆ กระมั้ง ยังไงเสียซูเจ๋อก็ยังหนุ่ม รวยและอ่อนโยนกับเธอด้วย คนแก่ที่น่ากลัวจะมาเทียบอะไรได้เล่า?
“ไปกันเถอะ คุณไม่ได้บอกเหรอว่าอยากไปทานอาหารยุโรปที่โกลบอลเซนเตอร์ชั้นบนสุดของที่นี่?”
ซูเจ๋อเพิ่งตระหนักว่าสิ่งที่เขาพูดไปก่อนหน้าไม่ถูกต้องนัก เขาจึงพูดเอาใจเธอด้วยเสียงเอาใจกว่าปกติ
“หลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เราไปหาซื้อเครื่องประดับอีกรอบไหมครับ คุณอยากได้สร้อยคอไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวเราไปหาซื้อด้วยกันนะครับ”
เฉียวอันซินมีท่าทีที่ดีขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าอันหล่อเหลาและอ่อนเยาว์ของซูเจ๋อ กระทั่งอารมณ์ขุ่นมัวสลายไปจนหมด แล้วถ้าเฉียวเมียนเมียนคบหากับรวยจริง ๆ ล่ะก็ คนที่เธอสนิทด้วยก็คงเป็นลุงแก่ ๆ กระมั้ง ยังไงเสียซูเจ๋อก็ยังหนุ่ม รวยและอ่อนโยนกับเธอด้วย คนแก่ที่น่ากลัวจะมาเทียบอะไรได้เล่า?
เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เฉียวอันซินแสดงทีท่าไม่พอใจออกมา เธอรู้สึกอับอายและละอายใจเหลือเกิน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีเขียว ตาเป็นสีแดง ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“พี่ซูคะ นี่เป็นฝีมือของพี่สาวฉันรึเปล่า? เราอุตส่าห์ตั้งใจช่วยเธอ ดูสิกับสิ่งที่เธอทำ…”
“คุณยังบอกว่าคุณรู้จักเธอดี และเธอจะไม่ทำแบบนั้น แต่ถ้าเธอไม่รู้จักกับคนที่มีอำนาจพอ เธอะทำแบบนี้ได้เหรอ พี่ซู ไม่ใช่ว่าฉันว่าร้ายอะไรพี่สาวฉันหรอกนะ แต่เฉินเฉินก็ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พี่เองก็เถอะไม่มีงานมาระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้ก็เพิ่งเลิกกับพี่ด้วย การเงินของเธอก็คงจะมีปัญหา”
“ตอนนี้เธอไม่มีเงิน…” เฉียวอันซิน หยุดพูดเพียงเท่านี้
ซูเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่นใบหน้าของเขาเคร่งและมืดมน
***
หลังจากที่เฉียวเมียนเมียนออกจากร้านเสื้อผ้า เธอก็ไม่อยากไปที่อื่นอีก
“นายหญิงครับ ไม่ช้อปปิ้งต่ออีกหน่อยเหรอครับ” คนขับรถถามด้วยความเคารพ
เฉียวเมียนเมียนส่ายหัว
เธอคิดว่าตัวเองโชคร้ายมามากแล้ว ห้างก็มีตั้งมากมาย ทำไมต้องมาเจอเฉียวอันซินกับซูเจ๋อที่ห้างนี้ด้วย
ตอนนี้เธอรู้สึกรังเกียจทั้งสองคนและพนักงานขายพวกนั้นด้วย เธอไม่อยากกินอะไรเลย
ขณะนั้นโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น
เธอหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นสายเรียกเข้าจากเหมาเยซือ
เธอเพิ่งบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของเขาไว้
“ฮัลโล” เฉียวเมียนเมียนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
เสียงทุ้มลึกของชายปลายสายดังเข้าหูเธอ “คุณยังช้อปปิ้งอยู่หรือเปล่า?”
“ไม่แล้วค่ะ” เฉียวเมียนเมียนทำเสียงมุ่ย ฟังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเอาเสียเลย
“คุณไม่มีความสุขเหรอ?”
“ไม่ค่ะ…”
จู่ ๆ เหมาเยซือก็พูดขึ้น
“ดูเหมือนว่าควรจะเปลี่ยนผู้ดูแลห้างคนใหม่ซะแล้วสิ เฉินฮุ่ยคงจะเชื่อถือไม่ได้อีกแล้ว เขาคงไม่จำเป็นต้องมาเป็นมาเป็นผู้ดูแลห้างซางดงอีกต่อไปแล้ว”
หัวหน้าเฉิน?
หัวหน้าเฉินที่ช่วยเธอไว้เมื่อกี้น่ะเหรอ?
เฉียวเมียนเมียน รู้สึกประหลาดใจ “ทำไมคุณต้องย้ายหัวหน้าเฉินด้วยล่ะคะ?”
เหมาเยซือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาต่อว่า
“เขาทำได้ไม่ดีพอน่ะสิ แค่ทำให้นายหญิงพอใจ เรื่องสำคัญแบบนี้ก็ทำไม่ได้”