เฉียวเมียนเมียนนิ่งเงียบ
ใบหน้าเธอร้อนผ่าวขึ้นเล็กน้อย “แค่ก ๆ มันไม่เกี่ยวอะไรกับหัวหน้าเฉินเลยนี่ค่ะ เขาดูแลและจัดการกับเรื่องที่ฉันไม่พอใจได้เป็นอย่างดีค่ะ”
“แล้วทำไมคุณยังไม่มีความสุขอีกล่ะ?”
“เออ…ฉันคงจะหิว” เฉียวเมียนเมียนคิดได้เพียงเรื่องนี้เท่านั้น จึงใช้เป็นเหตุผลพูดออกไป
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงชายปลายสายหัวเราะเบา ๆ “อืม จริงสิ ขอโทษที วันนี้ก็พยายามเคลียร์งานให้ได้มากที่สุด ต่อไปจะได้เลิกงานตรงเวลา แล้วรีบตรงกลับบ้านไปหาคุณไง”
เฉียวเมียนเมียนได้ฟังคำตอบของเขากระทั่งสำลัก “แอ่ก ๆ…”
เธอไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อย!
“ผมมาถึงแล้ว” เหมาเยซือนิ่งไปเพียงครู่ก่อนจะพูดต่อ “จะให้ผมไปหาคุณเลยไหม หรือ…”
“ไม่เป็นไรคะ ฉันจะไปหาคุณเอง” เฉียวเมียนเมียนชิงพูดก่อนที่เขาจะพูดจบ “ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เหมาเยซือออกจะมีเสน่ห์ขนาดนั้น
เธอไม่อยากเป็นกังวลเรื่องที่จะต้องตกเป็นจุดสนใจของคนอื่น ถ้าเขามาที่นี่
***
เธอเดินลงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน รถเบนท์ลี่สีดำติดไฟหน้าทันที เมื่อเฉียวเมียนเมียนมาถึง
ภายในรถ ชายหนุ่มยังคงถือแล็ปท็อปบาง ๆ ในมือด้วยท่าทางเกียจคร้านเล็กน้อย ดวงตาที่เย็นชาและลุ่มลึกของเขากวาดไปทั่วหน้าจอคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาที่เฉียวเมียน
ทำให้ดวงตาของนุ่มลึกของเขาสะท้อนเป็นเงาอยู่ในดวงตาวาวดำของหล่อน
ที่จอดรถชั้นใต้ดินค่อนข้างมืดสลัว มีเพียงแสงไฟอ่อน ๆ ภายในรถ ทำให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงอ่อน ๆ ขับให้เส้นบนใบหน้าของเขาดูนุ่มนวลและอ่อนโยนมากขึ้น แม้แต่แสงในดวงตาของเขายังดูอ่อนลง
ทันใดนั้นหัวใจของเจ้าหล่อนก็เต้นผิดจังหวะ เหมาเยซือจ้องมองหล่อนชั่วขณะก่อนจะหันไปถาม
“ทำไม่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั่นละ ขึ้นรถสิ”
“อะ…ค่ะ”
เฉียวเมียนเมียนหายใจลึกเข้าเต็มปอด ก่อนจะยกมือแตะแก้มที่ร้อนผ่าวของหล่อน แล้วก้าวขึ้นไปนั่งบนรถ
***
เมื่อประตูรถปิดลง พื้นที่ภายในรถดูแคบลงถนัดตา กลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ลอยตลบอบอวลในห้องโดยสาร ยิ่งทำให้หัวใจของเฉียวเมียนเมียนเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นอีกครั้ง
เธอรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่จ้องมองเธออย่างไม่วางตา ยิ่งทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วน
และแล้วเสียงทุ้มที่แผงไปด้วยเสน่ห์ของชายที่นั่งข้าง ๆ ก็ดังขึ้น
“ทำไมไม่ซื้ออะไรมาเลยล่ะ ได้รับการ์ดจากลุงหลี่หรือเปล่า?”
“ได้รับแล้วค่ะ”
เมื่อพูดถึงการ์ด เฉียวเมียนเมียนคิดขึ้นได้ว่าเธอต้องคืนการ์ดไปพร้อมกับนาฬิกาให้กับเขา
“แล้วทำไมไม่ได้อะไรติดมือมาเลยล่ะ ไม่ชอบอะไรเลยเหรอ?” เหมาเยซือขมวดคิ้วถาม ราวกับเขาไม่พอใจที่เธอไม่ใช้จ่ายแม้แต่แดงเดียว
เฉียวเมียนเมียนเงียบลง ก่อนจะหยิบการ์ดสีดำพร้อมกับนาฬิกาจากกระเป๋าของเธอยืนคืนให้เขา
“เหมาเยซือคะ ฉันคืนให้คุณค่ะ มันมีค่ามากเกินไปสำหรับเฉินเฉินและฉัน ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
เหมาเยซือย่นคิ้วลึกยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ
“เฉียวเมียนเมียน นี่มันอะไรกัน?”
ทันทีที่เขาพูดจบ เฉียวเมียนเมียนหน้าสลดลงด้วยความรู้สึกกลัว ปกติเธอไม่ใช่คนขี้กลัว แต่เพราะอยู่ต่อหน้าเขาต่างหากล่ะ
ความกลัวแผ่ซ่านเข้าไปทั่วร่าง เธอกลัวเขาจริง ๆ
เขายังคงจ้องมองเธอด้วยสายตาที่บีบคั้น เธอพยายามฝืนกลืนน้ำลายด้วยความประหม่า ก่อนจะพูดกับเขา
เหมาเยซือ แม้ว่าเราจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่ฉันยังไม่ชินกับความสัมพันธ์ของเรา ฉันหวังว่าคุณจะให้เวลาฉันบ้าง”