เธอรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้คับแคบไปเสียหมด ไม่รู้ว่าจะวางมือวาเท้าไว้ที่ไหน
เมื่อบริกรนำเมนูมายืนให้
เหมาเยซือพลิกหน้ากลับไปกลับมา แล้วถามขึ้น “คุณชอบทานอะไร”
“อะไรก็ได้ค่ะ”
“ไม่ใช่คนทานยากใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะ…”
ลูกกระเดือกสั่นเบา ๆ เมื่อเขาหัวเราะจากลำคอ “ก็ดีนะที่คุณไม่ใช่คนทานนยาก เลี้ยงง่ายดี ผมชอบคนไม่เรื่องมาก”
เฉียวเมียนเงียบไปชั่วขณะ
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้ากำลังจีบเธออยู่ตลอดเวลากันนะ
หัวใจเจ้ากรรมก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอีกแล้ว
เธอชักจะทนไม่ไหว หากหัวใจยังไม่หยุดเต้นรัวเฉกเช่นนี้
“เหมาเยซือ”
เธอหายใจเข้าลึก ก่อนจะเงยหน้าให้มองเห็นแก้มแดงอมชมพูได้ถนัดตา
“ฉันขอถามอะไรสักอย่างหนึ่งค่ะ”
“หืม ได้สิ”
ใบหน้าของชายที่นั่งตรงข้ามกับเธอช่างงดงาม ทำให้เธอหายใจไม่ออกเมื่อจองมองเขานานเกินไป เธอจึงเงยหน้ามองเขาเพียงแว็บเดียวก่อนหน้าเริ่มเปลี่ยนสี แล้วก้มมองต่ำอีกครั้ง
“ทำไมต้องเป็นฉันคะ”
เธอมีความสงสัยและสับสนที่ซ่อนอยู่ในแววตา
“ด้วยคุณสมบัติของคุณแล้ว มีตัวเลือกตั้งมากมาย”
ทำไมเขาถึงเลือกเธอกันนะ?
ผู้หญิงที่มีชื่อเสียงไม่ว่าคนไหน ที่เขาจะเลือกก็ย่อมดีกว่าเธอทั้งนั้น
เฉียวเมียนเมียนรู้ว่าตัวเธอเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่ก็คงไม่กล้าฝันว่าตัวเองจะดีพอสำหรับเขา
เธอคิดว่าเหมาเยซือคงจะชอบเธอที่รูปร่างหน้าตา และอาจจะตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น
แต่ผู้ชายอย่างเหมาเยซือที่เติบโตมาอย่างลูกคุณหนูนี่นะ คงจะมีแต่คนหน้าตาดีล้อมรอบตัวอยู่แล้ว
เขาย่อมต้องเคยเห็นคนสวย ๆ มานักต่อนักแล้ว
เหมาเยซือเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“อยากรู้จริง ๆ เหรอ?”
“ค่ะ”
“อาจเป็นเพราะคุณเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ไม่ทำให้ผมรู้สึกรังเกียจ”
เหมาเยซือตอบเธอไปตามตรง
“นอกจากคุณแล้ว ผมรู้สึกแย่ที่มีผู้หญิงเข้ามาใกล้ ผมคิดว่าเราน่าจะลองใช้ชีวิตร่วมกันได้สักพัก เพื่อให้ผมหาเหตุผลว่าทำไมเป็นอย่างนั้น”
หลังจากได้ยินคำตอบของเขา เฉียวเมียนเมียนก็นิ่งเงียบ
ก่อนหน้านี้ลุงหลี่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังแล้ว
เธอไม่คิดว่านั้นจะเป็นเรื่องจริงเสียด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่ได้ยินคำบอกเล่าจากเขา เธอก็รู้ว่าเขาไม่จำเป็นต้องโกหกอะไรเธอ
แล้วเขามีปฏิกิริยาที่รังเกียจต่อผู้หญิงคนอื่นหรือเปล่า
“คุณไม่จำเป็นต้องแต่งงานกับฉัน”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณควรจะหาผู้หญิงที่คุณชอบ แม้ว่าตอนนี้จะยังหาไม่พบ แต่ฉันมั่นใจว่าคุณจะต้องเจอเธอได้แน่”
“ชอบงั้นเหรอ?”
เขาหรี่ตาลึก
“เป็นยังไงล่ะ?”
“…”
“ชอบก็คือ คุณคิดถึงใครสักคนเมื่อคุณมองไม่เห็นเธอ แล้วพอได้พบเธอ คุณก็รู้สึกมีความสุขอิ่มเอมใจ แล้วคุณก็จะอยากอยู่ใกล้ ๆ กับเธอ เมื่อคุณมีความสุขหรือรู้สึกดีคุณก็อยากจะแบ่งปันช่วงเวลานั้นกับเธอ แล้วถ้าคุณไม่มีความสุขสิ่งแรกที่อยากจะทำก็คือคุยกับเธอ ถ้าคุณชอบใครสักคน คุณก็จะหน้าแดงเมื่อเจอเขา แล้วหัวใจของคุณก็จะเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ คุณจะ…”
“อะแฮ่ม…”
เสียงของเฉียวเมียนเมียนหยุดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าของเธอแดงก่ำทันที
เธอกำลังพูดถึงอะไรอยู่เนี้ย?
เวลาที่เธอเห็นเหมาเยซือ เธอไม่หน้าแดงเหรอ? เธอไม่รู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวกระทั่งทำให้อึดอัดเหรอฒ
แล้วเธอล่ะ เธอชอบเหมาเยซือหรือเปล่า?
เป็นไปได้ยังไงกัน!
อาการไอทำให้เธอเปิดเปลือกตาขึ้น เมื่อมองไปที่ใบหน้าหมดจดของชายตรงหน้า กลับรู้สึกหัวใจเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอเพิ่งพูด ยิ่งทำให้ตื่นตระหนก
“ฉัน…ฉันก็พูดไปเรื่อยเปื่อย”
เหมาเยซือมองเธออย่างครุ่นคิด หลังจากนั้นเขาก็มองเธออย่างจริง ๆ ก่อนจะเอ่ยถาม
“ถ้าตรงตามเงื่อนไขที่คุณบอกมาเมื่อกี้ อย่างน้อยสองข้อ นี่นับด้วยไหม”
“อะ?” เฉียวเมียนเมียนกระพริบตาถี่
เขาเม้มริมฝีปาก แล้วพูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“ผมคิดถึงคุณเวลาที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน เวลาที่ผมเห็นคุณผมก็อยากอยู่ใกล้คุณ นี่เฉียวเมียนเมียน มันจะหมายความว่าผมชอบคุณด้วยหรือเปล่า?”