จนถึงตอนนี้ อาการบวมบนแก้มของเธอยังไม่หายดี อีกทั้งไม่กี่วันเธอก็ต้องถ่ายละครร่วมกับทีมงาน เธอจึงไม่อยากให้ใบหน้าถูกทำร้ายอีกต่อไป
เฉียวเมียนเมียนสูง 168 เซนติเมตร ซึ่งสูงกว่าหล่อนที่สูงเพียง 163 เซนติเมตร
เมื่อเฉียวเมียนเมียนมองลงไปที่เฉียวอันซิน ความเย็นยะเยือกในแววตาของเธอ ยังคงทำให้เฉียวอันซินหวาดกลัวถอยหลังไปอีกสองก้าว
เมื่อมองเฉียวอันซิน ที่กำลังตัวหด เฉียวเมียนเมียนก็ยังคางขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชากับเธอว่า
“เฉียวอันซิน ดูเหมือนเธอจะมีงานอดิเรกชอบเก็บของเก่านะ อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนเธอ กับแค่ผู้ชายที่ฉันไม่ต้องการอีกต่อไป เธอก็รีบคว้าไว้ด้วยความยินดี คงจะมีความสุขและภูมิใจมากเลยสินะ?”
“แต่ก่อน เธอก็ชอบที่จะฉกฉวยของของคนอื่นอยู่แล้วนี่ เปลี่ยนคู่ที่รวยกว่าไปทีละคน แล้วในที่สุดก็สามารถไต่เต้ามาได้ถึงจุดนี้ ตอนนี้คงลืมอดีตไปหมดแล้วสินะ ถ้าฉันจะคิดแบบเธอบ้าง เธอมีความเห็นว่าไง หึเฉียวอันซิน?”
“หนูโสโครก” ในตอนนี้แวววตาของเฉียวเมียนเมียนแสดงถึงความรังเกียจ และเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
“นั่นคืองานอดิเรกของเธอไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่ของฉัน”
“เฉียวเมียนเมียน แก..”
ใบหน้าของเฉียวอันซินมืดลง ในที่สุดเจ้าหล่อนก็เผยธาตุแท้ที่แสนจะเจ้าเล่ห์ของเธอออกมา
เธอเม้มริมฝีปากแน่น แล้วพูดอย่างไม่พอใจ
“แกรู้ไหม ว่าฉันเกลียดอะไรแกมากที่สุด ก็ความโอหัง อวดดีของแกไง แกจะดีเดมากจากไหนไม่สำคัญ แกกับพี่ซูเจ๋อจะรู้จักกันมานานแค่ไหน จะลึกเพียงใด มันก็ไม่สำคัญอีกแล้ว”
“เพราะตอนนี้เขารักฉัน!”
“เฉียวเมียนเมียน แกไม่สามารถมัดใจผู้ชายได้เลย ไม่คิดบ้างเหรอว่านั่นแกน่ะล้มเหลว”
หัวใจของเฉียวอันซินเปล่งประกายด้วยความเกลียดชัง และแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
เธอเกลียดเฉียวเมียนเมียนเข้าไส้
และเกลียดมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ตราบใดที่เฉียวเมียนเมียนยังเป็นจุดสนใจ เธอมันจะพรากทุกอย่างไป ใบหน้าของเจ้าหล่อนช่างทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดรำคาญใจ ใบหน้าที่ผู้ชายคนไหนได้มองก็มักจะหลงใหล
เธอใช้เวลานานถึงห้าปี กว่าที่จะแย่งชิงซูเจ๋อมาได้
ถึงตอนนี้ เธอไม่สามารถพูดได้เต็มปาก เพราะเธอรู้ดีว่าซูเจ๋อยังคงมีเยื่อใยกับเฉียวเมียนเมียนอยู่
หากเธอไม่ตั้งท้อง และเปิดเผยความสัมพันธ์ของเธอกับซูเจ๋อ ให้เฉียวเมียนเมียนได้รู้ คงไม่ง่ายเลยที่จะทำลายการหมั้นของพวกเขาได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ยกเลิกการหมั้นยังเป็นเฉียวเมียนเมียนเสียเอง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉียวอันซินก็ยิ่งไม่พอใจ ความหึงหวงฉายแววออกมาจากดวงตา ไปพร้อม ๆ กับคำพูด
“เฉียวเมียนเมียน ขอบอกไว้ก่อนนะ ฉันไม่เพียงแต่จะขโมยผู้ชายของแก แต่ฉันจะเอาทุกอย่างที่เป็นของแกด้วย แกไม่ชอบงานในวงการบันเทิงหรอกเหรอ แต่ตราบใดที่ฉันยังอยู่ในวงการบันเทิง อย่างคิดเลยว่าแกจะมีโอกาสโด่งดัง”
เฉียวเมียนเมียนท่าทางเย็นชาอย่างน่ากลัว ก่อนจะยิ้มเยาะด้วยใบหน้าไม่แยแสต่ออีกฝ่าย
“เฉียวอันซิน เธอคิดว่าตัวเธอยิ่งใหญ่มาจากไหนกัน เธอมีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วนี่พูดจบหรือยัง?”
เฉียวอันซินที่ทำท่าหยิ่งผยอง แท้จริงแล้วเธอไม่ได้พึ่งพาซูเจ๋อเท่านั้นเหรอ?
ถ้าต้องสู้กันตัวต่อตัว มีหรือเธอจะต้องกลัว
จู่ ๆ ในหูของเจ้าหล่อนก็ได้ยินเสียงของเหมาเยซือที่เคยบอกว่าหล่อนว่า แต่งงานกับผมสิ แล้วคุณจะทำได้อย่างใจต้องการ ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ทันใดนั้นหัวใจของเธอก็สงบลง
ผู้ชายคนนั้น…
แม้ว่าเธอจะยังไม่รู้จักเขาดีพอ แต่เธอก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะสัญญาส่ง ๆ
และด้วยคำสัญญาของเขานั้น เธอจึงไม่กลัวอะไรทั้งนั้น…