พวกเขามาถึงโรงพยาบาล
ขณะที่เฉียวเฉินกำลังรับประทานอาหารเย็นไปด้วยดูโทรทัศน์ไปด้วย
ดูเขามีความสุขไม่น้อยที่พบเฉียวเมียนเมียน พร้อมกล่าวเรียกเธออย่างอบอบ “พี่ครับ”
“ไง” เฉียวเมียนเมียนเห็นเขาอารมณ์ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนที่เขาเพิ่งออกจากห้องฉุกเฉิน เพิ่มความมั่นใจให้กับหล่อนอย่างมาก
“กินอะไรตอนกลางคืนแบบนี้ ตอนนี้รู้สึกเป็นไงบ้าง”
“ตอนเย็นพี่เขยเขาส่งกับข้าวมาให้ผม อร่อยกว่าของโรงพยาบาลตั้งเยอะ ผมกินหมดทุกอย่างเลยครับ นี่พี่เขยเขายังเอาอาหารเสริมดี ๆ หลายอย่างมาให้ผมอีก”
หลังจากเฉียวเฉินพูดจบเขาก็หันไปทางเหมาเยซือ แล้วกล่าวอย่างเขิน ๆ
“ขอบคุณฮะ พี่เขย”
เหมาเยซือตอบรับเบา ๆ “ด้วยความยินดี”
แยวเมียนเมียนเห็นถุงจำนวนมากกองอยู่บนโต๊ะและบนโซฟา ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารเสริมอย่างดีหลายชนิด
ดอกไม้ทั้งหมดในห้องพักก็ถูกเปลี่ยนเป็นดอกไม้สดใหม่ทั้งหมด
เธอยืนแน่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะหันไปมองเขาด้วยแววตาซาบซึ้ง “เหมาเยซือ ขอบคุณนะคะ”
เธอไม่คาดคิดว่าชายคนนี้จะเอาใส่ใจเฉียวเฉินมากมายขนาดนี้
ดวงตาสีเข้มของเหมาเยซือหรี่ลง เขาเหลือบไปมองเธอแล้วพูดเสียงต่ำ
“ขอบคุณอะไรกัน? คุณลืมสิ่งที่ผมบอกไปแล้วเหรอ?”
เฉียวเมียนเมียนยืนนิ่ง กระพริบตาเล็กน้อย เธอจำสิ่งที่เขาเคยพูดกับเธอก่อนหน้านี้ได้
เขาบอกว่าไม่อยากได้ยินคำว่า ‘ขอบคุณ’ จากปากของเธออีกต่อไป
อย่างไรก็ตามในตอนนี้นอกเหนือจากการแสดงความขอบคุณ ด้วยสองคำนี้แล้ว เธอยังไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก
“พี่ครับ แล้วก็พี่เขย” ดวงตาสีดำของเฉียวเฉินคล้ายกับเฉียวเมียนเมียน เฉกเช่นพิมพ์เดียวกัน เฉียวเมียนเมียนสะบัดไปมาระหว่างที่อยู่ต่อหน้าเหยาเยซือ พวกเขาหันมามองเฉียวเฉิน
“พวกพี่พูดถึงอะไรฮะ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรจ๊ะ”
เฉียวเมียนเมียนหลีกเลี่ยงการจ้องไปที่ใบหน้าของเหมาเยซือ เธอเดินไปที่เตียงอย่างรวดเร็วและหยิบส้มออกมาจากตะกร้าผลไม้
“เฉินเฉิน เอาส้มไหม เดี๋ยวพี่ปลอกให้”
เฉียวเฉินกระพริบตาและมองไปที่เหมาเยซืออีกครั้ง หลังจากคิดอยู่สักครู่ เขาจึงส่ายหน้าแล้วพูดกับพี่เขาว่า
“ผมไม่อยากกินส้มฮะพี่ ผมอยากกินซาลาเปา ร้านใกล้ ๆ โรงพยาบาลฮะ พี่ช่วยไปซื้อให้ผมได้ไหมฮะ”
“คุณล่ะ เอาซาลาเปาด้วยไหมคะ”
เป็นเรื่องยากที่จะได้ยินเฉียวเฉินเอ่ยปากว่าอยากกินนั่นกินนี่ แน่น่อนว่าเฉียวเมียนเมียนยินดีที่น้องทานได้
“ได้สิ เดียวพี่ซื้อไปซื้อให้นะ”
เหมาเยซือกำลังจะเปิดปาก เสนอให้บอดี้การ์ดของเขาออกไปซื้อแทน แต่ทันใดเขาก็ตระหนักได้ว่าเฉียวเฉิน จงใจพยายามทำให้เฉียวเมียนเมียนออกไปจากห้อง
ดูเหมือนเขาคงมีอะไรจะพูดกับเหมาเยซือ
***
หลังจากที่เฉียวเมียนเมียนออกจากห้องไป
เหมาเยซือดึงเก้าอี้ออกมานั่ง ยกขาขึ้นไขว่ซ้อนทับกัน
เขาเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเฉิน ผู้ซึ่งตกอยู่ในอาการประหม่า
มองดูอาการประหม่าและอาการเขินอายของเด็กหนุ่มที่ดูบอบบางบนเตียงในห้องพยาบาลแล้ว เหมาเยซือยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะพูดกับเขา
“มีอะไรจะพูดกับฉันใช่ไหม?”
เขาคล้ายกับพี่สาวของเขาอย่างกับแกะ
พวกเขาขี้กลัวแล้วก็ขี้อาย
ต่อหน้าพี่น้องคู่นี้ เหมาเยซือดูมีความอดทนขึ้นและเจ้าอารมณ์อยู่หน่อย ๆ
เมื่อเขาพูดกับเฉียวเฉิน ท่าทีของเขาจึงอ่อนโยนลงมา
แต่กระนั้นเฉียวเฉินก็ไม่รู้สึกถึงความอ่อนโยนจากเขามากนัก…
เขารู้สึกว่าพี่เขยดูแข็งแกร่งเกินไป ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน กลิ่นอายของความเป็นผู้นำมันจะแสดงออกมาด้วย
ยิ่งต้องอยู่คนเดียวในห้องร่วมกับเขา ยิ่งทำให้เฉียวเฉินเครียดเป็นพิเศษ
เขาเรียกความกล้าของเขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเหมาเยซือ
“พี่เขยฮะ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมฮะ”