“ถ้าไม่มีคุณซู วันนี้แหละฉันจะสอนบทเรียนให้เธอเอง”
เมื่อพูดเช่นนี้ เธอก็ยกมือขึ้นกำลังจะตบหน้าเฉียวเมียนเมียน
เฉียวเมียนเมียนหัวเราะเยาะและยืนอยู่ตรงนั้นโดยไม่หลบ เธอคว้ามือของฝ่ายตรงข้ามแล้วผลักออกอย่างแรง เซินเยวเยว ตะโกนออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับล้มลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างแรง
ขณะที่ล้ม เธอเอาหัวกระแทกกับเหล็กของเตียง ทำให้เกิดบาดแผลเล็กน้อยที่หน้าผาก
“เยวเยวหน้าผากเธอมีเลือดไหล” จ้าวหวันถิงอุทานราวกับว่าสุนัขที่ถูกเหยียบหาง
ในห้องพักขนาด 6 คน พวกเขาแบ่งออกเป็นสามกลุ่มเล็ก ๆ
เฉียวเมียนเมียนกับเจียงหลัวลี่ อยู่กลุ่มเดียวกัน อีกฝ่ายคือเซินเยวเยวและจ้าวหวันถิง ส่วนอีกสองคนที่เหลือท่าทีเป็นกลาง
เมื่อเห็นว่าเซินเยวเยวได้รับบาดเจ็บ จ้าวหวันถิง จ้องมองไปที่เฉียวเมียนเมียน เธอยกมือขึ้นแล้วพึ่งเข้าหา
“อีดอกทอง คุณซูเลิกกับแกแล้วยังจะกล้าทำบ้า ๆ แบบนี้อีก แกกล้าดียังไงถึงทำร้ายเยวเยว ฉันจะสั่งสอนแกเอง”
เฉียวเมียนเมียนสองเธออย่างเย็นชา
เมื่อจ้าวหวันถิงกำลังวิ่งเข้าหาเธอซึ่ง ๆ หน้า เธอก็เหยียดเท่าออกออก
“อา!” จ้าววันจิงกรีดร้องอีกครั้ง
จ้าวหวันถิงล้มลงกับพื้นอย่างน่าเวทนา
ทำให้ดั้งจมูกของเธอกระแทกกับพื้น กระทั่งร้องไห้ออกมา
“เฉียวเมียนเมียน อีดอกทอง แกกล้าดียังไงมาทำกับพวกฉันแบบนี้ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”
เซินเยวเยวรู้สึกเวียนหัว หลังจากที่ล้มลง ใช้เวลาเพียงครู่ สติเธอก็กลับคืนมา
เธอเอื้อมมือไปแตะเลือกที่หน้าผากของตน เธอกลัวมากระทั่งใบหน้าของเธอเปลี่ยนสี ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“เฉียวเมียนเมียน แกกล้าดียังไง…” เธอกัดฟันและจ้องมองเฉียวเมียนเมียนด้วยความโกรธที่พุ่งจนถึงขีดสุด
“อีดอกทอง แกคิดว่าคุณซูจะยังปกป้องแกอยู่งั้นหรือ? แกกล้าทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“เฉียวเมียนเมียน ฝากไว้ก่อนเถอะ เราจะกลับมาแก้แค้นแก”
ทั้งสองสองลุกจากพื้น ก่อนจะวิ่งออกห้องนอนไป
***
“เมียนเมียน เราจะทำยังไงดี”
เจียงหลัวลี่เป็นกังวล “เซินเยวเยวและเจ้าวันติง มีพี่ชายที่ร่ำรวยและอารมณ์ร้อน พวกเขาคงไปหาเขา บางทีเธอควรหาที่ซ่อนตัวและหลีกเลี่ยงกับเรื่องนี้ไปสักพัก”
แม้ว่าสิ่งที่เฉียวเมียนเมียนทำจะเป็นที่พึงพอใจต่อคนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ แต่ตอนนี้เธอไม่ได้รับการปกป้องจากซูเจ๋อแล้ว เธออาจจะถูกรังแกได้ง่าย ๆ
เธอเคยได้ยินเรื่องพี่ชายของเซินเยวเยวมาก่อน เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยม ทำให้เจียงหลัวลี่เริ่มกังวลขึ้นเรื่อย ๆ
“เมียนเมียนไปเร็ว วันนี้ไม่ต้องเข้าเรียน พักสักวันเถอะ”
เพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่อยู่ภายในห้องก็แนะนำเธอเช่นกัน
“พี่ชายของเซินเยวเยว เป็นคนที่โหดเหี้ยมจริง ๆ ครั้งหนึ่งเขาหักเขาคนอื่นด้วยนะ เธอควรหลีกเลี่ยงเขาก่อนดีกว่า”
“ใช่ เมียนเมียนไปเร็วเถอะ”
เจียงหลัวลี่ กล่าวขณะที่เธอผลักเฉียวเมียนเมียนไปที่ประตูทางออก
เมื่อเธอถูกผลักไปที่ประตู เฉียวเมียนเมียนก็เอื้อมมือออกไปและคว้าแขนของเจียงหลัวลี่ เธอส่ายหัว
“หลัวหลัว ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
“เธอไม่ไปเหรอ” สีหน้าของเจียงหลัวลี่เต็มไปด้วยความกังวล
“เพื่อน ฉันรู้ว่าเธอแรงเยอะ แล้วเธอก็ไม่เคยทะเลาะกับคนอื่นมาก่อน ยังไงก็เถอะ เธอจะแรงเยอะแค่ไหนก็เอาชนะแรงพวกผู้ชายไม่ได้หรอก”
“ไม่ใช่เวลาที่จะมาดื้อดึงแล้วนะ ไปเร็ว”
เฉียวเมียนเมียนยังคงส่ายหัว
เธอเงียบไปชั่วขณะจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและทำท่าทางผ่อนคลายต่อเจียงหลัวลี่
“เธอกังวลอะไร เธอหาคนที่จะมาช่วยฉันไม่ได้งั้นเหรอ หลัวหลัว ถ้าพวกนั้นหาคนมาช่วย ฉันก็หาคนมาช่วยเช่นกัน ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองน่าสมเพชหรอก”