มองดูเธอเดินเข้ามาในห้อง เพื่อร่วมห้องอีกสองคนก็หันมองหน้ากันแล้วอดไม่ได้ที่จะถามเธอ
“เมียนเมียน เธอจะไม่หลบไปสักพักจริง ๆ เหรอ”
เจียงหลัวลี่กังวลใจไม่น้อยเช่นกัน “เพื่อน ยังพอมีเวลานะ รีบไปตอนนี้เถอะ”
เฉียวเมียนเมียนนั่งยอง ๆ แล้วเก็บข้าวองของเธอขึ้นวางบนเตียงทีละชิ้น
เธอพูดกับเจียงหลัวลี่อย่างใจเย็น “หลัวหลัว เธอเคยเห็นฉันทุกข์ทรมารซะเมื่อไหร่”
เจียงหลัวลี่คิดสักพัก เธอไม่มีความกังวลอะไรจริง ๆ
เฉียวเมียนเมียนดูเหมือนเด็กสาวที่นุ่มนวล งดงามมาก เธอมักจะให้ภาพลักษณ์ว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน น่ารัก และถูกรังแกได้ง่าย ๆ
แต่ใครก็ตามที่รู้จักเธอ จะรู้ว่ารูปลักษณ์ที่นุ่มนวล น่ารักของเธอนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา
มิฉะนั้น เธอคงไม่สามารถทำให้เซินเยวเยวและจ้าวหวันถิงร้องไห้ในตอนนั้นได้
อย่างไรก็เถอะ…แต่…
“เพื่อน พี่ชายของเซินเยวเยวไม่ใช่คนที่เธออยากจะยุ่งด้วยหรอก ฉันได้ยินมาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกอันธพาล จริง ๆ แล้วเธอไม่จำเป็นต้องดื้อรั้นหรอก”
“ถ้าฉันไม่ควรยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ควรมายุ่งกับฉันเช่นกัน”
ด้วยการรับประกันด้วยตนเองของเหมาเยซือ เธอไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย
สามีของเธอก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ใช่แล้วล่ะ
เขามีดีมากกว่าพี่ชายของเซินเยวเยวเป็นหมื่นเท่า
เจียงหลัวลี่ : “…”
“พักผ่อนเถอะหลัวหลัว”
เฉียวเมียนเมียนค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเอื้อมมือมาตบไหล่เธอ
“ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น ฉันได้ขอความช่วยเหลือไปแล้วด้วย เซินเยวเยว ไม่สามารถทำอะไรฉันได้หรอก”
“เธอขอความช่วยเหลือด้วยเหรอ?” เจียงหลัวลี่ นึกขึ้นได้ว่าเธอเพิ่งโทรศัพท์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “แล้วเธอโทรไปขอความช่วยเหลือจากใครเหรอ? เขาเป็นใคร เชื่อถือได้ไหม?”
“น่าเชื่อถือมาก ๆ เลยล่ะ ไม่มีใครที่น่าเชื่อถือมากไปกว่าเขาแล้ว”
เจียงหลัวลี่มองไปที่ท่าทางสงบและไร้กังวลของเธอ ต้องการถามว่าคนที่เธอพูดถึงเมื่อกี้คือ ซูเจ๋อ หรือไม่
ถ้าเป็นซูเจ๋อ เธอก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเลย
บ้านของพี่ชายเซินเยวเยว ยังด้อยกว่าซูเจ๋อเสียอีก ไม่ว่ายังไงตระกูลซูก็เป็นถึงหนึ่งในสิบของตระกูลที่มีชื่อเสียงในหยุนเฉิง แต่เธอคิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
ด้วยอารมณ์ของเฉียวเมียนเมียน และความจริงที่ว่าซูเจ๋อหักหลังเธอ เธอไม่น่าจะขอความช่วยเหลือจากเขาได้อีก
แล้วใครล่ะ?
***
ณ บริษัทเหมา
ในห้องประชุมขนาดใหญ่
หัวหน้าแผนกตัวสั่นและหวานกลัวจนหายใจไม่ทั่วท้อง
เมื่อสักครู่ประธานเหมาเพิ่งปฏิเสธแผนงานของพวกเขา ทั้งที่ทีมงานได้ทำงานล่วงเวลาจึงถึงเที่ยงคืนและใช้เวลาทั้งเดือนในการสรุป
แต่ประธานเหมามองไปที่แผนงานไม่ถึงหนึ่งนาที ก่อนที่เขาจะอ่านเนื้อหาทั้งหมด เขาก็ได้ปฏิเสธมัน
ปฏิเสธเสียแล้ว…
หัวหน้าแผนกอยากจะร้องไห้
พวกเขาต้องทำงานล่วงเวลาอีกหนึ่งเดือนหรือไม่
หลังจากทำงานล่วงเวลาเช่นนี้แล้ว พวกเขารู้สึกเหมือนว่าเส้นผมบนศีรษะกำลังจะหลุดออก
แต่ถ้าประธานเหมาบอกว่าไม่ ก็หมายความว่าไม่
ไม่มีใครกล้าทำอะไรได้
ซีอีโอหนุ่มคนนี้อายุเพียง 25 ปี แต่ชายชราที่อยู่ในบริษัทมานานหลายสิบปีก็ไม่กล้าที่จะดูถูก
“นี่คือความคิดที่คุณใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อคิดเนี้ยนะ? เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ นักศึกษาไม่กี่คนก็คิดได้ คุณไม่รู้สึกอายที่จะนำเสนอมันต่อผมบ้างเหรอ”
“ดูเหมือนบริษัทเหมาได้มีจำนวนคนขี้เกียจมากเกินไป ถึงเวลาแล้วที่ต้องปลดพนักงานออกจำนวนมาก”
ทันทีที่พูดเช่นนี้ใบหน้าของหัวหน้าแผนกในห้องประชุมก็แตกตื่น
“ตื๊ด…”
ในขณะที่โทรศัพท์มือถือของเหมาเยซือที่วางบนคอมพิวเตอร์สั่นสะเทือน
ในการประชุมครั้งก่อนเขาจะไม่มาองโทรศัพท์ด้วยซ้ำ แต่คราวนี้เขาก้มหัวลงทันทีและหยิบมันขึ้นมา
จากนั้นเขาเขาหยิบมันขึ้นมาในไม่กี่วินาที
หลังจากรับโทรศัพท์ เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกห้องประชุม
หลังจากที่เขาออกไป
ผู้อาวุโสกลุ่มหนึ่งพูดคุยกันอย่างดุเดือด “ใครโทรหาประธานเหมา? เขาถึงได้รับเร็วขนาดนั้น”