ซูเจ๋อนิ่งไปชั่วขณะ
เขาจ้องเข้าไปในดวงตาที่โศกเศร้าปนเย้ยหยันของเฉียวเมียนเมียน ร่องหน้าผากเป็นรอยย่นเมื่อเขาขมวดคิ้วขึ้น สายตาปรากฎความรู้สึกผิด แต่กระนั้นเขายังกอดร่างของเฉียวอันซินไว้แน่น
“ผมขอโทษนะเมียนเมียน ผมต้องรับผิดชอบอันซินกับลูกในท้องของเธอ”
“ฮะ…” เฉียวเมียนเมียนรู้สึกราวกับได้ฟังเรื่องชวนขัน
“คุณต้องรับผิดชอบเธอเหรอ? แล้วฉันล่ะ? ซูเจ๋อแล้วฉันล่ะเป็นตัวอะไร?”
ซูเจ๋อเม้มริมฝีปากแน่น เขาก้มลงมองใบหน้าซีด ๆ และร่างที่สั่นเทาของเฉียวอันซิน เขากระชับอ้อมแขนและกอดเธอไว้แน่น
เฉียวอันซินกอดชายหนุ่มกลับเช่นกัน เธอเรียกชื่อเขาเบา ๆ “พี่อาเจ๋อ”
ซูเจ๋อเอื้อมมือแตะศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเมียนเมียน
หลังจากที่เงียบมาได้สักพัก เขาจึงเปิดปากพูด้วยเสียงแหบ
“เมียนเมียน ผมขอโทษ ผมรักอันซิน ผมไม่สามารถหลอกตัวเองอีกต่อไปแล้ว และผมก็ไม่อยากหลอกคุณด้วย”
…
หลังจากได้ฟังคำขอโทษจากเขา เฉียวเมียนเมียนชาไปทั้งร่าง พร้อมกับความรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรง
เมื่อคิดถึงครั้งแรกที่เขาบอกเธอว่าจะอยู่เคียงข้างเธอไปตลอดชีวิตและจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเป็นอันขาด
เขายังเคยบอกเธออีกด้วยว่าทั้งชีวิตของเขาจะรักเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
แล้วตอนนี้ ทั้งหมดในเวลานี้คืออะไรกัน
เขาบอกว่า เขารักเฉียวอันซิน
เฉียวเมียนเมียนยกริมฝีปากขึ้นหัวเราะ ก่อนจะหันไปเห็นรอยยิ้มแห่งชัยชนะของเฉียวอันซิน
แม้ริมฝีปากของหล่อนจะไม่พูดอะไรออกมา แต่เฉียวเมียนเมียนก็เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังพูดอยู่ตอนนี้
เฉียวอันซินพูดผ่านแววตาถึงเธอ “พี่คะ ครั้งนี้ ฉันก็ชนะพี่อีกแล้ว”
เฉียวเมียนเมียนจ้องมองทั้งคู่กอดกันด้วยความผิดหวัง ความเศร้าในใจเริ่มจางหายไปทีละน้อย
ครู่ต่อมาเธอพยักหน้าบอกเขา “เอาล่ะ ซูเจ๋อ”
เธอมองใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้า ด้วยแววตาที่เฉยเมยไร้อารมณ์
“ตามที่คุณต้องการได้เลย พวกเราจะยกเลิกงานหมั้นนั่นซะ”
…
“ซูเจ๋อ ตั้งแต่นี้ต่อไปเราแยกทางกัน ถ้าบังเอิญได้เจอกันอีก ก็ถือซะว่าเราเป็นเพียงคนแปลกหน้าของกันและกัน”
หลังจากพูดจบ เธอหันหลังเดินจากพวกเขาไป
เธอย่ำก้าวออกไปโดยไร้ร่องรอยของความอาลัยอาวรณ์ใด ๆ
ซูเจ๋อมองตามหลังเธอ เขาตื่นตระหนก ผละตัวออกจากเฉียวอันซิน เพื่อจะไล่ตามเธอ
“เมียนเมียน…”
“พี่อาเจ๋อ!” วินาทีนั้นเขาได้ยินเสียงร้องครวญครวงอยู่ด้านหลัง
“ปวดท้อง!”
สีหน้าซูเจ๋อเปลี่ยนไป เขารีบหันกลับเดินไปกอดเจ้าของเสียงนั้นไว้
“อันซินเป็นอะไรไป”
เฉียวอันซินใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องพร้อมขมวดคิ้ว
“อยู่ ๆ ก็ปวดท้อง ปวดมาก พี่อาเจ๋อ ฉันกลัวจะเกิดอะไรไม่ดีกับลูกของเรา”
เมื่อหล่อนกล่าวถึงลูกในท้อง ซูเจ๋อจึงหันความสนใจมาที่เฉียวอันซิน โดยเลิกคิดที่จะตามเฉียวเมียนเมียนไป
เขาพูดด้วยใบหน้าตึงเครียด
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกังวลไป ลูกเราต้องแข็มแรงอย่างแน่นอน ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
…
เฉียวเมียนเมียนเดินมาถึงประตู กระทั่งไม่ได้ยินเสียงโวกเวกโวยวายแล้ว เธอจึงหยุดพักหายใจ ก่อนจะผลักประตูแล้วก้าวเดินออกไป