เฉียวเมียนเมียนสะดุ้งด้วยความเจ็บปวดและย่นหน้าเล้กน้อย
เหมาเยซือหยุดทันที “เจ็บไหม”
เฉียวเมียนเมียนเปิดปากของเธอ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ลู่เยี่ยว ก็คลิกลิ้นของเขาแล้วพูดขึ้น
“สาวน้อย ผมจะบอกคุณเลยนะ ว่านี่เป็นครั้งแรกที่อาซือบริการคนอื่นแบบนี้ ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ผมไม่เชื่อด้วยซ้ำ”
“แม้แต่น้องเซิน ที่เติบโตมาด้วยกัน เขายังไม่เคยดูแลแบบนี้มาก่อน”
ทันทีที่ลู่เยี่ยวพูดเขารู้สึกหนาวจากด้านหลัง ราวกับว่ามีลมหนาวพัดเข้ามาในร่างกายของเขา
เขารู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นเหมาเยซือหรี่ตาของเขาอย่างเย็นชาจ้องมองเขาด้วยสายตาเตือน
ลู่เยี่ยวตัวแข็งไปสักครู่ ก่อนจะตระหนักว่าเขาได้พูดอะไรผิดไป
เขารีบอธิบาย
“สาวน้อย อย่าเข้าใจผมผิด อาซือกับคุณหนูเซินเป็นเพื่อนกันจริง ๆ พวกเขาไม่ได้มีอะไรหรอก ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ดังนั้นหากมีอะไรกันบ้าง ก็คงอยู่ด้วยกันไปนานแล้ว”
เฉียวเมียนเมียนมองไปที่ลู่เยี่ยวด้วยความตกตะลึง
เธอไม่ได้พูดอะไรเลย ใช่ไหม
“จริง ๆ แล้วเขากับคุณหนูเซินเป็นเหมือนพี่น้องกัน คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอก”
ลู่เยี่ยวกล่าวเสริมราวกับว่าเขากลัวหล่อนจะเข้าใจผิด
ประดยคที่เพิ่มเข้ามานี้ทำให้เฉียวเมียนเมียนตกตะลึงยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเหมาเยซือเริ่มมีสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ และดวงตาของเขาก็เย็นลง เย็นลง
ทันใดนั้นลู่เยี่ยวก็ตระหนักว่าท่าทีของเขามืดลง
มันก็ดีถ้าเขาไม่ได้อธิบาย แต่ตอนนี้ที่เขาทำดูเหมือนว่าเหมาเยซือจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณหนูเซิน
ตอนนี้การแสดงออกของเหมาเยซือเริ่มแย่ลง ลู่เยี่ยวคิดว่าชีวิตของเขาสำคัญกว่า จึงรีบเดินไปที่ประตู
“ไม่เหลืออะไรให้ผมทำที่นี่แล้ว ผมขอตัวก่อนล่ะกัน แล้วมาทานข้าวด้วยกันครั้งหน้านะครับ ฮ่าฮ่า”
จากนั้นราวกับว่าความเหนื่อยล้าก่อนหน้านี้ของเขาถูกกวาดออกไปจนหมด เขารีบเดินหายออกไปในพริบตา
***
หลังจากลู่เยี่ยวจากไป
เหลือเพียงสองคนในห้องของหมอใหญ่
เขายังคงทาครีมบนแผลจองเธอ การกระทำของเขาอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนมาก
เมื่อเขาเช็ดแผลที่ขาของเธอ เขาก็นั่งยอง ๆ เพื่อดูที่เท้าของเธอ ค่อย ๆ ยกน่องขึ้น ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาหายใจรดบนตักของเธอเป็นครั้งคราว
รู้สึกแฉะ ๆ และคัน
เฉียวเมียนเมียนมองลงไปว่าเขาทาครีมให้กับเธออย่างจริงจัง รู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวเป็นอย่างมาก
อาจเป็นเพราะเขาเป็นหมอมก่อน ดูจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้
หลังจากจัดการกับรอยฟกช้ำบนร่างกายของเธอแล้ว เหมาเยซือก็กดไหล่ของเธอ ตรวจสอบอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้พลาดอะไรก่อนที่จะปล่อยเธอออกไป
“แม้ว่าจะเป็นเพียงรอยฟกช้ำเล้กน้อย แต่คุณก็ยังต้องระวัง”
เขาเอื้อมมือไปเหน็บข้างหูของเธอ
“อย่าลืมทาครีมให้ตรงเวลา”
“โอเค ฉันทราบค่ะ”
เฉียวเมียนเมียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นเธอก็นึกถึงวิทยาลัยของเธอ แล้วพูดว่า
“ฉันจะกลับไปเรียนได้ไหม”
เหมาเยซือพยักหน้า
เขาเหลือบเวลาบนนาฬิกา ได้เวลากลับบริษัทของเขาด้วย ยังมีหลายสิ่งที่เขาต้องจัดการ
ครั้งนี้ถือว่าได้พักงาน
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไปกันเถอะค่ะ”
เฉียวเมียนเมียนเป็นนักเรียนดีเด่นมาโดยตลอด เธอไม่เคยโดดเรียนหรือออกไปก่อนเวลา
เธอมีชั้นเรียนการแสดงกับอาจารย์คนโปรดในช่วงบ่าย ดังนั้นเธอจึงไม่อยากจะพลาด