“เดี๋ยวก่อน”
เหมาเยซือเอื้อมมือไปจับที่ไหล่องเธอ ริมฝีปากของเขาขยับราวกับว่าเข้าต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
เฉียวเมียนเมียนกระพริบตา “อะไรคะ”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ความลังเลฉายแววออกมาจากดวงตา หลังจากนั้นเพียงครู่เขาก็พูดว่า
“เรื่องที่ลู่ เยี่ยวพูดเมื่อสักครู่ ผมอธิบายได้นะ”
ใบหน้าของเฉียวเมียนเมียนว่างเปล่า “???”
บ่งบอกถึงความงุนงง “อธิบาย? อธิบายเรื่องอะไรคะ”
เหมาเยซือจ้องมองเธอด้วยดวงตาลึกคู่นั้นที่ทรงเสน่ห์เป็นเวลานาน และพูดอย่างจริงจังว่า
“เรื่องน้องเซิน ที่ลู่เยี่ยวพูดถึงมีกี้ เธอชื่อ เซิน โยว เธอเป็นคนของสถาบันการเงินเซิน ฉันกับเธอเราโตมาด้วยกัน ท่านเซินกับปู่ของผมเป็นเพื่อนกัน ทำให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด เมื่อตอนยังเล็ก ๆ พวกเขาได้คิดจะให้น้องเซินกับผมหมั้นกัน แต่ทั้งผมและเซินโยว เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น ดังนั้นเราจึงเลิกที่จะคิดเรื่องนั้นไป”
“เมียนเมียน เซินโยวอายุน้อยกว่าผมอยู่2ปี สำหรับผมแล้วเธอเป็นเหมือนน้องสาว ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องของเธอหรอก”
เฉียวเมียนเมียนเงียไป
เธอไม่ได้ติดใจ
เธอไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าติดใจเรื่องนี้
ทำไมเขากับลู่เยี่ยวถึงคิดว่าเธอจะเข้าใจผิด
เธอไม่ได้คิดอะไรเลยจริง ๆ และเธอก็ไม่ได้เก็บเอาเรื่องน้นมาคิดมากด้วย
นอกจากี้เธอไม่ได้ใส่ใจด้วยว่าเขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเซินจริง ๆ หรือไม่
การแต่งงานของเขากับเธอเป็นเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของกันและกัน มันไม่ใช่เพราะความรักสักหน่อย
เธอต้องการให้เขาทำการผ่าตัดเฉียวเฉิน และเขาเลือกเธอเพียงเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่มีปฏิกิริยาปฏิเสธ ถ้าเธอไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว เขาจะเลือกแต่งงานกับผู้หญิงอย่างเธอหรือ
เฉียวเมียนเมียนตระหนักในเรื่องนี้ดี และรู้ว่าเธอยืนอยู่ตรงจุดไหน แน่นอนว่าเธอจะไม่อิจฉาหรืออะไรทั้งนั้น
อย่างไรก็ตามจากคำอธิบายที่จริงจังของเหมาเยซือ เธอจึงตอบกลับเขาไป
“ค่ะ ฉันเข้าใจดี ไม่ต้องกังวลว่าฉันจะคิดมากหรอกนะคะ”
เหมาเยซือจ้องมองเธอ
“คุณไม่คิดมากหรอกเหรอ”
“จริง ๆ ค่ะ”
เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“คุณไม่ได้บอกหรอกหรือว่าคุณคิดกับเธอเหมือนน้องสาว ฉันเชื่อคุณค่ะ”
“โอเค ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ”
เหมาเยซือเอื้อมมือไปลูบผมเธอขณะที่ยิ้ม
“เอาล่ะ ไปกันเอะ ผมจะเลยไปส่งคุณที่มหาวิทยาลัย”
***
อีกด้านหนึ่ง
หลังจากที่ซูเจ๋อได้รับข้อความจากเจียงหลัวลี่ เขาก็รีบมาหาเฉียวเมียนเมียนในทันที
เฉียวอันซินที่อยู่กับเขา
พวกเขากำลังเลือกเครื่องประดับในร้านเครื่องประดับที่หนึ่ง
“พี่ซูค่ะ สร้อยเส้นนี้เหมาะกับฉันไหมคะ”
เฉียวอันซินลองสวมสร้อยเพชรสีชมพูและยิ้มอย่างมีเสน่ห์ให้กับซูเจ๋อ
ซูเจ๋อเหลือบมองเธออย่างฟุ้งซ่าน
“ที่รัก ผมกำลังรีบ ผมคงต้องไปก่อน คุณเลือกซื้อของได้ตามใจชอบเลยนะ ผมเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมา”
เฉียวอันซินไม่พอใจ
“ธุระอะไรที่ด่วนขนาดนี้? พี่บอกว่าวันนี้จะอยู่กับฉันทั้งวัน”
ก่อนที่ซูเจ๋อจะตอบกลับ เฉียวอันซินมองลงไปที่โทรศัพท์มือถือในมือของเขาแล้วถามอย่างสงสัย
“พี่ ตอนนี้พี่คุยอยู่กับใครค่ะ”
“ผม…” ซูเจ๋อเหลือบมองเธอและลังเล แต่เขาก็ยังพูดออกไปตามตรง
“อันซิน เพื่อนในหอพักของเมียนเมียน เพิ่งส่งข้อความมาว่าเมียนเมียนกำลังมีปัญหา เธอบอกให้ผมไปทันที
ดูเธอกังวลมาก ผมเกรงว่าเมียนเมียนจะได้รับบาดเจ็บ”