เฉียวเฉินยังไม่รู้เรื่องราวการเลิกราระหว่างเฉียวเมียนเมียนกับซูเจ๋อ
ไม่ใช่เขาหรอก”
เฉียวเมียนเมียนขมวดคิ้วด้วยความสับสน เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
ซูเจ๋อเลิกกับเธอแล้ว คนที่จัดการเรื่องนี้ให้กับเธอ คงไม่ใช่เขา พ่อของเธอกับเฉียวเฉินก็คงเป็นไปไม่ได้
ห้องพิเศษของที่นี่ดูจะแพงเอาเรื่อง การเข้าพักที่นี่คงจะใช้เงินไม่ใช่น้อย หากไม่ใช่คนจากตระกูลเฉียวจ่ายให้ แล้วใครจะจัดการให้กันนะ
ใครกันที่ใจดีช่วยน้องชายของเธอโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้
ยิ่งคิดเฉียนเมียนเมียนก็ยิ่งคิดไม่ออก
“ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น
เฉียวเมียนเมียนเดินออกไปเปิดประตู
พยาบาลยืนรออยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นเธอ หล่อนจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“คุณเฉียวคะ ท่านผู้อำนวยการของเราต้องการพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับอาการของน้องชายคุณค่ะ กรุณาตามฉันมาด้วยค่ะ”
ดวงตาเฉียวเมียนเมียนเปิดกว้างด้วยความประหลาดใจ “ผู้อำนวยการเรียกหาฉันเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
…
ที่ออฟฟิตของสำนักท่านประธาน
พยาบาลคนเดิมเดินนำหล่อนไปยังหน้าประตู ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นเคาะประตูเบา ๆ
ประตูห้องของเขาเปิดแง้มไว้อยู่ก่อนหน้า เสียงเจ้าของห้องดังลอดออกมาจากภายในห้อง
“เข้ามาได้”
เสียงหนุ่มกว่าที่คิดแฮะ เฉียวเมียนเมียนคิดอยู่ในใจ เธอเอื้อมมือขึ้นเปิดประตูออกเบา ๆ
เมื่อหล่อนเดินเข้าไปในห้อง ก็ได้พบกับหนุ่มหล่อหน้าตาดีนั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ดูแล้วเขาน่าจะอายุประมาณ 25ปีได้ล่ะมั้ง เขาดูอ่อนโยน ใบหน้าหล่อเหลารับกับแว่นตาสีทอง ยิ่งทำให้เขาดูเป็นสุภาพบุรุษเพิ่มมากขึ้น
นี่เหรอ ท่านผู้อำนวยการ?
ดวงตาของเฉียวเมียนเมียนเปิดกว้างแสดงให้เห็นความประหลาดใจและลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ผู้อำนวยการยังหนุ่มอยู่เลย
ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเขาจะมีอายุราว ๆ 55-60 ปีซะอีก
“สวัสดีครับคุณเฉียว เชิญนั่งก่อนสิครับ”
เฉียวเมียนเมียนถูกลู่เยี่ยวเพ่งพิศ เขามองหล่อนด้วยความสนใจอย่างเห็นได้ชัด
ผู้หญิงคนนี้เหรอที่เหมาเอซือสนใจ ดู ๆ ไปแล้ว เธอก็สวยใช้ได้เลยนี่ ขนาดไม่ได้แต่งตัวนะเนี้ย
เธอเป็นสาวรุ่น อายุ 20ต้น ๆ ใบหน้า ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แม้จะเคยเจอผู้หญิงสวย ๆ มานักต่อนักแล้ว เสน่ห์ของเธอยังทำให้เขาทึ่งได้
หลังจากที่มองหล่อนเพียงครู่ เขาก็ยิ้มและกล่าวขึ้น
“คุณเฉียวครับ ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตรองอะไรรอกครับ พวกเราก็ไม่ได้อายุห่างกันเยอะ ทำตัวสบาย ๆ เหมือนเพื่อกันทั่วไปก็ได้ครับ”
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะพยักหน้าแล้วนั่งลงด้วยรอยยิ้ม
“ผอ. คะ ฉันได้ยินว่าคุณต้องการจะคุยกับฉันเรื่องการของน้องชายฉัน”
เฉียวเมียนเมียนถามเขาอย่างตรงไปตรงมา
“อาการของเขามีอะไรเปลี่ยนแปลงงั้นเหรอคะ”
ลู่เยี่ยวยกกาแฟขึ้นจบ “มันมีอะไรเปลี่ยนไปเล็กน้อยครับ”
เฉียวเมียนเมียนรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีทันใด “ยังไงเหรอคะ”
“จากอาการของน้องคุณ เขาควรได้รับการผ่าตัดที่เร็วกว่านี้ เขาพลาดช่วงเวลาผ่าตัดที่ดีที่สุดไปแล้วน่ะสิครับ”
ใบหน้าของเฉียวเมียนเมียนเปลี่ยนไปกะทันหัน น้ำเสียงของหล่อนสั่น ๆ
“หมายความว่ายังไงคะที่บอกว่า พลาดช่วงเวลาผ่าตัดที่ดีที่สุดไปแล้ว? เขาจะผ่าตัดอีกไม่ได้แล้วเหรอคะ”
“ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ครับ แต่ผลจากการผ่าตัดอาจจะไม่ดีเท่าช่วงเวลานั้น คุณเฉียวการผ่าตัดของน้องชายคุณ ไม่ควรที่จะล่าช้าอีกต่อไปแล้วนะครับ”
ฉันรู้ค่ะ…”
เฉียวเมียนเมียนกำหมัดแน่น
“ฉัน…ฉันจะหาทางดำเนินการให้เร็วที่สุดเองค่ะ แต่เมื่อกี้คุณเพิ่งบอกเองนี่ค่ะว่าหากผ่าตัด ผลลัพธ์อาจจะไม่ดีนัก…”
“มันขึ้นอยู่กับหมดที่จะผ่าตัดให้เขาครับ”
ลู่เยี่ยวพูดขึ้น
“ผมพอจะรู้จักหมอที่เก่งอยู่บ้างครับ จะทำให้น้องคุณมีโอกาสหายได้ 90%”