หลังจากนั้นมายมิ้นท์ก็ไม่ได้คุยต่อและวางโทรศัพท์ลง
ลาเต้เบ้ริมฝีปากของเขาอย่างมีไม่พอใจ “คุยนานดีนี่!”
มายมิ้นท์ได้ยินถึงความหมายจากน้ำเสียงของเขา และอดไม่ได้ที่จะมองมาทางเขา “เอาละ คุณบอกว่าจะกลับไปที่บริษัทไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมยังไม่ไปอีก?”
“เหอะๆ ผู้หญิง! วันๆเอาแต่ไล่ผม!” ลาเต้ลุกขึ้นยืนแล้วบ่นออกมาด้วยน้ำแสงแปลกๆ
มายมิ้นท์ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอไม่อยากสนใจเขาอีกต่อไป จึงหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน
……
ณ ตระกูลภักดีพิศุทธิ์
เมื่อคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์รู้ว่าเยี่ยมบุญถูกจับกุมตัวไป เธอก็รู้สึกตกตะลึงไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร เธอทำได้เพียงแค่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น
เธอนั่งอยู่บนโซฟา วางกล่องกระดาษไว้บนตัก
บนโต๊ะกาแฟตรงหน้ามีกระดาษกองเล็กกองรวมกันอยู่
“ส้มเปรี้ยว เราจะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ร้องไห้และมองไปยังลูกสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามด้วยดวงตาสีแดงเรื่อ
ส้มเปรี้ยวไม่ได้ร้องไห้ออกมา เธอกัดริมฝีปากล่างแน่น “หนูก็ไม่รู้ค่ะ หนูจะลองโทรไปถามลุงในบริษัทดูว่าพอมีวิธีประกันตัวพ่อไหม”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบเร็วเข้าเถอะ” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เร่งเร้า
เธอเป็นแม่บ้านเต็มตัว ก่อนหน้านี้ได้แต่อาศัยเยี่ยมบุญมาเสมอ
ตอนนี้เมื่อเยี่ยมบุญถูกจับ เธอจึงรู้สึกราวว่าท้องฟ้าจะถล่ม
ส้มเปรี้ยวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรหาผู้ถือหุ้นซึ่งค่อนข้างสนิทกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์
สายถูกรับขึ้นอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาที ส้มเปรี้ยวก็วางโทรศัพท์ห่างออกจากหูด้วยใบหน้าที่ไม่ดีนัก
เมื่อคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เห็นดังนี้ เธอก็มีลางสังหรณ์ใจที่ไม่ดีนัก แต่เธอก็ยังถามอย่างมีความหวังว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”
ส้มเปรี้ยวส่ายหัว “คุณลุงโอ บอกว่า พ่อส่งคนไปทุบทำลายพิพิธภัณฑ์จริงๆ มีหลักฐานมันตัว ไม่สามารถประกันตัวได้”
ใบหน้าของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ซีดลงทันใด เธอรู้สึกว่าโลกทั้งใบกำลังหมุน
เธอเอามือขึ้นจับหน้าอกตัวเองและร้องไห้ “เป็นไปได้ยังไง……ทำไมพ่อเราถึงไปทุบทำลายพิพิธภัณฑ์ได้!”
ส้มเปรี้ยวไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอก้มศีรษะเพื่อบิดเบือนอารมณ์บนใบหน้าของตนเอง
เธอดองก็ไม่เข้าใจว่าพ่อของเธอส่งคนไปทำลายอาคารโรงงานของมายมิ้นท์แต่ทำไมจู่ๆ จึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติไปได้?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“ส้มเปรี้ยว ไปหาเปปเปอร์สิ” จู่ๆ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็หาวิธีได้และจับมือส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวมองไปที่มารดา “ไปหาเปปเปอร์?”
“ใช่ พ่อของเราไม่สามารถประกันตัวออกมาได้ ถ้าอย่างนั้นคงต้องให้ทางหน่วยงานราชการปล่อยเขาออกมาเอง เปปเปอร์กับทามทอยสนิทกันไม่ใช่เหรอ? ให้เปปเปอร์คุยกับทามทอยแล้วปล่อยพ่อออกมาสิ” คุณนายพูด
ดวงตาของส้มเปรี้ยวเป็นประกาย เธอลุกขึ้นยืนทันที “หนูจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
ยังไงก็ต้องช่วยพ่อออกมาให้ได้ มิฉะนั้นหากนานไป ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัทจะโดนถอดถอนอย่างแน่นอน แม้ว่าหุ้นในมือของพ่อจะมากที่สุด แต่จะหมดสิทธิในการพูดและถูกควบคุมอำนาจ
เมื่อถึงเวลานั้น สถานะของเธอในแวดวงตระกูลชั้นสูงก็คงจะตกต่ำลงไป
ส้มเปรี้ยวหยิบกระเป๋าเดินออกมาจากตระกูลภักดีพิศุทธิ์ และตรงไปที่ตระกูลนวบดินทร์
เมื่อเปปเปอร์กลับมาจากเลิกงาน เขาก็เห็นเธออยู่ที่นั่นกำลังคุยกับพิศมัย
“เปปเปอร์คะ” เมื่อส้มเปรี้ยวหันไปเห็นเปปเปอร์ เธอก็ยืนขึ้นทักทายด้วยรอยยิ้ม “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ”
พิศมัยก็ยิ้มขึ้นเช่นกัน “ฉันก็ว่าทำไมจู่ๆส้มเปรี้ยวก็หยุดคุย ที่แท้เพราะเห็นเปปเปอร์มานี่เอง เอาละ คนแก่อย่างฉันคงจะไม่อยู่รบกวนหนุ่มสาวแล้ว”
“คุณป้าคะ” ส้มเปรี้ยวหน้าแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย
พิศมัยเม้มริมฝีปากยิ้มแล้วเดินจากไป
“คุณมาที่นี่ทำไม?” เปปเปอร์วางกระเป๋าเอกสารของเขาลงแล้วมองไปที่ส้มเปรี้ยว
ส้มเปรี้ยวเดินไปหาเขาและกอดแขนของเขาเอาไว้ “ทำไมล่ะคะ ฉันมาไม่ได้เหรอ?”
“เปล่าครับถ้าคุณจะมาก็บอกผมสิ เดี๋ยวผมไปรับ” เปปเปอร์พาเธอเดินกลับไปที่โซฟาแล้วนั่งลง
ส้มเปรี้ยวรินน้ำแก้วหนึ่งให้เขา “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขับรถมาเองได้ ไม่ต้องไปรับหรอก”
เปปเปอร์ส่งเสียงอืมออกมาเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกายถามว่า “จู่ๆ ก็เดินทางมาแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ส้มเปรี้ยวลังเลและถามว่า “เปปเปอร์คะ คุณรู้ไหมว่าพ่อของฉันถูกจับ?”
“ผมรู้” เปปเปอร์พึมพำ “อ้อ มาหาผมเพราะเรื่องคุณลุงเหรอ?”
“ใช่ค่ะ” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า “เปปเปอร์ คุณพอจะช่วยพ่อของฉันได้ไหมคะ? เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำลายพิพิธภัณฑ์นั้นแน่”
ไม่ได้ตั้งใจ?
ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นในดวงตาของเปปเปอร์ แต่ก็หายไปในไม่ช้า เขาส่ายหัวเล็กน้อย “ผมคงช่วยไม่ได้ ผมได้ยินเรื่องของคุณลุงแล้ว หลักฐานมัดตัวก็แน่นหนา ทางประเทศไม่อนุญาตให้ประกันตัว”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันไม่ได้ต้องการให้คุณช่วยประกันตัวพ่อ แต่ฉันอยากรบกวนให้คุณคุยกับทามทอยให้หน่อย หากว่าตระกูลชุติเกษมเป็นคนจัดการ พ่อก็จะออกมาได้แน่นอน” ส้มเปรี้ยวมองดูเขาด้วยดวงตาที่เปียกชุ่ม สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว “ใช่ครับ ตระกูลชุติเกษมสามารถช่วยคุณลุงออกมาได้ แต่ตระกูลชุติเกษมจะไม่ทำแบบนั้น เพราะเมื่อพวกเขาทำอย่างนั้นศัตรูของตระกูลชุติเกษมก็จะใช้ข้ออ้างนี้จัดการกับตระกูลชุติเกษม เข้าใจไหมส้มเปรี้ยว?”
นอกจากนั้น ปีนี้ยังเป็นช่วงที่ผู้นำเมืองเดอะซีกำลังจะเปลี่ยนแปลง ตระกูลชุติเกษมเองก็ต้องการนั่งในตำแหน่งนั้นด้วย
ดังนั้นตระกูลชุติเกษมจะไม่มีวันปล่อยให้ตัวเองทำผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย
“ฉันไม่เข้าใจ” ดวงตาของส้มเปรี้ยวเปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที “คุณไม่ได้แม้แต่จะลองพูดดู คุณรู้ได้อย่างไรว่าตระกูลชุติเกษมจะไม่ทำอย่างนั้นคะ?”
เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้น “ส้มเปรี้ยว คุณคิดว่าผมโกหกคุณเหรอ?”
“ฉันเปล่าค่ะ” ส้มเปรี้ยวกะพริบตาและตอบกลับเบาๆ
แต่เปปเปอร์ยังคงสังเกตเห็นว่าคำพูดของเธอดูผิดปกติไป ริมฝีปากบางๆ ของเธอถูกปิดเม้มเอาไว้ มีเพียงความรู้สึกที่อ่อนล้าออกมาจากในใจของเธอ “เอาเป็นว่าเรื่องนี้คุณอย่าได้ไปสนใจเลย เรื่องของคุณลุง……”
“จะไม่ให้ฉันสนใจได้ยังไงคะ?” ส้มเปรี้ยวบีบมือของตัวเองแน่นแล้วขัดจังหวะเขา “นั่นคือพ่อฉันเองนะคะ ฉันจะทนดูเขาเข้าคุกไม่ได้หรอก ในเมื่อคุณไม่ช่วย ฉันก็จะหาทางเอง!”
พูดเสร็จเธอก็ร้องไห้เดินจากไป
เปปเปอร์ต้องการจะหยุดเธอ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่สามารถพูดออกไปได้
ด้านบนชั้นสอง ปีโป้เอนกายอยู่ตรงบนราวบันไดและมองลงมา “พี่ ไม่ตามไปเหรอ?”
“ไม่ ให้เธอสงบสติเองสักพัก” เปปเปอร์ลูบขมับอันปวดเมื่อยของเขา
ปีโป้เบ้ริมฝีปากของตน “พี่ส้มเปรี้ยวก็จริงเชียว พี่ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าจะไม่ช่วย เธอคิดว่าพี่จะไม่ช่วยจริงๆ พี่แค่ต้องการช่วยคุณลุงโดยวิธีอื่น แต่เธอไม่เข้าใจพี่แล้วยังมาตำหนิพี่อีก ไม่มีเหตุผลเอาจริงๆ”
“นี่ๆ พูดให้น้อยลงหน่อย” เปปเปอร์ดุอย่างหมดความอดทน
ปีโป้พึมพำออกมา “ผมจะพูด เพราะผมเห็นกับตาตัวเองที่พี่ปฏิเสธคำขอของพี่ส้มเปรี้ยวที่ให้พี่ไปพี่ทามทอย เธอเลยโกรธพี่ ตอนนี้ผมพอจะมองอะไรออกบ้างแล้วล่ะ ที่แท้พี่ส้มเปรี้ยวไม่ได้ดีอย่างที่เห็น เธอใจแคบมากจริงๆ”
เปปเปอร์ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้หักล้างคำพูดของตน ปีโป้ก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “นี่ พี่ก็คิดว่าพี่ส้มเปรี้ยวใจแคบเหมือนกันเหรอ?”
เปปเปอร์เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา
ไม่ใช่เขาจะไม่กลัว อีกทั้งทำท่าทางตื่นเต้น “พี่ครับ พี่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าพี่ส้มเปรี้ยวเป็นแบบนี้? ในเมื่อพี่รู้แล้วทำไมยังชอบพี่ส้มเปรี้ยวอีก? พี่ชอบเธอตรงไหน?”
ชอบเธอที่ตรงไหน?!
ดวงตาของเปปเปอร์กะพริบ จะว่าไป เขาเองก็จำไม่ได้ว่าเขาชอบอะไรในตัวส้มเปรี้ยว
สิ่งที่เขารักก็คือหญิงสาวที่สื่อสารกับเขาทางจดหมาย เธอใจดี น่ารัก มีชีวิตชีวาดุจดวงตะวันดวงเล็กที่อุ่นใจ
แต่ในตัวส้มเปรี้ยวดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเห็นสิ่งเหล่านี้เท่าไหร่
เขายังสงสัยอยู่หลายครั้งว่าส้มเปรี้ยวเป็นผู้หญิงที่คุยกับเขาทางจดหมายจริงเหรอ?
แต่ถ้าไม่ใช่ส้มเปรี้ยวจะเป็นใคร?
“พี่ครับ พี่กำลังคิดอะไรอยู่?” เมื่อปีโป้เห็นพี่ชายคนโตของเขาเริ่มตาลอยฟุ้งซ่าน จึงได้เอื้อมมือออกไปและโบกมือตรงหน้า
เปปเปอร์เม้มปาก “ไม่มีอะไร ฉันจะขึ้นไปข้างบนก่อน”
“พี่ครับ พี่ยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย” ปีโป้เดินตามหลังเขามาติดๆ
เปปเปอร์ไม่สนใจเขาและปิดประตูลง