ส้มเปรี้ยวไม่คิดว่าจู่ๆ เขาจะพูดถึงเธอ เธอยิ้มอย่างเกรงใจ “ฉัน…”
“คุณรังเกียจเหรอ?” ลาเต้ขัดจังหวะในขณะที่เธอพยายามอธิบาย
ส้มเปรี้ยวส่ายหน้าไปมาเพื่อปฏิเสธ “ฉันเปล่า”
“งั้นทำไมคุณไม่กินล่ะ” ลาเต้ดึงหัวข้อสนทนากลับมา
สมาชิกบนโต๊ะของมายมิ้นท์เมื่อเห็นว่าเขากำลังเริ่มหาเรื่องส้มเปรี้ยวกับเปปเปอร์ ก็นึกสนุกขึ้นมา จึงวางตะเกียบลงอย่างรวดเร็ว เตรียมตัวดูละครตรงหน้า
“นั่นสิครับคุณส้มเปรี้ยว ถ้าคุณไม่ได้รังเกียจคุณเปปเปอร์ ก็กินเข้าไปสิครับ” ทามทอยใช้แขนข้างหนึ่งค้ำศีรษะเอาไว้ แล้วพูดพลางอมยิ้ม
ชาหวานพยักหน้าตาม “นี่คืออาหารที่คุณเปปเปอร์ลงมือทำกับมือเลยนะ ถ้าคุณส้มเปรี้ยวไม่ทานจะดูไม่ดีนะคะ อีกอย่างคุณรักคุณเปปเปอร์ไม่ใช่เหรอ? คงไม่ถึงกับไม่ให้เกียรติคนรักหรอกเนอะ”
ปีโป้ขยับริมฝีปากเล็กน้อย อยากพูดเสริม แต่ก็ถูกสายตาอันเยือกเย็นของเปปเปอร์ห้ามเอาไว้
ส่วนมายมิ้นท์ ดื่มน้ำซุปอย่างใจเย็น และไม่ได้พูดอะไร หากไม่ใช่แววตาที่ยังคงแฝงไปด้วยความสนุกอยู่ของเธอ ก็ราวกับว่าทุกอย่างไม่ได้เกี่ยวข้องกับเธอทั้งสิ้น
ส้มเปรี้ยวมองคนทั้งกลุ่มด้วยด้วนัยน์ตาแดงก่ำ อีกทั้งในใจยังคิดเคียดแค้น
ทุกคนในกลุ่มนี้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งเธอ บีบให้เธอกินอาหารที่รสชาติแย่ขนาดนี้ รอเยาะเย้ยเธอ และเพื่อให้สมความตั้งใจ ยังใช้เปปเปอร์บีบเธอด้วย
ถ้าเธอไม่ยอมกิน เท่ากับว่าเธอรังเกียจเปปเปอร์ ไม่รักเปปเปอร์ ถึงเวลานั้นถึงแม้ว่าเปปเปอร์จะไม่พูดอะไร แต่ในใจก็ต้องระแคะระคายความรู้สึกที่เธอมีแต่เขาแน่ๆ ทุกคนช่างโหดเหี้ยมเสียจริง
“โอเคค่ะ ฉันยอมกิน” ส้มเปรี้ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบอย่างฝืนยิ้ม
ลาเต้และคนอื่นๆ ตกใจสักพัก พลันหัวเราะขึ้นมา
“คุณส้มเปรี้ยวเป็นคนดีจริงๆ และรักที่มีต่อคุณเปเปอร์ก็เป็นรักแท้” ชาหวานยกนิ้วโป้งให้
ส้มเปรี้ยวยิ้มโดยไม่ได้ตอบโต้
รักแท้เหรอ?
เกี่ยวอะไรกับรักแท้ เป็นเพราะทุกคนบีบบังคับเธอต่างหาก ทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้?
ส้มเปรี้ยวเม้มริมฝีปากแน่น แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา
เปปเปอร์รั้งมือเธอไว้ “ไม่ต้องกินแล้ว ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเขาพูดถูก คุณทำอาหารให้ฉันกินเป็นครั้งแรก ฉันต้องลองชิมหน่อย” พูดจบ ส้มเปรี้ยวก็ผลักมือของเขาออกอย่างเบามือ
แม้ว่าเปปเปอร์ยังคงไม่อยากให้เธอกิน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางอีก
อาจเป็นเพราะเขาก็อยากรู้ว่า เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หลังจากที่กินอาหารพวกนี้ลงไป
ภายใต้สายตาทุกคู่ที่กำลังจับจ้องอยู่ ส้มเปรี้ยวยื่นตะเกียบไปทางมันฝรั่ง แล้วคีบมันฝรั่งที่ดูไม่ค่อยเหมือนมันฝรั่งสักเท่าไหร่
“กินสิ หยุดทำไมล่ะ?” เมื่อเห็นว่าเธอคีมันฝรั่งขึ้นมา แต่ไม่ยอมยัดเข้าปาก ลาเต้จึงเริ่มเร่งเร้า
ในใจส้มเปรี้ยวโกรธแค้นมาก แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่กินไม่ได้ จึงหลับตา รวบรวมความกล้าในการยัดมันฝรั่งเข้าปาก
ทันใดนั้น รสชาติที่ยากจะบรรยายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปากของเธอ
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปในทันที ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะปิดปาก และลุกขึ้นวิ่งไปทางห้องน้ำ
ตอนที่เธออยู้ในห้องน้ำ ก็ยังได้ยินหัวเราะเยาะของพวกลาเต้ที่ดังมาจากด้านหลัง
“เปปเปอร์ ท่าทางคุณส้มเปรี้ยวจะไม่ชอบอาหารฝีมือคุณมาก ถึงขั้นที่ต้องวิ่งไปอาเจียน” ทามทอยดื่มน้ำผลไม้ ขณะที่เยาะเย้ยเปปเปอร์
“ไม่แน่นะ คุณส้มเปรี้ยวอาจจะไม่ได้รักคุณมากเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นคงอาเจียนออกมา ถ้าเป็นผม ถึงแม้ที่รักจะทำอาหารรสชาติแย่แค่ไหน แต่ผมก็จะกลืนลงท้องด้วยสีหน้าปกติ ไม่ไปอาเจียนแบบไม่ไว้หน้าแบบนี้” ลาเต้หัวเราะเช่นกัน
สีหน้าของเปปเปปอร์หม่นหมองลงทันที เขาเม้มปากแล้วไม่พูดอะไรอีก
ที่จริงเขาเข้าใจสิ่งที่ส้มเปรี้ยวทำ เป็นเพราะว่าอาหารรสชาติแย่มากจริงๆ
ตอนที่เห็นว่าเธออาเจียนนั้น ในใจของเขายังรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็เหมือนที่ลาเต้พูด ที่เธอทำแบบนี้ เหมือนเธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถอยจากเรื่องนี้ได้อย่างไร
“พอเถอะ รีบกินเสีย ไม่ต้องพูดแล้ว” สุดท้ายมายมิ้นท์ที่นิ่งเงียบมาตั้งแต่แรกยอมเอ่ยปากพูด หลังจากที่เห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักของเปปเปอร์
เธอไม่ได้ช่วยหาทางออกให้เปปเปอร์หรอกนะ
เพียงแต่เป็นกังวลว่าพวกลาเต้พูดมากเกินไป จนเรื่องลุกลามใหญ่โต
พวกลาเต้ก็รู้สึกได้ถึงความโกรธในตัวเปปเปอร์ในทันที จึงยักไหล่แล้วไม่พูดอะไรอีก พร้อมเดินกลับไปกินอาหารต่อ
ขณะเดียวกัน ส้มเปรี้ยวเดินกลับมาจากบ้วนปาก เธอดึงเก้าอี้เพื่อหย่อนก้น พร้อมกับมองชายหนุ่มข้างๆ อย่างระแวดระวัง
เหมือนเธอจะสัมผัสได้ว่าท่าทีของเธอเมื่อสักครู่ ทำให้ชายหนุ่มเกือบจะไม่มีทางออก จึงก้มหน้าลง แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “เปปเปอร์ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอาเจียนออกมา ฉันแค่…”
“ไม่เป็นไรครับ อาหารรสชาติแย่ขนาดนี้ ไม่แปลกที่จะอาเจียนออกมา” เปปเปอร์หยีตาลงเพื่อตัดบทสนทนาของเธอ
เธอรู้สึกได้ว่าในน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความเยือกเย็น หัวใจของส้มเปรี้ยวเต้นแรงขึ้น เธอเข้าใจดีว่าเขาไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำลงไป ในใจก็ยิ่งคิดโมโห
จะโทษก็ต้องโทษพวกมายมิ้นท์
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาบังคับให้เธอกินลงไป เธอก็จะไม่ต้องอาเจียนออกมา และเปปเปอร์ก็ไม่ต้องโมโห
ณ เวลานี้ พวกเปปเปอร์ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะไม่รู้ว่าควรพูดอะไร และยิ่งไม่แตะตะเกียบอีกเลย บรรยากาศความมัวหมองก็รายล้อมอยู่เช่นกัน
แต่พวกมายมิ้นท์ที่อยู่โต๊ะข้างๆ กลับมีเสียงหัวเราะ เสียงพูดคุย กินอาหารกันอย่างสนุกสนาน
กลิ่นหอมของอาหารลอยมาแตะจมูกถึงโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ ยิ่งทำให้ทั้งสามไม่สบอารมณ์มากขึ้น ภายในใจต่างรู้สึกขุ่นเคือง
“โอ๊ยยยย ผมทนไม่ไหวแล้ว หิวมากเลย” ปีโป้ตบโต๊ะอาหารและพูดเสริม “พี่ครับ เราสั่งอาหารให้คนมาส่งอาหารทางเฮลิคอปเตอร์ได้ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตาของส้มเปรี้ยวเป็นประกาย และมองจ้องมาทางเปปเปอร์
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่ได้หรอก ข้างนอกหิมะตก ส่งทางเฮลิคอปเตอร์ก็อันตรายเกินไป อาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราต้องทนหิวแบบนี้ไปเรื่อยๆ เหรอ?” ตาปีโป้เบิกโพลง
เปปเปอร์เงยหน้ามองเขา “ถ้าไม่อยากหิว ก็กินไปสิ”
“ผมยอมทนหิวดีกว่าต้องกินอาหารพวกนี้” ปีโป้พูดด้วยความโมโห
เปปเปอร์สูดหายใจเข้าลึกๆ และไม่ได้บังคับใดๆ “ไม่กินก็ไสหัวไป”
“ไปก็ไป” ปีโป้ลุกขึ้น ก่อนเดินออกไปจากโต๊ะ เขาไม่ได้ขึ้นไปด้านบน แต่กลับเดินไปทางโต๊ะของมายมิ้นท์แทน
เมื่อลาเต้เห็นดังนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ที่รัก เจ้าเด็กนั่นมาแล้ว”
มายมิ้นท์หันไปมองปีโป้ที่กำลังหัวเราะให้เธออย่างซื่อๆ “พี่มายมิ้นท์ครับ”
เชอะ หัวเราะได้โง่เง่าจัง
มายมิ้นท์กลอกตาในใจ ทำท่าทีเหมือนไม่ได้ยิน แล้วหลบสายตาที่จ้องมองเขากลับมา
ปีโป้เห็นใบหน้าที่เมินเฉยของเธอที่มีต่อเขา สีหน้าพลันหมองหม่นไปชั่วขณะ แต่เขายังไม่ไปไหน และยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะในตำแหน่งเดิม เขากำมือแน่นและจ้องมองไปทางอาหารบนโต๊ะอย่างใจจดใจจ่อพร้อมกับสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโหยหิว
เมื่อโดนเขาจ้องขนาดนี้ พวกมายมิ้นท์ก็กินอาหารไม่ลงเช่นกัน
ลาเต้วางน้ำผลไม้ในมือลง “เด็กน้อย คิดจะทำอะไร?”
ปีโป้ไม่สนใจเขา สายตายังคงจ้องมองไปทางมายมิ้นท์ “พี่มายมิ้นท์ อาหารที่พี่ทำหอมจังเลยครับ”
มายมิ้นท์เผยอมุมปากเล็กน้อย “ทำไมเหรอ อยากกินล่ะสิ”
เมื่อเห็นว่าเธอเข้าใจความหมายของตัวเอง สายตาของปีโป้ก็สดใสขึ้นมาทันที เขารีบพยักหน้า “กินได้เหรอครับ?”
“น้องปีโป้ กลับมานี่เถอะ” ยังไม่รอให้มายมิ้นท์ได้ตอบโต้ ส้มเปรี้ยวก็รีบพูดแทรกขึ้นมา “น้องขอจากคนอื่นแบบนี้ไม่เหมาะหรอกนะ”
“เหมาะหรือไม่เหมาะแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ คุณจะยุ่งทำไม?” ปีโป้หันหน้าตอกกลับอย่างโมโห
ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากล่าง น้ำตาก็ปริ่มออกมาเหมือนเคย “พี่แค่เป็นห่วง”
“พี่ไม่จำเป็นต้องห่วงผมหรอก พี่ห่วงแค่พี่ชายของผมคนเดียวก็ดีแล้ว” ปีโป้แบะปากและตอกกลับอีกครั้ง
“เปปเปอร์…” ส้มเปรี้ยวปรี่เข้าไปในอ้อมกอดของเขา เธอต้องการการปลอบใจ
เดิมทีนึกว่าเปปเปอร์จะเอาใจเธอเหมือนที่ผ่านมา คือให้ปีโป้ขอโทษเธอ
แต่ครั้งนี้ เปปเปอร์นอกจากจะกอดเธอไว้ ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เปลือกตาหรี่ลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ครั้งนี้ส้มเปรี้ยวรู้สึกน้อยใจขึ้นมาจริงๆ
แต่ลาเต้กลับชอบใจ จึงได้เอ่ยปากชมปีโป้ “เด็กน้อย พูดได้ไม่เลวเลยนี่”
ปีโป้ยังคงไม่สนใจเขา และแววตาเป็นประกายสดใสยังคงจดจ้องไปทางมายมิ้นท์ ก่อนถามซ้ำอีกครั้ง “พี่มายมิ้นท์ ผมกินด้วยได้เหรอ?”